Skip to main content
sharethis

ย่างกุ้ง – เมื่อสองปีก่อนเฟรดดี้ ลินน์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ใจกลางเมืองมิตจีนาในรัฐคะฉิ่น ที่นั่นเองที่เขาได้รู้จักกับโลกที่เขาไม่เคยได้รู้จักมาก่อนในรัฐที่เผชิญแต่สงครามยาวนานกว่าหกสิบปี

ประสบการณ์ท่องโลกทางอินเทอร์เน็ตของเฟรดดี้ออกแนวตะกุกตะกักอยู่เพราะว่าไฟฟ้าดับเป็นประจำ หรือไม่ก็ด้วยข่าวการสู้รบระหว่างชนเผ่ากลุ่มต่างๆ กับทหารทั่วทั้งพม่า แต่เฟรดดี้ ลินน์รู้ว่าเขาควรเกาะติดเพราะว่าเขามีโอกาสได้เชื่อมต่อกับโลกข้างนอกรัฐคะฉิ่น ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกติดกับพรมแดนพม่ากับจีนและอินเดีย ขณะที่เพื่อนๆ เขาต้องจ่ายเงินชั่วโมงละ 400 จั๊ตเพื่อใช้อินเทอร์เน็ต เฟรดดี้ ลินน์ได้รับข่าวสารจากทั่วโลกฟรี เพราะเขาทำงานที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งนั้น

ทุกวันนี้ บัณฑิตที่จบฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐที่มิตจีนาคนนี้ยังคงท่องเน็ตฟรีได้อยู่ เพราะทำงานเป็นอาสาสมัครในย่างกุ้งให้กับองค์กรเอกชนชื่อ Myanmar ICT for Development Organization หรือ MIDO เฟรดดี้ ลินน์เป็นหนึ่งในชาวพม่าประมาณ 500,000 คน จากประชากรทั้งประเทศราว 55 ล้านคนที่มีอินเทอร์เน็ตใช้

ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ นักวิชาการและหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มมีเดียอินไซด์เอาท์ยืนยันว่าการสื่อสารเป็นสิทธิมนุษยชน รัฐธรรมนูญของประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกประกันสิทธินี้ไว้ สำหรับพลเมืองของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางการสื่อสารและเป็นพื้นที่ใหม่แห่งเสรีภาพอันถือกันว่าเป็นปัจจัยพื้นฐาน

พม่ายังคงพยายามสลัดตัวเองให้พ้นจากอดีตอันมืดมน นับตั้งแต่เปิดประเทศเมื่อสองปีก่อนหลังจากที่ตกอยู่ภายใต้ระบอบอำนาจนิยมของทหารมานานหลายทศวรรษ พลเมืองพม่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักรณรงค์กำลังใช้พื้นที่และเสรีภาพนี้อย่างเต็มที่ในการแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และกับโลกภายนอกด้วย

อย่างไรก็ตาม นักสังเกตการณ์ก็เตือนว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นเพียงภาพลวงตา พวกเขาบอกว่ารัฐบาลพม่ายังคงกีดกันไม่ให้พลเมืองของตนมีสิทธิในเรื่องข้อมูลข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ขณะที่กระบวนการปฏิรูปประเทศยังคงต้องพิสูจน์กันต่อไป การสื่อสารและอินเทอร์เน็ตยังตกอยู่ในเงื้อมมือการผูกขาดและควบคุมของรัฐ ปัญหาเรื่องการผูกขาดและควบคุมการให้บริการอินเทอร์เน็ตยังถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วยปัญหาไฟฟ้าดับเป็นประจำ บางครั้งก็ดับเป็นวัน
 


สื่อสิ่งพิมพ์ในพม่า
 


บริษัทรัฐและพรรคพวกจำกัด

เมียนมาร์โพสต์แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น (MPT) เป็นรัฐวิสาหกิจที่ผูกขาดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ให้บริการโทรศัพท์บ้าน สถานที่ประกอบธุรกิจและหน่วยงานราชการ นอกจากนี้ MPT ยังเป็นผู้ให้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะทั่วทั้งประเทศพม่า

