Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis
จงบดขยี้วาทกรรมทุนนิยมสามานย์   “ยุบสภาคืนอำนาจประชาชน” ยืนหยัดสู่การลุกขึ้นสู้ปฏิวัติ”
   “สถาปนาอำนาจอธิปไตยประชาชน”  หรือ  “ประชาภิวัฒน์”   อันมีเป้าหมายใหญ่ปฏิรูปประเทศไทย !
….การเมืองภาคประชาชนจงเปล่งพลัง.....
....ประชาชนจักต้องกำหนดอนาคตตนเอง....
(วันมหาประชาปิติ   9 ธันวาคม 2556)


ฉากทัศน์แห่งสถานการณ์ลุกขึ้นสู้ของมวลมหาประชาชน ( mass  political  uprising scenario) ได้ยกระดับ
ขึ้นสู่การยึดกุมอำนาจรัฐ  แล้ว ด้วยคำแถลงการณ์ของนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ประสานงานเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย สู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (หรือ กปปส.) โดยมีจุดยืนแจ่มชัด“ประชาภิวัฒน์”หรือ การปฏิวัติโดยภาคประชาชนอย่างถึงที่สุดและยึดกุมเป้าหมาย“ปฏิรูปประเทศไทย “พิทักษ์ดอกผลของการลุกขึ้นสู้ด้วยกลไกอำนาจรัฐใหม่ในนาม “สภาประชาชนปฏิวัติ”  (คำแถลงการณ์ของ กปปส.  ณ 9 ธันวาคม 2556  เวลา 18.00 น.

ก่อนหน้านั้น ฝ่ายอำนาจรัฐ (เดิม)ตอบโต้ผู้ชุมนุมด้วยการประกาศเขต หวงห้าม  และการขอคืนพื้นที่ (กระชับพื้นที่) ตาม พรบ.ความมั่นคงภายใน รวมทั้ง การประกาศล่าสุดของนายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ยุบสภา คืนอำนาจประชาชน” หวังสยบกระแสการลุกขึ้นสู้   ซึ่งขยายตัวอย่างถล่มทลาย  ของมวลมหาประชาชนกว่า5 ล้านคนทั่วประเทศ (คำแถลงการณ์  นายกยิ่งลักษณ์ ณ 9 ธันวาคม 2556 เวลา 8. 45 น.)

เมื่อทบทวนระลอกแห่งการลุกขึ้นสู้ (political uprising)  นับตั้งแต่เดือนตุลาคม  2556 เป็นต้นมา (การจัดงาน
รำลึก 40 ปี สืบสานเจตนารมณ์  14 ตุลา) ยุทธวิธีอารยขัดขืน(civil disobedience ) ได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องดุจระลอกคลื่นอันกระเพื่อมอย่างเข้มข้น   การเคลื่อนย้ายมวลชนในลักษณ “ดาวกระจาย”   ณ ราชดำเนิน และไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ  ในส่วนกลาง (กระทรวง / ทบวงกรม/ ทำเนียบรัฐบาล) และในต่างจังหวัด  (ศาลากลางจังหวัด ) 

โดยเฉพาะในภาคใต้ เกิดบรรยากาศของการจัดขบวน มวลชน  ออกเป็น 3 ส่วน กล่าวคือ  หนึ่ง  มวลชนระลอกแรกหรือ  ทัพหน้า  (Vanguard mass action) ผู้ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมอย่างสม่ำเสมอ  ติดตามข่าวสารข้อมูลทั้งด้านกว้างและด้านลึก  เกิดความตื่นรู้ เข้าใจเป้าหมายยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี รวมทั้งจังหวะก้าวของฝ่ายแกนนำ  สอง   มวลชนสมทบหรือ ทัพหลัง  (active  support  mass) ซึ่งเข้าร่วมการชุมนุมตามเงื่อนไขที่เป็นจริง  หรือ เข้าร่วมต่อสู้ในประเด็นที่“โดนใจ”   เช่นประเด็น    นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง (สุดซอย)   ประเด็นไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็น การใช้แก๊สน้ำตายิงกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไม่ยั้ง  ประเด็นความตาย 5 ศพ  ณ ถนนหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงฯลฯ  และ สาม  มวลชนสำรอง (Potential mass)หรือพลังท้องถิ่นซึ่งจะมีการบุกเข้ายึดศาลากลางจังหวัดหรือการเปิดเวทีปราศรัย  ประจำวันเพื่อดึงพลังเงียบ(Silence majority)เข้าสู่กระแสธารการเคลื่อนไหวตามความแปรเปลี่ยนของสถานการณ์  และคำชี้นำของแกนนำ ส่วนกลาง ซึ่งมีการยกระดับปรับเปลี่ยนตลอดเวลาภายหลังจากที่เกิดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน จนเกิดความตึงเครียด  ส่อเค้าความรุนแรง

ฝ่ายอำนาจรัฐ (นายกยิ่งลักษณ์) กับตัวแทนผู้ชุมนุม (สุเทพ  เทือกสุบรรณ) ได้พบปะเจรจากัน 2 รอบ  โดยมีฝ่ายกองทัพเป็นสะพานเชื่อม    ฝ่ายอำนาจรัฐก็ได้ผ่อนคลายมาตรการปกป้องพื้นที่      มาสู่การเปิดพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ให้ผู้ชุมนุมสามารถเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และสถานที่ราชการอื่น ๆได้  ทำให้สถานการณ์ทางการเมือง  เข้าสู่ดุลย์อำนาจใหม่ระหว่างสองฟากฝ่าย

