รอผลสรุป 3 ม.ค.57 กกต.เคาะขยายเวลาสมัครเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ พท.ยื่น กกต.ขยายเวลา-ย้ายสถานที่รับสมัคร ส.ส.8 จังหวัดใต้ ‘อภิสิทธิ์’ แนะกกต.ตั้งเรื่องชงรัฐบาลเลื่อนเลือกตั้ง โฆษกปชป.เผยถก กกต.ล่มเหตุเพื่อไทยเปลี่ยนตัวคนเจรจา

 

 

มติชนออนไลน์ รายงานว่าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ม.ค.2556  นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ กกต.ว่า ตนเองและผู้อำนวยการสำนักต่างๆ ได้รายงานสรุปสถานการณ์การเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่เปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม และการรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2556 - 1 มกราคม 2557  โดยภาพรวมทั้งหมดทั่วประเทศ และสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว  ซึ่งมีพรรคการเมืองลงสมัครจำนวน  53 พรรค ผู้สมัครจำนวน  1,272 คน

 

พร้อมทั้งมีการพิจารณาในเรื่องการดำเนินการจัดการเลือกตั้งหลังจากนี้ และในประเด็นที่พรรคเพื่อไทยและพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ยื่นข้อเสนอให้ กกต.ขยายระยะเวลาการรับสมัครและย้ายสถานที่ในการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเพิ่มเติมออกไป และให้มีการรักษาสิทธิเยียวยาของผู้ประสงค์ลงสมัคร แต่ไม่สามารถเข้ารับสมัครได้ เนื่องจากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองนั้น

 

นายภุชงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมในวันนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป ทั้งในเรื่องการเยียวผู้ประสงค์ลงสมัคร และการขยายระยะเวลาวันรับสมัครออกไป โดยทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการศึกษาข้อกฎหมายก่อนนำมาหารืออีกครั้งในวันที่ 3 มกราคม  ซึ่งจะมีการประชุมในเวลา 10.00 น. โดยคาดว่า ผลการดำเนินการเยียวยา และการขยายระยะเวลานั้นจะได้รับความชัดเจน และจะมีมติแถลงให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเกรงว่า การขยายระยะเวลานั้น จะส่งผลกระทบต่อกรอบระยะเวลาในการดำเนินการโดยภาพรวม

 

ส่วนการหารือร่วม ระหว่าง กกต. และ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อม พรรคเพื่อไทย เพื่อหาทางออกของสถานการณ์ทางการเมือง ที่ได้มีการนัดหมายในวันนี้นั้น นายภุชงค์ กล่าวว่า ยังคงต้องรอความชัดเจนจาก นายสมชัย ศรีสุทธิยากร แถลงให้ทราบอย่างชัดเจนอีกครั้ง

 

นอกจากนี้   นายภุชงค์  ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของพรรคเพื่อไทยที่ขอให้กกต.ดำเนินคดีกับแกนนำกปปส.ที่ขัดขวางการรับสมัครรับเลือกตั้ง ว่า กกต.ตะหนักดีว่าหากไม่ดำเนินการใดๆจะถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง แต่ขอทำความเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด การจะดำเนินการเอาผิดทางอาญานั้น กกต.ต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจน หากแจ้งความไม่ถูกข้อหากกต.จะมีความผิดเสียเอง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ระหว่างการแถลงข่าวของเลขาธิการกกต. นั้น นายวรัญชัย โชคชนะ ผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้สอบถามว่ากกต.สามารถเลือกใช้วิธีการเปิดรับสมัครเลือกตั้งทางออนไลน์ได้หรือไม่ ทั้งนี้ นายภุชงค์ กล่าวว่า ระเบียบกกต.ยังไม่เปิดช่องให้สามารถปฏิบัติได้ เนื่องจากการสมัครผ่านระบบออนไลน์มีปัญหาในด้านการยืนยันตัวบุคคล เพราะอาจมีบุคคลอื่นมาใช้สิทธิแทนได้  อีกทั้งที่ผ่านมากกต.ไม่เคยมีประสบการณ์เปิดรับสมัครไม่ได้