MPT ดำเนินงานภายใต้กระทรวงสื่อสาร การไปรษณีย์และโทรเลข หน้าที่กระทรวงนี้ครอบคลุมการให้บริการสื่อสารที่ราบรื่นและสะดวกแก่สาธารณชน ตอบสนองความต้องการด้านสื่อสารของภาคธุรกิจ ภาครัฐและสังคม ต้องจัดตั้งศูนย์การสื่อสารและเส้นทางตามความจำเป็น และติดตามให้บริการสื่อสารเป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ

เมื่อปี 2010 MPT อนุญาตให้บริษัทชื่อ Red Link Communications วางโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งส่วนใหญ่ครอบคลุมย่างกุ้งกับมัณฑะเลย์ เจ้าของบริษัทเรดลิ้งก์คือบรรดาลูกชายของชเว มานน์ ผู้นำลำดับที่สามของรัฐบาลเก่าและปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภา

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายอื่นในพม่าคือรัฐวิสาหกิจชื่อ Yatanarpon Teleport และ Sky Net MPS ซึ่งเป็นของนักธุรกิจรายใหญ่ชื่อชเว ตัน พันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีอู เต็งเส่ง

ถ้าไม่ได้ต้องไปเยือนอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อยู่เป็นประจำหรือว่าต้องพึ่งพาสัญญาณไวไฟฟรีที่มีบ้างไม่มีบ้างแล้ว การมีอินเทอร์เน็ตใช้ในพม่าหมายความว่าต้องมีสายโทรศัพท์บ้าน กระบวนการขอสายโทรศัพท์บ้านต้องนำเอาบัตรประชาชนไปแสดงเท่านั้น จ่ายค่าธรรมเนียมประมาณ 500 เหรียญสหรัฐ แล้วต่อจากนั้นก็ต้องอดทนรอคอย อาจต้องคอยประมาณหนึ่งถึงสามเดือน พวกที่เช่าบ้านอยู่แทบจะไม่มีโอกาสได้รับอนุมัติให้มีสายโทรศัพท์ในบ้าน

จึงไม่มีใครประหลาดใจเลย เมื่อรายงานของสถานีวิทยุเรดิโอฟรีเอเชียระบุว่าร้อยละ 6.7 ของประชากรพม่าทั้งหมดหรือว่าประมาณสี่ล้านคนในพม่าเท่านั้นที่มีสายโทรศัพท์บ้านใช้

ขั้นต่อจากมีสายโทรศัพท์แล้วก็ต้องยื่นขอรับบริการอินเทอร์เน็ต ถ้าไปเรดลิงก์ก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าธรรมเนียม 1,000-1,500 เหรียญสหรัฐสำหรับเคเบิลใยแก้ว นอกจากนี้ยังมีค่าบริการรายเดือนอีกราวเดือนละ 600-700 เหรียญ เหล่านี้คือสาเหตุว่าทำไมประเทศพม่าจึงมีอัตราประชากรที่มีอินเทอร์เน็ตใช้ต่ำมาก เพราะว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของประชาชนทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 80,000 จั๊ตหรือราว 83 เหรียญ

ถ้าหากว่าคุณตัดสินใจที่จะเชื่อมต่อสายโทรศัพท์บ้านกับอินเทอร์เน็ตโดยผ่านระบบสาย ADSL ก็ต้องจ่ายค่าติดตั้ง 100 เหรียญกับค่าบริการรายเดือนอีกราว 50-70 เหรียญ


อินเทอร์เน็ตเต่า

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงฉากแรกแห่งหนังเศร้าเรื่องยาวของคนที่ต้องการออนไลน์ในพม่า ผู้ประกอบวิชาชีพไอทีคนหนึ่งที่ไม่ต้องการเปิดเผยนามอธิบายว่า เนื่องจาก MPT ผูกขาดควบคุมการสื่อสาร หน่วยงานนี้จึงทำหน้าที่ประหนึ่ง "พระเจ้า" ที่คอยลิขิตความเร็วของอินเทอร์เน็ต สามารถที่จะเลือกจำกัดความเร็วสำหรับผู้ใช้บางกลุ่มได้