บรรยากาศการเคลื่อนไหวในท้องถิ่น (ต่างจังหวัด นับตั้งแต่ 6-8 ธันวาคม 2556)  ต่างมีการเตรียมการเพื่อการเคลื่อนไหวสู่เป้าหมายสูงขึ้น  ซึ่งแกนนำได้ประกาศให้ลุกขึ้นสู้ในขอบเขตทั่วประเทศ  พร้อมกันในวันที่ 9 ธันวาคม 2556  การลุกขึ้นสู้ นำสู่การขยายผลสู่มวลชนอย่างกว้างขวาง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น  ชนชั้นกลาง  ในเมืองรวมทั้งชนชั้นล่างในชนบทได้ค่อย ๆ ปรับความรับรู้ข้อมูล  และปรับสำนึกเข้าหากัน  อย่างมีนัยยะ สำคัญยิ่งทำให้รัฐท้องถิ่น (นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด) ต้องระดมสรรพกำลัง ตำรวจ ทหาร  เข้ารักษาการณ์ในพื้นที่ ราชการอย่างเข้มงวดเพื่อสะกัดกั้นผู้ชุมนุมมิให้เข้าไปปักหลักยึดสถานที่

เมื่อมีคำแถลงการณ์ของ กปปส. (โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ)  ณ 18.00 น.  วันที่ 9 ธันวาคม 2556 มวลมหาประชาชน ทั่วทุกหัวระแหง ต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความปิติยินดียิ่ง มีการเฉลิมฉลอง กันในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเปิดเสวนาและแถลงข่าวสื่อมวลชน, การเข้าร่วมกันเป่านกหวีด สลับกับการปราศรัยของแกนนำ, การเฉลิมฉลองด้วยการตั้งขบวนแห่ไปตามถนนสายสำคัญๆ รอบๆเมือง การแจกใบปลิวรณรงค์  เป็นต้น

นับเป็นปรากฎการณ์ที่ประวัติศาสตร์ไทย จะต้องจารึกไว้ว่า มวลชนทั่วประเทศกว่า 5 ล้านคนได้ก่อการลุกขึ้นสู้ยกระดับขึ้นสู่ “ การปฏิวัติประชาชน”  (ประชาภิวัฒน์)   แล้วนับตั้งแต่วันนี้ (9 ตุลาคม 2556)

ต่อจากนี้ไป จึงเป็นทางสองแพร่ง  ที่สำคัญและสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งยวด  จะเกิดสงครามช่วงชิงมวลชนด้วย
วาทะกรรมต่าง ๆของ 2 ขั้วอำนาจ เพื่อชัยชนะขั้นเด็ดขาด  หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สามารถยึดกุม “หลังเงียบ”หรือ“พลังที่สาม”ได้มากที่สุดกว้างขวางที่สุด

หรือหากรัฐฝ่ายอำนาจรัฐ(เดิม)  ตัดสินใจสั่งการปราบปรามผู้ชุมนุม  (ตามมาตฐานสากลที่พร่ำบอก
อยู่เสมอ) จักเกิดการเผชิญหน้า  และเข้าสู่ซุ้มประตูแห่ง  “สงครามกลางเมือง”   (Civil war)  อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

 ...ฤา โศกนาฎกรรมใหญ่จะเกิดขึ้น
 ....ฤา  ชะตากรรมชาติไทยจะแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ
... ขึ้นอยู่กับการยึด มั่น กับกระบวนการสันติวิธี อย่างเหนียวแน่น ของทั้ง 2 ขั้วอำนาจ  ที่จักต้องมีการ
เจรจา หาทางออกร่วมกัน โดยสันติวิธี
.... ขึ้นอยู่กับผู้คนในสังคม  (นักวิชาการ สถาบันการศึกษา ฝ่ายธุรกิจเอกชน  องค์กรพัฒนาเอกชน
องค์กรประชาชน  (ทุกประเด็น และทุกสาขาอาชีพ)  จะลุกขึ้นมามีส่วนร่วมในการคลี่คลายหาทางออก
และกระทำการปกป้องหลักการ สันติวิถี (peaceful way) มากน้อย แค่ไหน เพียงไร
                        
....จงตื่นขึ้นเถิดมวลมหาประชาชน
...อนาคตของประเทศอยู่ในมือของท่านแล้ว
...ประชาชนจักต้องกำหนดนอนาคตของตนเอง
....จงร่วมกันผลักดันอำนาจประชาชนให้ปรากฏเป็นจริงและยั่งยืน
....การปฏิวัติของประชาชน จงเจริญ !!!

                    
ด้วยศรัทธา-คารวะ
ราชสีห์  อีศาน
กระท่อม บรรพชน
10 ธันวาคม 2556

 


เอกสารประกอบ/อ้างอิง

• ไปให้พ้นการเมืองเหลืองแดงสู่การปฏิวัติของประชาชน
•สถานการณ์ทางเลือกที่สาม : ไปให้พ้นสงครามกลางเมือง โดยราชสีห์  อีศาน ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖
•ลักษณะสังคมไทย  โดยหน่วยศึกษาค้นคว้า พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (25 ธันวาคม 2554)
• คู่มือการเมืองภาคประชาชน 2548 โดยคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน
• นโยบายในระยะปัจจุบัน พคท.  (7  สิงหาคม 2555)
• สังคมทางเลือก : แนวคิดเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่พึงปรารถนา โดย สนั่น ชูสกุล บรรณาธิการ
   (มกราคม 2553)

หมายเหตุ : ท่านผู้ใดต้องการเอกสาร โปรดติดต่อคุณเล็ก สำนกงาน กป.อพช.อีสาน

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net