 

 

 

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ม.ค.2557 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ เดินทางมาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. ผ่าน น.ส.สุรณีย์ ผลทวี ผู้อำนวยการสำนักเลขานุการ กกต. เพื่อรักษาสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง ภายหลังกลุ่ม กปปส. ปิดล้อมสถานที่รับสมัครในพื้นที่ 8 จังหวัด รวม 28 เขต ในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมยื่น 3 ข้อเสนอให้ กกต. โดย 1.ขอให้ กกต. มติให้ขยายเวลาการรับสมัครออกไป 2. ขอให้เปลี่ยนสถานที่รับสมัครมาใช้พื้นที่ส่วนกลาง เพื่อลดการเผชิญหน้ากับกลุ่มต่อต้าน และ 3. ขอให้ดำเนินการเอาผิดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ฐานขัดขวางการเลือกตั้ง หากไม่ดำเนินการ ผู้สมัครจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายกับ กกต. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 

จากนั้น พรรคพลังสหกรณ์ นำโดย ว่าที่ร.ต.ทวีป ยอดเศรณี หัวหน้าพรรค ได้เดินทางมายัง กกต. เพื่อเรียกร้องให้ กกต.เชิญทุกพรรคการเมืองเข้าหารือหาข้อยุติทางการเมือง พร้อมคัดค้าน กรณี กกต.หารือกับพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า กกต.ไม่ได้มีหน้าที่ไปหารือกับพรรคการเมือง แต่มีหน้าที่จัดการการเลือกตั้ง และหากจะมีการหารือควรให้สิทธิทุกพรรคเข้าหารือ เพราะพรรคการเมืองมีสิทธิและเสียงเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ยังขอตั้งขอสังเกตถึงการหารือระหว่าง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.กับผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งบอยคอตการเลือกตั้งจึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและไม่เหมาะสม หาก กกต. โดยเฉพาะนายสมชัย ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ก็ควรจะลาออกไป

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 12.30 น. นายสมชัย ได้เดินทางออกจาก กกต.ด้วยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไปรับประทานอาหารข้างนอก และพูดติดตลกว่านัดสาวกินข้าว ขณะเดียวกันคนเสื้อแดงกลุ่ม กวป. ประมาณ 20 คน ได้รวมตัวหน้าสำนักงาน กกต. ชูป้ายสนับสนุนการเลือกตั้งและให้กำลังใจผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย.

 

 

 

เนชั่นทันข่าว รายงานว่าเมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (2 ม.ค.2556) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเดินทางไปพบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ทางกกต.ได้เชิญพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคเข้าร่วมหารือ แต่ไม่ได้หารือที่สำนักงานกกต. ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ส่วนจะเชิญพรรคอื่นมาหารืออีกหรือไม่ เป็นเรื่องของกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะดำเนินการ โดยตนจะไปฟังว่า กกต.จะสรุปผลการรับสมัครส.ส. ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตอย่างไร และจะมีแนวคิดที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนพรรคเพื่อไทยจะมีแนวคิดอย่างไรคงต้องรับฟัง โดยเราคงจะให้ความเห็นว่าการเดินหน้าเลือกตั้งว่าจะเกิดปัญหาอะไร และมีวิธีการอย่างไรในการหาทางออกดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งโดยไม่รับฟังความเห็นจากฝ่ายอื่น เราก็ได้แต่เตือนว่าจะวุ่นวายและมีปัญหาโต้แย้งทางกฎหมายกันมาก ซึ่งรัฐบาลต้องรับผิดชอบ

 