ออง บาร์ เลย์ นักวิชาชีพด้านไอทีอีกคนเห็นด้วยกับความเห็นข้างต้น เขาบอกว่าแค่เฉพาะในใจกลางเมืองย่างกุ้งเอง อินเทอร์เน็ตเร็วช้าไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าไหนเต็มใจจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อเร่งความเร็ว
เช่นในโรงแรมระดับประหยัดแห่งหนึ่งบนถนนโบตาตอง พาโกด้าในใจกลางเมืองย่างกุ้ง ความเร็วดาวน์โหลดอยู่ที่ 0.13 เมกะบิตต่อวินาทีกับอัปโหลดที่ 0.15 ขณะเดียวกันที่ภัตตาคารอีกแห่งในถนนเส้นเดียวกันนั้นเองความเร็วดาวน์โหลดอยู่ที่ 0.55 กับอัปโหลดที่ 0.87 เมกะบิตต่อวินาที เจ้าของภัตตาคารแห่งนี้คือคนที่ใครๆ รู้กันว่าเป็นพวกพ้องของรัฐบาลทหาร

ความเร็วของอินเทอร์เน็ตในพม่านั้นล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย เวียดนามและฟิลิปปินส์ด้วย มิหนำซ้ำยังช้ากว่าที่กรุงเวียงจันทน์

ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จากการทดสอบความเร็วเราพบว่าสปีดในการดาวน์โหลดอยู่ที่ 0.98 เมกะบิตต่อวินาทีกับอัปโหลดสปีดที่ 1.02 ที่กรุงมะนิลา อินเทอร์เน็ตที่ต่อด้วยสายโทรศัพท์มีสปีดในการอัปโหลดที่ 0.91 กับ 5.54 ในการดาวน์โหลด

ณ กรุงเวียงจันทน์ ดาวน์โหลดสปีดอยู่ที่ 1.69 กับอัปโหลดที่ 0.60 เมกะบิตต่อวินาที แต่ที่เวียดนามที่ซึ่งกระทั่งพื้นที่ชนบทรัฐก็พาอินเทอร์เน็ตไปให้ใช้นั้น ดาวน์โหลดสปีดอยู่ที่ 31.24 ขณะที่อัปโหลดสปีดอยู่ที่ 27.21 เมกะบิตต่อวินาที

ขณะที่เราสามารถโหลดวิดีโอ Applause ของเลดี้กาก้าในมะนิลาหรือกรุงเทพฯ (โดยที่วิดีโอไม่ได้หยุดเล่นระหว่างโหลด) ภายในเสี้ยววินาที คุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 วินาทีถึงจะได้ดูวิดีโอเดียวกันนี้ในย่างกุ้ง และถ้าเรานับเวลาบัฟเฟอร์ของคอมไปอีกประมาณหนึ่งนาที แฟนๆ ของเลดี้กาก้าในย่างกุ้งต้องรอประมาณ 5 นาที ให้วิดีโอความยาว 3.35 นาทีดาวน์โหลดเสร็จแล้วค่อยเริ่มเล่น

ในเวียดนาม ประชาชนทั่วไปจ่ายสตางค์เพียง 400 ด่งหรือประมาณ 20 เซนต์ต่อชั่วโมง วิดีโอเดียวกันนี้ใช้เวลาโหลดประมาณสามวินาที


สื่อสารแบบสโลว์โมชั่น

“เรื่องความเร็วเป็นสิ่งที่แก้ไขได้” ออง บาร์ เลย์กล่าว “เพียงแต่คุณต้องมีเส้นสายกับรัฐบาล ผมได้ยินคนเขาพูดกันเรื่องจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อเร่งความเร็วของอินเทอร์เน็ต”

ออง บาร์ เลย์เชื่อว่าสภาวะ “เน็ตเต่า” ทั่วประเทศพม่าเป็นเรื่องจงใจ เพราะว่ารัฐบาลคุมความเร็วอยู่

“ถ้าหากรัฐบาลต้องการปรับปรุงความเร็วของอินเทอร์เน็ตจริงจัง รัฐบาลก็ทำได้” นักวิชาชีพไอทีผู้นี้กล่าว “รัฐบาลใช้ไฟเบอร์ออฟติก ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงไว้ใจได้และรวดเร็ว”

อาจารย์มหาวิทยาลัยในย่างกุ้งคนหนึ่งให้ความเห็นว่า ในขณะที่รัฐบาลให้พวกอาจารย์มีอินเทอร์เน็ตใช้ก็จริง ความเร็วขนาด "เน็ตเต่า" ทำให้การมีอินเทอร์เน็ตแทบไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด อาจารย์คนนี้ที่ต้องการให้เราเรียกแกว่า "เซย์" กำลังสงสัยว่า การจงใจทำให้เน็ตช้าเป็นเต่า ซึ่งมักจะทำให้พวกนักศึกษาเบื่อแล้วเลิกรากันไป เป็นมาตรการเซ็นเซอร์อีกรูปแบบหนึ่งนั่นเอง

