Submitted on Fri, 2013-06-21 00:20
กรุงเทพโพลล์ สำรวจความเห็น 63 นักเศรษฐศาสตร์ เรื่อง “8 ประเด็นปัญหาเศรษฐกิจกับการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลใน 2 ปีที่เหลือ” ร้อยละ 63.5 จี้เร่งแก้คอร์รัปชั่น ถัดมาดูปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน หนี้สาธารณะ
20 มิ.ย.56 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยแพร่ผลการสำรวจความเห็น นักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 31 แห่ง จำนวน 63 คน เรื่อง “8 ประเด็นปัญหาเศรษฐกิจกับการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลใน 2 ปีที่เหลือ” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 11 – 18 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา พบว่า
นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 63.5 มองว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงและควรเร่งแก้ไขโดยเร็วเพราะอาจนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจได้ ถัดมาร้อยละ 69.9 และร้อยละ 63.5 ต้องการให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษในปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน และปัญหาหนี้สาธารณะตามลำดับ
ส่วนปัญหาที่นักเศรษฐศาสตร์ต้องการให้รัฐบาลเฝ้าระวังมีดังนี้ ปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ (ร้อยละ 96.9) ปัญหาเศรษฐกิจโลกตกต่ำ (ร้อยละ 93.6) ปัญหาเงินบาทแข็งค่า (ร้อยละ 90.5) ภาวะเงินเฟ้อ/ข้าวของแพง (ร้อยละ 82.5) และปัญหาการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (ร้อยละ 81.0)
สำหรับข้อเสนอแนะในการบริหารเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่เหลือของรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีดังนี้อันดับ 1 ขอให้เลิกและปรับเปลี่ยนการดำเนินโครงการประชานิยมต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว เช่น การกำหนดวงเงินที่ชัดเจนในแต่ละปีการผลิต และควรเป็นระบบที่อิงกับราคาตลาด มีการจัดทำโซนนิ่งพื้นที่การผลิตที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไปพร้อมๆกัน
อันดับ 2 เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินในโครงการลงทุนต่างๆ และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ Mega projects อันดับ 3 จริงจังกับการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ดำเนินโครงการต่างๆ ด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
หมายเหตุ: รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้ เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด
1. ความรุนแรงของปัญหาทางด้านเศรษฐกิจของไทยในด้านต่างๆ ในระยะ 2 ปีข้างหน้า
ประเด็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ
|
ความรุนแรงของปัญหา
|
ไม่ตอบ/
ไม่ทราบ
|
|||
ปกติ
ไม่เป็น
ปัญหา
|
เฝ้า
ระวัง
|
เฝ้าระวังเป็นพิเศษ
|
เร่งแก้ไขโดยเร็ว/อาจนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจ
|
||
1. ภาวะเงินเฟ้อ / ข้าวของแพง
|
17.5
|
47.6
|
20.6
|
14.3
|
0.0
|
2. เงินบาทแข็งค่า
|
7.9
|
52.4
|
33.3
|
4.8
|
1.6
|
3. หนี้สินภาคครัวเรือน
|
3.2
|
23.8
|
52.4
|
17.5
|
3.1
|
4. หนี้สาธารณะ
|
1.6
|
34.9
|
34.9
|
28.6
|
0.0
|
5. การทุจริตคอร์รัปชั่น
|
1.6
|
6.3
|
25.4
|
63.5
|
3.2
|
6. เศรษฐกิจโลกตกต่ำ
|
4.8
|
54.0
|
33.3
|
6.3
|
1.6
|
7. ฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์
|
3.1
|
54.0
|
38.1
|
4.8
|
0.0
|
8. การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ
|
15.9
|
41.3
|
30.2
|
9.5
|
3.1
|
9. อื่นๆ คือ (1) เศรษฐกิจในประเทศและเอเชีย (2) การผันผวนของค่าเงินบาท (3) การกระจายรายได้
(4) การกู้เงินของรัฐบาลมาลงทุนในโครงการที่ไม่คุ้มค่า (5) การปรับตัวของ SMEs ในการเปิด AEC
(6) โครงการรับจำนำข้าว (7) ความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
|
2. ข้อเสนอแนะในการบริหารเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่เหลือของรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์
อันดับ 1 ขอให้เลิกและปรับเปลี่ยนการดำเนินโครงการประชานิยมต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว เช่น การกำหนดวงเงินที่ชัดเจนในแต่ละปีการผลิต และควรเป็นระบบที่อิงกับราคาตลาด มีการจัดทำโซนนิ่งพื้นที่การผลิตที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไปพร้อมๆกัน
อันดับ 2 เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินในโครงการลงทุนต่างๆ และใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ Mega projects
อันดับ 3 จริงจังกับการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ดำเนินโครงการต่างๆ ด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
อันดับ 4 ให้ความสำคัญกับการดูแลและบริหารหนี้สาธารณะอย่างใกล้ชิด
อันดับ 5 อื่นๆ คือ รัฐมนตรีต้องเก่งมีความรู้มีความสามารถ/สร้างความแข็งแกร่งให้ภาคธุรกิจและภาคเกษตรกรรม/เตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ AEC/ ควรลดปัญหาและประเด็นทางการเมือง
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น
2. เพื่อให้ข้อเสนอแนะในการบริหารเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีข้างหน้า
กลุ่มตัวอย่าง
เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์ (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปีจนถึงปัจจุบัน) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ จำนวน 31 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารธนชาต บริษัทหลักทรัพย์ภัทร บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนฟินันซ่า คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยทักษิณ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตรมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สำนักวิชาการจัดการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง และคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
วิธีการรวบรวมข้อมูล
การสำรวจนี้เป็นการวิจัยโดยการเลือกตัวอย่างประชากรโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น (Non-probability sampling) แต่ละหน่วยตัวอย่างที่จะได้รับการเลือก จึงเป็นการเลือกตัวอย่างประชากรแบบเจาะจง (Purposive sampling) และดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 11 – 18 มิถุนายน 2556
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 20 มิถุนายน 2556
ข้อมูลรายละเอียดของกลุ่มตัวอย่าง
|
จำนวน
|
ร้อยละ
|
ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่
|
|
|
หน่วยงานภาครัฐ
|
27
|
42.9
|
หน่วยงานภาคเอกชน
|
22
|
34.9
|
สถาบันการศึกษา
|
14
|
22.2
|
รวม
|
63
|
100.0
|
เพศ
|
|
|
ชาย
|
31
|
49.2
|
หญิง
|
32
|
50.8
|
รวม
|
63
|
100.0
|
อายุ
|
|
|
26 ปี – 35 ปี
|
23
|
36.5
|
36 ปี – 45 ปี
|
19
|
30.2
|
46 ปีขึ้นไป
|
21
|
33.3
|
รวม
|
63
|
100.0
|
การศึกษา
|
|
|
ปริญญาตรี
|
4
|
6.4
|
ปริญญาโท
|
46
|
73.0
|
ปริญญาเอก
|
13
|
20.6
|
รวม
|
63
|
100.0
|
ประสบการณ์ทำงานรวม
|
|
|
1-5 ปี
|
10
|
15.9
|
6-10 ปี
|
16
|
25.4
|
11-15 ปี
|
10
|
15.9
|
16-20 ปี
|
9
|
14.3
|
ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
|
18
|
28.5
|
รวม
|
63
|
100.0
|