เมื่อถามว่าทางออกเรื่องนี้มองอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเดินหน้าเลือกตั้งที่พยายามทำกันอยู่เพื่อให้เป็นไปตามความตั้งใจของรัฐบาลนั้น มันไม่สงบและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการทำให้เลือกตั้งเกิดความสุจริตและยุติธรรม ซึ่งหากยอมรับความจริงตรงนี้เสียก่อน ก็สามารถที่จะแก้ปัญหาอยู่บนเงื่อนไขอะไรบ้าง ซึ่งจะหลีกเลี่ยงไม่พ้นการที่รัฐบาลและกกต.ต้องรับฟังกปปส.ด้วย เพราะกปปส.เป็นผู้ขับเคลื่อนให้ประชาชนจำนวนมากให้เรียกร้องการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ทั้งนี้หากกกต.เห็นว่าควรเลื่อนการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. กกต.ก็สามารถตั้งเรื่องไปที่รัฐบาลได้ เนื่องจากกกต.เป็นผู้รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้งและเป็นผู้รักษาการร่วมกับนายกรัฐมนตรีในพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง 2 ก.พ. ดังนั้น กกต.ต้องเป็นผู้เสนอรัฐบาลว่าปัญหาการจัดการเลือกตั้งคืออะไรและร่วมกันในการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้หากกกต.ประเมินแล้วหากต้องเลื่อนการเลือกตั้งรัฐบาลก็ต้องยอมรับความจริง วันนี้หากไม่ยอมรับความจริงก็ยากที่จะแก้ปัญหาได้

 

"วันนี้เรามองไปรอบ ๆ บรรยากาศการเลือกตั้งมีหรือไม่ ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นจะลงคะแนนเสียงกันอยู่แล้ว บางเขตยังไม่มีการรับสมัครเลือกตั้ง เพราะเปิดรับสมัครไม่ได้ ป้ายโฆษณาหาเสียงมีเป็นหย่อม ๆ และไม่มีใครพูดคุยถึงการเลือกตั้ง ในเชิงการแข่งขันปกติ ดังนั้น ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงของบ้านเมืองก่อนถึงจะแก้ปัญหาได้ วันนี้หากดึงดันเดินหน้าเลือกตั้งต่อไป แม้จะมีสภาหรือรัฐบาลปัญหาก็คงไม่จบ ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องมาหาแนวทางหรือข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ของประเทศเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยปี 49 ผมเชื่อว่าทางออกมันมีแต่อยู่ที่ว่าจะเลือกเดินหรือไม่ แต่ผมก็ยังไม่เห็นสัญญาณของรัฐบาลที่จะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น"นายอภิสิทธ์กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กกต. และกปปส.ในการล้มการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่จริงและไม่เป็นธรรมกับทั้ง 3 ฝ่าย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ และกปปส.เป็นอิสระต่อกัน และกกต.ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร เพราะเป้าหมายของกกต.คือการจัดการเลือกตั้งให้สงบ สุจริต ส่วนที่กปปส. ปฏิเสธที่จะหารือกับกกต.นั้น ก็เป็นสิทธิ์ของกปปส.ที่จะพบใคร ซึ่ง กปปส.ก็มีจุดยืนของตัวเองอยู่แล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมพูดคุยกับทุกฝ่ายทธิ์จึงไม่ได้เข้าร่วมเพราะทราบว่าทางพรรคเพื่อไทยเองก็ยืนยันที่จะเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งต่อไป

 

 

 

เนชั่นทันข่าว รายงานในเวลาต่อมาว่า นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนัดหารือระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ล้มเหลว ว่า การนัดหมายมีตัวแทน 3 ฝ่ายคือ กกต. พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย โดย กกต.เชิญไปร่วมหารือทางออกเกี่ยวกับปัญหาในการเลือกตั้ง แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายเวลา 13.00 น. นั้น ทราบว่าตัวแทนฝ่ายพรรคเพื่อไทยที่แจ้งไว้ตั้งแต่ต้น กลับมีการเปลี่ยนตัวบุคคล ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้งหรือคู่กรณีเพราะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่จะไปเพื่อเสนอแนะทางแก้ไขปัญหา เมื่อไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้น เรื่องตัวบุคคลที่จะเจรจาร่วม 3 ฝ่าย นายอภิสิทธิ์จึงไม่ได้เข้าร่วมเพราะทราบว่าทางพรรคเพื่อไทยเองก็ยืนยันที่จะเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งต่อไป