“ไม่อย่างนั้นคุณจะเรียกมันว่าอะไร?” อาจารย์เซย์กล่าว “นี่คือการเซ็นเซอร์แน่นอน เรายังคงไม่มีสิทธิ ซึ่งเป็นสิทธิที่พลเมืองในประเทศอื่นๆ เขามีกัน เรากำลังโดนเซ็นเซอร์ที่นี่”

องค์กรให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศและองค์กรพัฒนาเอกชนในพม่ามองว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารในประเทศจะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและภาพลักษณ์ของพม่า

รัฐบาลพม่ากำลัง "แต่งองค์ทรงเครื่อง" เพื่ออวดกับประชาคมโลกเท่านั้น จากมุมมองของเจสสิก้า สตีเวน ชาวแคนาดาที่ทำงานกับองค์กรเอกชนที่ทำงานระดับรากหญ้าในพม่าชื่อ Burma Partnership เธอบอกว่า สภาพของอินเทอร์เน็ตกับการสื่อสารในพม่าแสดงให้เห็นถึงทิศทางอันน่าเป็นห่วง

“ถ้าดูกันในระดับผิวเผินก็ดูเหมือนว่าพม่ากำลังเปิดเสรี นั่นก็จริงในหลายแง่เมื่อเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน แต่ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยบ่งชี้มากมายว่าพม่าตัวจริงเป็นอย่างไรและจะไปในทิศทางไหนในอนาคต ในความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง” สตีเวนคุยกับเราที่ย่างกุ้ง

นักข่าวชาวพม่าหลายคนเห็นด้วยกับทัศนะนี้ นักข่าวบางคนที่เราคุยด้วยซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยชื่อไม่ได้มองรัฐบาลในปัจจุบันว่าดีกว่าชุดก่อนที่ผ่านมา

“การสื่อสารเป็นมิติหนึ่งที่ประชาชนยังไม่ได้รับสิทธิอย่างเต็มที่”นักข่าวคนหนึ่งให้ความเห็น “หลายคนอาจจะไม่เห็นหรือไม่รู้สึก แต่ความจริงก็คือการสื่อสารเคลื่อนไปในความเร็วแบบ “สโลว์โมชั่น” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงระดับของเสรีภาพของประชาชนพม่าว่าเป็นอย่างไร”

“การที่รัฐบาลยินยอมที่จะเปิดกว้างให้เราใช้การสื่อสารได้แค่ไหนเป็นตัวชี้วัดว่ารัฐบาลนี้มีความเต็มใจและพร้อมที่จะเปิดเสรีประเทศจริงๆ” นักข่าวอีกคนกล่าวในวงสนทนาของเรา “ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มีพร้อมแล้ว แต่ทำไมเราจึงรู้สึกว่าเรายังคงถูกตัดขาดจากกันและกัน”
 

ไอซีทีระส่ำระสาย

เนย์ พง ลัต ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรเอกชน MIDO บอกว่าสภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอซีทีในปัจจุบันกีดกันให้ประเทศและประชาชนพม่าติดอยู่แถวชายขอบของเวทีโลก

“โลกเราทุกวันนี้เหมือนกับหมู่บ้าน และความที่คุณขาดซึ่งความรู้และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทำให้หมู่บ้านบางแห่งไม่ได้รู้จักกับหมู่บ้านอื่นในโลกใบเดียวกันนี้เลย มีช่องว่างที่ใหญ่มากระหว่างพม่ากับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในโลกใบนี้” เนย์ พง ลัตเป็นบล็อกเกอร์การเมืองที่โดนรัฐบาลทหารชุดก่อนจับติดคุกสี่ปี

เขาระบายความคับข้องใจที่รัฐบาลไม่ใส่ใจให้ความสำคัญกับไอซีที ไม่มีการเรียนการสอนในโรงเรียนรัฐ การที่มีโรงเรียนเอกชนไม่กี่แห่งในประเทศที่มีหลักสูตรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั้นไม่เพียงพอ

