Skip to main content
sharethis
หอการค้าไทย-สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์แจงกรณีภาคธุรกิจถูกกล่าวหาเป็นท่อน้ำเลี้ยง กปปส. ชี้ไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนก่อนเผยแพร่ เรียกร้องรัฐบาลรักษาการ-ศรส.หยุดสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หยุดเพิ่มความบอบช้ำให้เศรษฐกิจและสังคม
 
13 ก.พ.2557 หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำโดย นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานหอการค้าไทย นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานหอการค้าไทย เป็นตัวแทนประกาศ แถลงการณ์ “กรณีภาคธุรกิจเอกชนถูกกล่าวหาเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ กปปส.”  

นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจเอกชนขอเรียกร้องต่อผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในรัฐบาลรักษาการให้ยุติการกระทำที่สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และขอให้หยุดการกระทำที่เพิ่มความบอบช้ำให้แก่เศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วย ซึ่งหากเห็นว่าบุคคลหรือองค์กรธุรกิจใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ให้การสนับสนุนต่อ กปปส.และผู้ที่รับผิดชอบมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายตามที่กล่าวอ้างก็ให้รีบดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส อย่าให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัย

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยมีจุดยืนเรื่องธรรมาภิบาล อยู่ในระดับชั้นนำและการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นมาตลอด ดังนั้น การออกมาแถลงครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นการตอบโต้ แต่เป็นการแสดงจุดยืนอีก เพราะหากผู้รับผิดชอบมีหลักฐานก็ให้รีบดำเนินการทางกฎหมาย แต่หากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว
 
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการนำเข้าไปหารือกันในที่ประชุมคณะกรรมการหอการค้าไทย และมีมติว่าในฐานะที่หอการค้าไทยเป็นสถาบันหลักจึงควรออกมาแสดงจุดยืนและขอยืนยันว่าการออกมาครั้งนี้ไม่มีเจตนาที่จะปกป้องผู้ที่กระทำความผิดหากมีหลักฐานแน่ชัด ซึ่งแม้ตอนนี้ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจยังไม่มี แต่อาจมีผลกระทบทางอ้อม ที่ถูกโยงเข้าไปเกี่ยวกับการเมือง
 
ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อดูแลด้านกฎหมายว่า ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สามารถดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และมีผลกระทบต่อชื่อเสียงที่สร้างสมกันมาหลายชั่วคน โดยเบื้องต้นจะยังไม่มีการดำเนินการตอบโต้แต่อย่างใด 

นอกจากนี้ หอการค้าไทยจะส่งแถลงการณ์จุดยืนดังกล่าวไปให้สถานทูตต่างๆ ที่อยู่ในประเทศ และ ศรส.รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศให้เข้าใจด้วย
 
แถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความ ดังนี้
 
ตามที่ได้ปรากฏข่าวที่นำเสนอโดยสื่อต่างๆ ว่าภาคธุรกิจเอกชนและนักธุรกิจได้ให้การสนับสนุนต่อคณะกรรมกาประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ซึ่งบุคคลและภาคธุรกิจเอกชนที่ถูกกล่าวหานั้น บางส่วนเป็นสมาชิกของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดังที่ได้ทราบกันอย่างแพร่หลายแล้วนั้น
 
ในนามของภาคธุรกิจเอกชนโดยรวม ขอเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจร่วมกันว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรภาคธุรกิจที่มีสมาชิกเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ เป็นองค์กรภาคเอกชนของไทยที่ได้รับการยกย่องโดยทั่วไปจากรัฐบาลและภาคธุรกิจเอกชนต่างประเทศ ว่ามีนโยบายและการบริหารจัดการธุรกิจที่เป็นสากล โปร่งใส มีระดับธรรมาภิบาลติดอันดับชั้นนำของโลก ตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมา ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการค้า การส่งออก และการลงทุน โดยให้ความร่วมมือกับรัฐบาลทุกรัฐบาล และได้นำมาซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้ง ได้จัดทำโครงการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนรณรงค์เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งขณะนี้ทำให้สังคมไทยมีการตื่นตัวและมีจิตสำนึกที่ดี ในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ
 
ในฐานะที่องค์กรภาคเอกชนขณะนี้ ถือเป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจของประเทศ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงรู้สึกประหลาดใจและเสียใจที่ได้พบว่า ได้มีการจัดทำบัญชีบุคคล บริษัท ห้างร้านต่างๆ ตลอดจนองค์กรภาคธุรกิจและถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนต่อ กปปส. ซึ่งบัญชีนั้นได้ถูกเผยแพร่โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสาธารณชน จนทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรภาคธุรกิจเอกชน บริษัท และตัวบุคคล ต้องเสื่อมเสีย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยเจตนา หรือไม่เจตนาก็ตาม โดยที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีโอกาสปกป้องตัวเอง
 
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ภาคธุรกิจเอกชนจึงขอเรียกร้องต่อผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในรัฐบาลรักษาการ ให้ยุติการกระทำอันเป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ตลอดจนใคร่ขอให้รัฐบาลรักษาการยุติการกระทำที่จะเพิ่มความบอบช้ำให้แก่เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และถ้าเห็นว่า บุคคลหรือองค์กรธุรกิจใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ให้การสนับสนุนต่อ กปปส. และผู้ที่รับผิดชอบมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โปรดรีบดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อยุติต้นเหตุแห่งการกระทำที่ผิดกฎหมายนั้น ดังที่มีการกล่าวอ้างโดยเร็ว แต่หากไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ซึ่งความผิด ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส อย่าทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อผู้บริสุทธิ์ รวมทั้ง ให้ความยุติธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากข่าวที่ปรากฏออกไป
 
ภาคธุรกิจเอกชนมีความปรารถนาดี และปณิธานอันแน่วแน่ ที่จะให้เกิดความปรองดองขึ้นในชาติ รวมถึงได้มีบทบาทนำเสนอกระบวนการต่างๆ เพื่อยุติความขัดแย้งและความรุนแรง โดยหวังว่าผู้ที่ขัดแย้งจะได้หันมาเจรจากันอย่างสันติ อีกทั้งได้นำเสนอวิถีทางปฏิรูปประเทศอย่างสร้างสรรค์ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อที่การเมืองและสังคมไทยจะได้มีความแข็งแกร่ง เป็นเสาหลักให้แก่ประเทศชาติต่อไปอย่างยั่งยืน โดยในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา ได้ร่วมจัดเวทีกลาง 7 องค์กรภาคธุรกิจเอกชน การรับฟังความคิดเห็นในการเสนอทางออกประเทศร่วมกับอีก 18 องค์กร และการเดินหน้าปฏิรูปของ 70 องค์กร ดังเป็นที่ประจักษ์แล้ว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลรักษาการจะได้ตระหนักถึงบทบาทที่สร้างสรรค์ของภาคธุรกิจเอกชน และร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตินี้โดยเร็ว
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net