Skip to main content
sharethis
3 พ.ค. 56 - ณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการส่งต่อผู้ป่วยนอกเพื่อรับบริการรังสีรักษา” ระหว่าง รพ.วัฒโนสถและสปสช. เพื่อเพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วยมะเร็งสำหรับผู้ป่วยนอกที่ไม่ต้องนอนรักษาในรพ. แต่ต้องเข้ารับรังสีรักษา โดยส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลวัฒโนสถ ไม่ต้องรอคิวนาน และได้รับการรักษาที่รวดเร็วกับรพ.ภาคเอกชนด้วยเทคโนโลยีรังสีรักษาที่ทันสมัย
 
นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวภายหลังลงนามความร่วมมือว่า ปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขปี 2552 พบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น 23% และพบว่าอัตราการเสียชีวิตของประชากรจากโรคมะเร็งสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ เป็นปัญหาที่สำคัญต่อระบบสุขภาพในประเทศไทย ล่าสุดในปีพ.ศ.2554 มีผู้เสียชีวิต 61,082 ราย เฉลี่ยชั่วโมงละเกือบ 7 ราย นอกจากนั้นองค์การอนามัยโลกคาดมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 118,600 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปีพ.ศ. 2573 หรืออีก 17 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยใหม่ 21.3 ล้านคน และจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 13 ล้านคน โดยมะเร็งที่ผู้ชายป่วยมากที่สุด ได้แก่ มะเร็งตับ ปอด ลำไส้และทวารหนัก ต่อมลูกหมากและมะเร็งเม็ดเลือดขาว ส่วนในผู้หญิง ได้แก่ มะเร็งเต้านม ตับ ปากมดลูก ปอดลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาก็มีราคาสูงมาก
 
นพ.วินัยกล่าวว่า  ตามพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ได้กำหนดให้บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขด้วยความมั่นใจ ดังนั้น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจึงมีพันธกิจที่จะต้องส่งเสริมหรือสนับสนุนการสร้างหลักประกันด้านมาตรฐานบริการสาธารณสุขและการเข้าถึงบริการ และช่วยไม่ให้คนล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาล
ทั้งนี้   ที่ผ่านมาการรักษาโรคมะเร็งยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในรพ.รัฐที่มีความแออัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องรับรังสีรักษาต้องรอคิวนาน ขณะที่รพ.ภาคเอกชนซึ่งมีเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ไม่มีคิวรอรักษานาน ทรัพยากรการรักษามีเพียงพอ ดังนั้นเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการคุณภาพภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ระหว่างภาครัฐและเอกชน สปสช.จึงได้ร่วมมือกับรพ.วัฒโนสถ ซึ่งเป็นรพ.ภาคเอกชนเฉพาะทางด้านโรคมะเร็งที่มีศักยภาพสูง เพื่อส่งต่อผู้ป่วยมะเร็งที่เป็นผู้ป่วยนอกซึ่งไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวในรพ.มารับการรักษาด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ช่วยลดการรอคิว เพิ่มโอกาสการรักษาได้รวดเร็วและทันต่อโรค ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และรพ.ได้รับการชดเชยตามอัตราที่กำหนด นอกจากนี้ทาง สปสช.ยังขยายโอกาสในการใช้สิทธิ์แก่ผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นโรคมะเร็งแต่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฉายรังสีรักษา อาทิ โรคเนื้องอกในสมองบางชนิด โรคเนื้องอกของเส้นประสาทการได้ยินและโรคเส้นเลือดในสมองโป่งพองผิดปกติ ได้เข้าถึงการรักษาโดยเท่าเทียมกัน”เลขาธิการสปสช. กล่าว
 
“ การลงนามดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการให้บริการด้านสุขภาพ โดยอาศัยทรัพยากรภาคเอกชนที่มีเพียงพอมาให้บริการผู้ป่วยภาครัฐ ที่ผ่านมามีผลงานในลักษณะรัฐร่วมเอกชนหลายลักษณะ เช่น คลินิกชุมชนอบอุ่น รพ.เทศบาล และระบบริการการแพทย์ฉุกเฉินระดับจังหวัดที่เป็นความร่วมมือระหว่างอปท.ร่วมกับรพ.หรือสถานีอนามัย โดยหาแนวร่วมมาช่วยกันทำงานที่ทุกฝ่ายต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยบริการภาครัฐและเอกชน ในลักษณะของหุ้นส่วนรัฐร่วมเอกชนซึ่งจะเป็นทางเลือกในการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสู่ความยั่งยืนต่อไป”เลขาธิการสปสช.กล่าว
 