ดังนั้นกลุ่มของเนย์ พง ลัตจึงพยายามที่จะช่วยอุดช่องว่าง ด้วยการตระเวนไปทั่วประเทศพม่าเพื่อจัดเวิร์คช็อปเกี่ยวกับไอซีที ผู้เข้ามาร่วมส่วนใหญ่มาจากองค์กรเอกชนหรือองค์กรในชุมชนกับกลุ่มผู้หญิงและเยาวชนในทุกที่ที่เขาไป หนึ่งในลูกค้าของ MIDO คือพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ NLD พรรคฝ่ายค้านนำโดยนางอองซานซูจี

เนย์ พง ลัตยอมรับว่า เท่าที่ผ่านมากิจกรรมของกลุ่มเขายังไปไม่ถึงรัฐคะฉิ่นและยะไข่ เพราะว่าทั้งสองแห่งยังคงเป็นพื้นที่สู้รบอยู่ MIDO ไปได้ไกลที่สุดคือที่รัฐฉิ่น ยิ่งระยะห่างไกลจากย่างกุ้งเท่าใด สภาพในพื้นที่ดูจะแย่ลงมากเท่านั้น

ในวันที่เราสัมภาษณ์เขานั้น สำนักงานของเนย์ พง ลัตไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้เพราะว่าเซิร์ฟเวอร์มีปัญหา เขาบอกว่าคนที่มาเรียนกับเขาส่วนใหญ่เป็นคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกในชีวิต เขาบอกว่านี่คือสิ่งที่สะท้อนถึงระดับความรู้เกี่ยวกับไอซีทีสำหรับประชาชนพม่าทั่วไป

หลักสูตรการฝึกอบรมที่ MIDO ทำอยู่นั้นจะสอนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แนะนำให้รู้จักใช้อินเทอร์เนตระดับพื้นฐานและการใช้เสิร์ชเอนจิ้น โซเชียลมีเดีย บล็อก กับโซเชียลเน็ตเวิร์ก

“พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาก่อนเลย ปัญหาใหญ่อีกเรื่องคือการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแถวนี้” เขาเล่า กระทั่งในย่างกุ้งเอง อันเป็นพี้นที่สงบ บริการอินเทอร์เน็ตยังไม่ราบรื่น


สมาชิก Mido วางแผนเวิร์กช็อปเรื่องความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ต
 

ทางออกของคนในพื้นที่ห่างไกล

เฟรดดี้ ลินซึ่งเกิดมาในรัฐคะฉิ่นตระหนักอยู่เสมอถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิลำเนาของเขากับย่างกุ้ง “ที่นี่มีโอกาสที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับชุมชนในเมืองเกิดของผม การคมนาคมขนส่งที่นี่ก็ดีกว่า”

เพียงแต่เขาบอกว่า “ผมหวังอยากให้ทุกคน โดยเฉพาะคนที่รัฐคะฉิ่น มีโอกาสได้สัมผัสโลกภายนอกบ้าง”
 


เฟรดดี้ ลิน
 

ทุกวันนี้ผู้คนในรัฐคะฉิ่นก็กำลังพยายามกันอยู่ ไม่ว่ารัฐบาลกลางในพม่าจะช่วยเหลือหรือไม่ก็ตาม ขณะที่คนพม่าส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงบริการสื่อสารไร้สายได้ แต่ว่าหลายคนในรัฐคะฉิ่นกลับมีหนทางที่สะดวกและราคาถูกอีกด้วย คำตอบคือประเทศจีน ซิมการ์ดจากประเทศจีนขายกันที่นั่นในราคา 20,000 จั๊ตหรือราว 20 ดอลลาร์เมื่อปี 2008 เมื่อเทียบกับซิมการ์ดของ MPT ที่ราคา 2,913,000 จั๊ตหรือว่าเกือบ 3,000 ดอลลาร์

เมื่อมีซิมของจีนแล้วชาวคะฉิ่นสามารถโทรศัพท์ติดต่อกันได้ภายในรัฐคะฉิ่นเองหรือโทรไปต่างประเทศก็ได้ด้วย แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถโทรศัพท์หรือส่งข้อความไปที่ย่างกุ้ง และขณะที่ผู้ใช้ซิมการ์ดจากจีนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ พวกเขากลับไม่สามารถเข้าเฟซบุ๊กได้เพราะว่าทางการจีนแบนเฟซบุ๊ก ถ้าอยากจะเข้าเฟซบุ๊กพวกเขาต้องไปใช้บริการตามอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในอัตราค่าบริการชั่วโมงละ 400 จั๊ต อันเป็นราคาที่คงที่ไม่ขยับมาหลายปีแล้วในพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้

