Skip to main content
sharethis

แม่ยืนยันโครงกระดูกในรถบัสที่ถูกเผาที่ ม.รามฯ เป็นลูกชายจริงหลังพบแหวนประจำตัว ขณะที่ศูนย์เอราวัณรายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บจากการปะทะที่ บช.น.จำนวน 78 ราย

2 ธ.ค.2556 เวลา 16.00 น. ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร รายงานตัวเลขผู้บาดเจ็บเหตุการณ์ปะทะของผู้ชุมนุมต้านระบอบทักษิณ หรือ กปปส. กับเจ้าหน้าที่บริเวณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จำนวน 78 ราย

แม่ยืนยันโครงกระดูกในรถบัสที่ถูกเผาที่ ม.รามฯ เป็นลูกชายจริง

ขณะที่เหตุปะทะบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหงและราชมังคลากีฬาสถานเมื่อคืนวันที่ 30 พ.ย. ต่อ วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ครอบครัวข่าว 3 รายงานว่า พลตำรวจเอก เอก อังศนานนท์ พร้อมด้วย พลตำรวจเอกจรัมพร สุระมณี รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีปะทะดังกล่าวหลังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน เป็นพลทหารเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตจำนวน 5 คน ได้รับบาดเจ็บ 29 คน โดยได้วางแนวทางในการทำงานเพื่อพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด โดยได้แบ่งสำนวน เป็น 5 สำนวน และกรณีเผารถบัสอีก 1 สำนวน ในส่วนคดีอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะแยกตามฐานความผิด โดยได้ประสานสำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ในการตรวจสอบวัตถุพยานอย่างเร่งรัด ซึ่งได้แบ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทั้งชุดตรวจที่เกิดเหตุ ตรวจวิถีกระสุน และตรวจ ดีเอ็นเอ. เพื่อความรวดเร็ว

พลตำรวจเอกจรัมพร เปิดเผยว่าจากการตรวจที่เกิดเหตุเบื้องต้น โดยเฉพาะผู้เสียชีวิต คือ นายวิโรจน์ ถูกยิงบริเวณใกล้ประตู N ถูกยิงมาจากมุมสูง ในขณะที่นายวิษณุ ถูกยิงบริเวณประตูหน้าในวิถีราบ สำหรับศพที่พบในรถบัสเบื้องต้นเป็นชาย สภาพการเสียชีวิตสันนิษฐานว่าพยายามที่จะลงมาด้านล่างแต่เกิดสำลักควัน เนื่องจากสภาพศพคว่ำหน้าลงมาด้านล่าง รวมทั้งวัตถุพยานที่พบ

ล่าสุดนางนฤมล คำพยัคฆ์ได้มาดูหลักฐานจากแหวน และหัวเข็มขัดยืนยันว่าเป็นศพนายสุรเดช คำแปงใจ อายุ 17 ปี ลูกชายของตนเอง ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยัน เว็บไซต์เรื่องเล่าเช้านี้รายงานเพิ่มเติมว่า นางนฤมล มาให้ปากคำกับตำรวจด้วยว่าน่าจะเป็นศพลูกชายตนเอง และทราบข่าวจากเพื่อนบ้านที่ได้ชมรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ไม่ว่าจะเป็นซากเคสเครื่องโทรศัพท์ หัวเข็มขัด กุญแจบ้านเมื่อมาดูแล้วเป็นของลูกช้ายจริง และเมื่อค้นหาในที่เกิดเหตุยังพบแหวนหัวมังกรที่ลูกตนเองสวมไว้เป็นประจำจึงยิ่งมั่นใจ

มติชนออนไลน์รายงานว่า นางนฤมล กล่าวว่า ช่วงเช้า วันที่1 ธันวาคมที่ผ่านมา นายสุรเดชโทรศัพท์มาบอกตนว่า จะออกไปกินข้าวกับเพื่อน เเล้วหายไปเลย กระทั่งเห็นข่าวจึงสงสัยว่าจะเป็นลูกชาย จึงมาเเจ้งความคนหาย พร้อมขอดูหลักฐาน ก่อนจะเเน่ใจว่าเป็นลูกชายตนเองนั่นเอง

นายสุทธิ เฟ็นดี้ อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ของเทคโนโลยีบางกะปิ เพื่อนของผู้ตาย กล่าวว่า ทราบจากเพื่อนที่ชื่อนายเบนซ์ ว่าเวลา 12.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม ชักชวนผู้ตายไปซื้อของ โดยขี่รถจักรยานยนต์จากซอยเอกมัย 30 มายังบริเวณหน้าสนามราชมังคลากีฬาสถาน จากนั้นเพื่อนทั้งสองโดนระเบิดปิงปอง เเละไม่สามารถหาทางกลับออกไปจากจุดเกิดเหตุได้ จึงมาจอดรถบริเวณที่รถบัสคันดังกล่าวจอดอยู่ ก่อนจะเจอกลุ่มนักศึกษาไม่ทราบสถาบันอยู่บริเวณนั้นชักชวนขึ้นไปบนรถบัส จากนั้นนายเบนซ์เล่าว่าไม่นานได้ยินเสียงคนตะโกนว่าไฟไหม้รถ จึงรีบกระโดดลงมา เเละพลัดหลงกับผู้ตาย จนกระทั่งวิ่งมาเจอตนที่กำลังขับวินอยู่ จึงยืมโทรศัพท์โทรหาผู้ตาย เเต่โทรไม่ติด เช่วงนั้นเป็นช่วงชุลมุน จึงเเยกย้ายกันกลับบ้าน ก่อนที่เเม่ผู้ตายจะมาชวนให้มาที่สน.หัวหมากเพื่อเเจ้งความว่าผู้ตายหายไป

คนขับรถบัสรับส่งเสื้อแดงระบุถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จี้บังคับ ก่อนไฟไหมและพบซากกระดูก
 
วันนี้เมื่อ 08.28 น. Nation Channel รายงานด้วยว่า คนขับiรถบัสคันดังกล่าวเข้าแจ้งความ พร้อมระบุได้ขับรถมาส่งคนเสื้อแดงเข้าร่วมชุมนุม ก่อนถูกชายฉกรรจ์จี้บังคับจนมาประสบเหตุไฟไหม้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net