นพ.กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล รองประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพและผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลวัฒโนสถ เป็นโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง ซึ่งอยู่ในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ เรามีความพร้อมและความชำนาญในการให้บริการทางการแพทย์อย่างครบครันเฉพาะทางด้านรังสีรักษา และเพื่อเป็นการร่วมมือกันพัฒนาประสิทธิภาพของการรักษาในประเทศไทยให้มีคุณภาพมากขึ้น และเพียงพอต่อความต้องการของคนไทย จึงได้จับมือร่วมกับสปสช. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเพื่อทำบันทึกข้อตกลงในการบริการส่งต่อผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกของ สปสช.ที่เป็นโรคมะเร็งหรือโรคอื่น ๆ ที่ต้องเข้ารับบริการรังสีรักษา ตามที่แพทย์รังสีรักษาของโรงพยาบาลดังกล่าวระบุในหนังสือส่งตัว โดยค่าใช้จ่ายในการรักษายังคงเป็นไปตามเงื่อนไขของสปสช. สำนักงานประกันสังคม หรือกรมบัญชีกลางที่คนไข้ถือสิทธิ
 
“รพ.วัฒโนสถให้ความสำคัญกับทุกการรักษาที่จะช่วยชีวิตผู้ป่วยให้รอดจากโรคร้าย ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการรักษา ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างมีคุณภาพยืนยาวขึ้น” นพ.ชาตรี กล่าวและบอกว่า จากความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงนี้แพทย์รังสีรักษาของโรงพยาบาลต้นสังกัด จะทำหนังสือส่งตัวผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยระบุไว้กับสปสช. เพื่อมารักษาด้วยรังสีรักษาที่โรงพยาบาลวัฒโนสถ รวมถึงในกรณีที่การรักษานั้นต้องใช้เทคนิคที่สูงขึ้น เช่น ระบบ IGRT(ภาพรังสีนำวิถี), 3D (ระบบประมวลภาพเป้าหมายแบบ 3 มิติ) และ SRS (รังสีศัลยกรรมด้วยเครื่อง Gamma knife  และเครื่องฉายแสง 3 มิติ Novalis) และอื่นๆ ตามเงื่อนไขของสปสช.หรือสำนักงานประกันสังคม เพื่อให้เข้าถึงการรักษาโดยรังสีรักษาที่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีระดับสูงและมีราคาได้อย่างเท่าเทียมกัน
 
พลตรีนายแพทย์นิวัฒน์ บุญยืน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวัฒโนสถ กล่าวเสริมว่า โรงพยาบาลวัฒโนสถเป็นโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง ที่พร้อมให้บริการผู้ป่วยด้วยการใช้เครื่องมือทางรังสีรักษาที่ทันสมัย อาทิ การรักษาด้วยรังสีระยะใกล้ (ฝังแร่) Brachytherapy เป็นวิธีการรักษาโดยให้ต้นกำเนิดรังสีอยู่ใกล้กับบริเวณที่จะทำการรักษาก้อนมะเร็ง ทำให้ก้อนมะเร็งที่อยู่ใกล้ต้นกำเนิดรังสีได้รับปริมาณรังสีได้สูงตามเป้าหมาย ในขณะที่เนื้อเยื่อปกติได้รับปริมาณรังสีในระดับน้อย ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องเร่งอนุภาค Linear Accelerator (LINAC) เป็นเครื่องฉายรังสีที่ใช้กระแสไฟฟ้าในการผลิตรังสีเอ็กซเรย์พลังงานสูง โดยสามารถแบ่งระดับพลังงานของรังสีเอ็กซ์ และ การรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีระบบ 3 มิติและบีบจัดแต่งรูปลำรังสีให้เล็กตามกำหนด (Novalis) และเครื่องฉายรังสี  Volumetric Modulated Arc Therapy (VMAT) ซึ่งควบคุมรูปลำรังสีและความเข้มของรังสีได้ตามรูปร่างและตำแหน่งของก้อนมะเร็งให้ความถูกต้องและแม่นยำในการรักษาสูง เหมาะสำหรับรอยโรคขนาดเล็กและอยู่ใกล้กับอวัยวะสำคัญที่มีความไวต่อรังสีมาก กล่าวได้ว่า การวางแผนการรักษาด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ทำให้แพทย์สามารถกำหนดการกระจายของรังสีในเป้าหมายให้พอดีกับขนาดของก้อนมะเร็งมากที่สุด ช่วยลดความเสียหายของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะปกติที่อยู่รอบๆ ได้ ทั้งนี้นอกจากความพร้อมของอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว  เรามีบุคลากรทางการแพทย์ที่จะให้การดูแลและรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ ด้วยคณะแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ นอกจากนี้เรายังได้ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคต่างๆ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อสร้างความชำนาญในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ  ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะให้การดูแลสุขภาพของคนไทยให้มีความเท่าเทียมและได้มาตรฐานระดับสากล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net