“เราเห็นโลกและเราติดต่อกับคนอื่นก็ได้ และเราก็เห็นโลกผ่านทางอินเทอร์เน็ตนี่เอง” เฟรดดี้ ลินกล่าว เขาเน้นว่าการเชื่อมต่อออนไลน์นั้นมีความสำคัญกับเพื่อนร่วมชาติของเขา “ไอซีทีสำคัญมากๆ”

ความเชื่อนี้อาจเป็นตัวผลักดันให้เขามาทำงานอาสาสมัครให้กับองค์กร MIDO แต่แม้ว่าคนอย่างเฟรดดี้หรือเนย์ พง ลัตจะเต็มไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น ความท้าทายอยู่ที่ว่าคนในชุมชนที่พวกเขาสอนความรู้เกี่ยวกับไอซีทีไปนี้จะนำความรู้ไปใช้หรือไม่ เพราะว่าขาดทั้งอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐาน

ตัวอย่างเช่น การไม่มีคอมพิวเตอร์เป็นปัญหาสำคัญของบรรดาครูในหมู่บ้านอาลาลเยจอในแถบลุ่มแม่น้ำอิระวดี หมู่บ้านแห่งนี้ต้องนั่งเรือไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งจากตัวเมืองมอจุง เดชะบุญ ครูใหญ่ได้พบกับผู้ให้ความช่วยเหลือที่มอบคอมพิวเตอร์สามชุดให้โรงเรียน แต่คอมพิวเตอร์เหล่านี้ใช้ได้แต่ตอนกลางคืนเท่านั้น อันเป็นช่วงเวลาที่เครื่องปั่นไฟในชุมชนเดินเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับหมู่บ้าน

ในรัฐฉิ่นทางตะวันตกของพม่า กระทรวงการต่างประเทศของเดนมาร์กได้ให้ความช่วยเหลือมูลค่า 831,600 เหรียญในโครงการไอซีทีเพื่อโรงเรียนในรัฐฉิ่น ทุนส่วนนี้มีไว้สร้างศูนย์ คอมพิวเตอร์กับติดตั้งอินเทอร์เน็ตให้กับโรงเรียนมัธยม 30 โรงเรียนตามหมู่บ้านต่างๆ ในรัฐฉิ่น

ในการพบปะกับหน่วยงานผู้ให้ความช่วยเหลือที่ย่างกุ้งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง ดร. ซุย คาร์ รองเลขาธิการแนวหน้าแห่งชาติฉิ่น (Chin National Front) กล่าวว่าความช่วยเหลือจากเดนมาร์กกับอีกส่วนที่รัฐบาลนอร์เวย์มอบให้นั้น "นอกจากจะเป็นการแสดงออกทางการเมืองแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน"


สันติภาพกับเน็ต

กลุ่มของ ดร.ซุย คาร์ เป็นกลุ่มการเมืองติดอาวุธในรัฐฉิ่นและเป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในพม่า โดยทางกลุ่มได้เซ็นข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าไปแล้ว และปัจจุบันเป็นผู้รับความช่วยเหลือจากนานาชาติในสองโครงการขนาดเล็ก

ดร.ซุย คาร์กล่าวว่า “การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง” และเน้นว่า “โครงการเหล่านี้เชื่อมโยงกับความพยายามที่จะสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในอนาคต”

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจึงเป็นหัวใจสำคัญของโครงการเพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มสันติภาพในเมียนมาร์ (Myanmar Peace Support Initiative- MPSI) ซึ่งทำโครงการในพื้นที่ที่กลุ่มชาติพันธุ์ได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าในปัจจุบัน

