Skip to main content
sharethis

ประชาชนและผู้ประกอบการจะประสบปัญหาในยุคทีวีดิจิตอลที่กำลังจะมาถึงในระยะเวลาอันใกล้นี้ หาก กสทช.ไม่ยกเลิกหรือแก้ไขประกาศ 2 ฉบับ คือ must carry และ must have  

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)  กล่าวว่า  ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรปีที่ผ่านมา  ซึ่งบริษัทแกรมมี่ได้รับลิขสิทธิ์ แล้วนำรายการส่วนหนึ่งมาถ่ายทอดทางฟรีทีวี แต่ไม่อนุญาตให้เคเบิ้ลทีวีนำไปถ่ายทอดต่อ จนทำให้เกิดปัญหา “จอดำ” นั้น   กสทช.ได้แก้ปัญหาซึ่งยิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้นด้วยการออกกฎ  2 ข้อ คือ กฎที่เรียกกันผิดๆ ว่า must carry ซึ่งกำหนดให้ฟรีทีวีต้องเปิดรายการของตนให้ทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีเอาไปถ่ายทอดต่อ และกฎ must have ที่กำหนดให้กีฬาสำคัญๆ ที่กำหนดไว้ต้องถ่ายทอดผ่านเฉพาะฟรีทีวีเท่านั้น
 
 
กฎ must carry ในต่างประเทศจะกำหนดให้ผู้ให้บริการเคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมรายใหญ่ ต้องรับสัญญาณจากช่องฟรีทีวีที่กำหนดไปถ่ายทอดต่อ แต่กฎที่เรียกว่า must carry ของไทยกลับกำหนดฝ่ายเดียวให้ฟรีทีวีจะต้องยิงสัญญาณไปไว้ที่ทีวีดาวเทียม     แต่ไม่ได้บังคับให้เคเบิ้ลทีวีต้องรับสัญญาณของรายการของทีวีธุรกิจไปถ่ายทอดต่อ   กฎ must carry แบบไทยๆ จึงทำให้เกิดปัญหามากมายคือ  นอกจากไม่สามารถแก้ปัญหาจอดับ-จอดำได้  เพราะขัดกับกฎหมายลิขสิทธิ์แล้ว  ยังทำให้ฟรีทีวีมีต้นทุนสูง โดยในหลายกรณีก็เป็นการลงทุนที่ต้นทุนสูญเปล่า เพราะไม่ได้กำหนดให้เคเบิ้ลทีวีจะต้องนำสัญญาณไปถ่ายทอดต่อ     ปัญหาความสูญเปล่าดังกล่าวจะเกิดขึ้นมากในอนาคตอันใกล้เมื่อเกิดทีวีดิจิตอลธุรกิจจำนวนถึง 24 ช่อง   ในขณะที่ ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์จากกฎดังกล่าวคือผู้ให้บริการดาวเทียมของไทย ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่เพียงรายเดียว  
 
ส่วนกฎ  must have ที่กำหนดให้รายการกีฬาสำคัญ ๆ จะต้องถ่ายทอดทางฟรีทีวีเท่านั้น ก็จะทำให้เกิดปัญหาเช่นกัน  เพราะกีฬาต่างๆ ทั้งซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิก มีรายการกีฬาที่แข่งขันกันจำนวนมาก จนฟรีทีวีไม่สามารถถ่ายทอดได้หมด     การจำกัดให้ถ่ายทอดกีฬาดังกล่าวเฉพาะฟรีทีวีจะทำให้ประชาชนไม่ได้ดูกีฬาเหล่านั้น จากเดิมเคยสามารถดูได้ทางเคเบิ้ลทีวีหรือทีวีดาวเทียม    นอกจากนี้ กฎดังกล่าวยังจะทำให้ทีวีช่องใหม่เกิดขึ้นไม่ได้ เช่น กรณีบริษัทอาร์เอสซึ่งได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลก และเดิมต้องการที่จะถ่ายทอดทางทีวีดาวเทียมของตน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะขัดกับกฎของกสทช.ดังกล่าว จนอาร์เอสก็ต้องล้มเลิกแผนการเดิมของตนและมีปัญหาฟ้องร้องกับ กสทช.อยู่ขณะนี้
 
เท่าที่ศึกษาดูพบว่า ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีกฎระเบียบการถ่ายทอดรายการทีวีที่แปลกพิสดารเหมือนกับประเทศไทย   เนื่องจาก หากประเทศใดมีกฎบังคับให้ฟรีทีวีต้องเปิดสัญญาณให้เอารายการของตนไปถ่ายทอดต่อแล้ว ก็จะต้องมีกฎ must carry บังคับให้เคเบิ้ลทีวีและทีวีดาวเทียมมีหน้าที่ต้องนำเอาสัญญาณดังกล่าวไปถ่ายทอดต่อ     นอกจากนี้ ไม่พบว่ามีประเทศใดในโลกที่บังคับให้ถ่ายทอดรายการกีฬาสำคัญ ๆ เฉพาะทางฟรีทีวีอย่างเดียวเท่านั้น   อย่างมากจะกำหนดว่า ถ้ามีการถ่ายทอดรายการกีฬาสำคัญทางเคเบิ้ลหรือทีวีดาวเทียมแล้ว จะต้องยอมให้ถ่ายทอดทางฟรีทีวีด้วย
 
ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า กฎที่กสทช.ออกมาเป็นกฎที่ผิดพลาด ซึ่งจะทำให้ทั้งประชาชนในฐานะผู้ชมและผู้ประกอบการเสียประโยชน์   ข้อเสนอก็คือ ควรยกเลิกประกาศ must carry และ must have ทั้งสองฉบับ   ทั้งนี้ ในระยะยาว ประกาศ must carry ไม่จำเป็นเพราะทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นจะถูก กสทช. กำหนดให้ต้องขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่ไปกำหนดให้รายการของฟรีทีวีจะต้องไปออกเคเบิ้ลทีวีหรือทีวีดาวเทียมอีก  อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปลี่ยนผ่าน หากจะมีกฎ must carry ก็สมควรยกร่างให้ถูกต้อง เหมือนในต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net