Skip to main content
sharethis

นายศรีสุวรรณ  จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 14.30 น. ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ ตุลาการศาลปกครองกลางได้เปิดศาลนัดพิจารณาคดีเป็นครั้งแรก ในคดีหมายเลขดำที่ 903/2553 ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนกับชาวบ้านที่รักและหวงแหนต้นไม้จำนวน 130 คน ได้ยื่นฟ้องกรมทางหลวง และกระทรวงคมนาคม เป็นคดีต่อศาลปกครอง กรณีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายตัดต้นไม้ขยายถนนสาย 2090 (ถนนธนะรัตน์) ขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่สองข้างทางที่ขึ้นเป็นซุ้ม “อุโมงค์ต้นไม้” ถูกตัดฟันไปนับหมื่นต้น เป็นการกระทบต่อความรู้สึกของนักอนุรักษ์และผู้ที่ชื่นชอบต้นไม้และธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดยคดีนี้ชาวบ้านและสมาคมฯได้ร่วมกันยื่นฟ้องมาตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2553 ใช้ระยะเวลาในการต่อสู้คดีกันมาอย่างยาวนาเกือบ 3 ปีมาแล้ว

นายประพจน์  คล้ายสุบรรณ ตุลาการผู้แถลงคดีได้แถลงต่อองค์คณะซึ่งมีนายเสน่ห์  บุญทมานพ เป็นตุลาการหัวหน้าคณะในศาลปกครองกลางและเป็นตุลาการเจ้าของสำนวนในวันนี้ความว่า การกระทำของหน่วยงานรัฐผู้ถูกฟ้องคดี ได้ทำการตัดฟันต้นไม้ไปก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งไม่ได้เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียมารับรู้ รับทราบการดำเนินการดังกล่าวก่อนที่จะดำเนินโครงการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนพ.ศ.2546 จึงเป็นการดำเนินการที่ขัดหรือแย้งต่อขั้นตอนของกฎหมายที่ถูกต้อง จึงแถลงชี้ให้หน่วยงานผู้ถูกฟ้องคดีนำต้นไม้ตามขนาด ชนิด และจำนวนต่าง ๆ ที่ถูกตัดฟันหรือโค่นล้มไป นำกลับมาปลูกทดแทนตลอดแนวถนนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน

คดีนี้เข้าข่ายเป็น “คดีโลกร้อนภาคประชาชน” ที่ประชาชนใช้สิทธิฟ้องรัฐที่ตัดต้นไม้ทำให้เกิดโลกร้อน หลังจากที่รัฐโดยกรมอุทยานฯเคยฟ้องประชาชนเป็นคดีโลกร้อนมาแล้วเป็นจำนวนมาก และถือว่าเป็นคดีสิ่งแวดล้อมอีกคดีหนึ่ง ที่สะท้อนให้เห็นถึงพฤติการณ์หรือการกระทำของหน่วยงานรัฐที่อ้างความเร่งด่วนในการดำเนินโครงการ โดยเพิกเฉยต่อกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายที่ถูกต้อง ซึ่งน่าจะใช้เป็นบทเรียนให้หน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ใช้เป็นต้นแบบในการพิจารณาว่าการจะดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน พึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการคัดค้านจากภาคประชาชนจนโครงการเดินต่อไปไม่ได้

อนึ่งคดีนี้ตุลาการเจ้าของสำนวนและองค์คณะจะนัดหมายเพื่อกำหนดวันอ่านคำพิพากษาต่อไปในเร็ว ๆ นี้นายศรีสุวรรณ  กล่าวในที่สุด

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net