MPSI ดำเนินโครงการ “Ethnic Peace Resource Project” ซึ่งเป็นการรวบรวมฐานข้อมูลออนไลน์ โดยมุ่งที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์สันติภาพทั่วประเทศพม่า ให้รายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพ ข้อตกลงหยุดยิงฉบับต่างๆ และโครงการในพื้นที่ที่ทางโครงการทำร่วมกับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ต่างๆ แต่อัลลัน สมิธ ที่ปรึกษาของโครงการ MPSI บอกว่าอุปสรรคสำคัญของการทำงานของฐานข้อมูลตามโครงการนี้ก็คือการที่อินเทอร์เน็ตช้ามากทั่วประเทศ หรือในบางที่ก็ไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย (และเช่นเดียวกับ MIDO กลุ่มของสมิธทำเวิร์คช็อปเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ "ที่ไม่มีการเชื่อมต่อ" อย่างเช่นหมู่บ้านต่างๆ ในลอยเกาะ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐคะยาห์)

ชาร์ลส เพทรี่ ประธานของ MPSI กล่าวว่า อินเทอร์เน็ตในพม่าเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมาก

“มันเป็นศักยภาพที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ และนั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องได้รับการพัฒนา เราต้องค้นหากันต่อไป” เพทรี่เคยทำงานให้กับสหประชาชาติและเคยถูกเนรเทศออกจากประเทศพม่าในปี 2007 หลังจากที่เขาเขียนรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลทหารพม่า

ในบริบทของงานที่เขาทำอยู่ในพม่า เขากล่าวว่า การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมีประโยชน์ในแง่ที่ "จะช่วยสร้างความโปร่งใส"

“และในแง่การสร้างสันติภาพ ผมคิดว่าเรายังทำได้ไม่มาพอ เรายังคงต้องหาวิธีการที่จะทำให้ได้มากกว่านี้”

 


ชาร์ลส เพทรี่ 
 

แผนงานและอนาคต

แน่นอน รัฐบาลพม่าเองพร้อมที่จะทำให้มากกว่านี้ในแง่ดังกล่าวข้างต้น เมื่อเดือนธันวาคมปี 2011 ประธานาธิบดีอู เต็งเส่ง กล่าวในที่ประชุมรัฐมนตรีด้านไอซีทีจากอาเซียนว่า “รัฐบาลกำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งไอซีทีเพื่อพัฒนาประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลยังกำลังสร้างระบอบประชาธิปไตยที่โปร่งใส พร้อมทั้งสร้างระบบเศรษฐกิจกลไกตลาดเพื่อประเทศของเรา” ประธานาธิบดีกล่าวในเวทีประชุมรัฐมนตรีไอซีทีอาเซียนที่กรุงเนย์ปิดอว์

พิมพ์เขียวการพัฒนาเศรษฐกิจของอาเซียนเองก็ให้ความสำคัญกับ “โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลข่าวสารที่มั่นคงและเชื่อมโยงกัน” เพื่อความยั่งยืนของการพัฒนาเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน ยิ่งไปกว่านี้อาเซียนยังให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจกันในเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต ความปลอดภัยของการทำธุรกรรมและช่องทางการจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์”
 

ในปี 2015 นี้พม่าจะเป็นประธานอาเซียน

เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว รัฐบาลได้ให้ใบอนุญาตประกอบการกับสองบริษัทต่างชาติรายใหญ่มาประกอบกิจการโทรคมนาคมในพม่า เทเลนอร์จากนอร์เวย์กับอูเรดูจากกาตาร์ชนะคู่แข่งรายอื่นคือสิงคโปร์เทเลคอม เคดีดีไอ ดิจิเซล บาร์ติแอร์เทล เอ็มทีเอ็น วิตเตล ออเรนจ์ และมิลลิคอนอินเตอร์เนชั่นแนลเซลลูลาร์
ออง บาร์ เลย์ นักวิชาชีพด้านไอทีมองว่าการที่จะมีผู้ประกอบการต่างชาติสองรายนั้นยังไม่ใช่ข่าวดีที่ต้องเลี้ยงฉลองกัน

“ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่เปลี่ยนนโยบาย ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาดกี่รายก็ตาม มันอาจดูราวกับว่าเรามีทางเลือกมากขึ้น แต่อันที่จริงแล้วมันก็เหมือนเดิม” เขามอง

รัฐบาลจะเลิกควบคุมสาขาโทรคมนาคมไหม?

“ไม่มีทาง รัฐบาลไม่มีวันที่จะปล่อย”

ขณะเดียวกันเนย์ พง ลัตแห่ง MIDO ท้าทายให้รัฐบาลปล่อยให้บริษัทเอกชนเปิดบริการโทรคมนาคมอย่างเสรี เขาเสนอด้วยว่าควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมากำกับดูแลธุรกิจโทรคมนาคมในพม่า

“มีนายทหารจำนวนหนึ่งที่หวาดกลัวเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น”เนย์ พง ลัตกล่าว “ผมอยากจะบอกพวกเขาว่าไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เสรีภาพในการแสดงความเห็นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับประชาธิปไตย นอกจากนี้พวกเขายังน่าจะรู้จักใช้ประโยชน์จากมัน พวกเขาจะเป็นผู้เล่นสำคัญในสังคม”


เฟซบุ๊กคืออินเทอร์เน็ตในพม่า

อย่างไรก็ดีทุกวันนี้ชาวพม่าในเมืองก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ที่สวนมหาบันดูลา ใจกลางย่างกุ้งบ่ายวันเสาร์ฝนพรำ  สวนนี้เต็มไปด้วยคู่หนุ่มสาวที่มาหามุมพลอดรักกัน

อาร์คาร์ นักศึกษาฟิสิกส์วัย 18 ปีจากมหาวิทยาลัยดากอนกับแฟนสาวก็มาด้วย เราชวนคุยเรื่องเสรีภาพอินเทอร์เน็ต ชายหนุ่มทำท่าประหลาดใจ เขาพูดผ่านล่ามของเราว่า “คิดว่าทุกอย่างปกติดีนะ ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ” แฟนสาวของเขาได้แต่ยิ้ม และไม่ยอมแสดงความคิดเห็น

อาร์คาร์บอกว่าเขาไม่เคยใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลหรือว่าดูข่าวสาร แต่เขามีเสรีภาพเต็มที่ที่จะหาอินเทอร์เน็ตใช้เมื่อใดก็ตามที่ต้องการ

“ผมแค่ต้องมีสตางค์ 250 จั๊ตเท่านั้น ผมก็ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” อาร์คาร์บอกว่าใช้อินเทอร์เน็ตเพียงเพราะไปใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กไว้ติดต่อกับคนอื่น เขาบอกว่าพวกเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็ใช้เน็ตด้วยเหตุผลเดียวกันนี้

เนื่องจากเขาไม่มีโทรศัพท์ อาร์คาร์เลยต้องไปใช้บริการตามอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ถ้าต้องการติดตามข่าวสารของแฟนสาวหรือนัดพบกัน อย่างที่นัดมาเจอกันวันนี้ก็นัดกันผ่านเน็ต

BizNet อินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่งในย่างกุ้งมักจะคลาคล่ำไปด้วยวัยรุ่นพม่ารุ่นราวคราวเดียวกับอาร์คาร์ คอมพิวเตอร์ทั้ง 15 ตัวในร้านมีบราวเซอร์หน้าจอตั้งไว้ที่หน้าเฟซบุ๊ก

เมื่อหลายปีที่แล้ว คุณต้องลงทะเบียนจึงจะมีสิทธิใช้อินเทอร์เน็ตในพม่า นอกจากนี้ทาง MPT ยังมีกฎบังคับให้อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทุกแห่งต้องถ่ายภาพคนมาใช้บริการไว้เป็นหลักฐาน ทาง BizNet บอกว่าระเบียบข้อนี้ปัจจุบันถูกยกเลิกไปแล้ว

“ใช้ได้เลยค่ะ ไม่ต้องลงทะเบียน” หญิงสาวที่เคาน์เตอร์ว่า

อย่างไรก็ดีที่กำแพงมุมหนึ่งมีโปสเตอร์ติดไว้ว่า “เรียนลูกค้าที่รัก เราห้ามและจำกัดการเข้าไปดูเว็บไซต์การเมืองและเว็บโป๊ ด้วยความขอบคุณ BizNet”

 


หมายเหตุ: บทความนี้เป็นหนึ่งในชิ้นงานภายใต้โครงการ SEAPA Fellowship 2013 ซึ่งในปีนี้ว่าด้วยประเด็นความท้าทายด้านเสรีภาพในการแสดงออกและการกำกับดูแล Jefry Tupas หนึ่งในผู้ได้รับทุนดังกล่าวในปีนี้ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง NewsDesk บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง http://newsdesk.asia

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net