ประธาน กกต.เตรียมพร้อมจัดเลือกตั้ง ส.ว.ให้เรียบร้อย วอน จนท.ทำเพื่อชาติอย่าเพิ่งลาออก จ่อถกหนังสือรัฐบาล ปม 28 เขตไร้ผู้สมัครระหว่าง ส่งศาล รธน.ตีความ หรือส่งรัฐบาลตอบให้ชัด 24 ก.พ.นี้ ด้านประชาธิปัตย์ท้ารัฐบาลออกมติ ครม. เห็นต่างอำนาจเลือกตั้ง เปิดช่อง กกต. ร้องศาล รธน.ยก 3 เหตุ จัด ลต.ให้เสร็จเปิดสภาฯ ทัน 4 มี.ค. ไม่ได้

 

 

22 ก.พ. 2557 ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่านายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการจัดการเลือก ส.ว.ว่า กกต.ได้มีการประชุมเตรียมความพร้อม และให้ ผอ.กต.แต่ละจังหวัด ได้รายงานปัญหา เพื่อรีบหาแนวทางแก้ไขให้การเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนที่ กกต.เขต ใน กทม.สะท้อนปัญหาเกี่ยวกับการสรรหากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง(กปน.) ว่า อาจจะสรรหาไม่ทันวันเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ก็นำข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไปพิจารณาหาทางแก้ไข พร้อมขอให้ กกต.จังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้ง อย่าเพิ่งลาออก เพราะการเลือกตั้ง ส.ว.ไม่ได้เป็นของ กกต.แต่เป็นของประเทศชาติ นอกจากนี้ ส่วนกรณีที่ ผอ.กกต.เขต กลัวว่าจะถูกฟ้องร้องจากการปฏิบัติหน้าที่ แล้วได้ขอหลักประกันจาก กกต.ว่า จะมีมาตรการช่วยเหลือดูแลอย่างไรในเรื่องนี้ ซึ่ง กกต.ยินดีที่จะดูแลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการต่อสู้คดี

       

นายศุภชัย กล่าวว่า การประชุม กกต.ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ จะมีการพิจารณาหนังสือตอบกลับของรัฐบาล ในกรณีการออกพระราชกฤษฎีกาจัดการเลือกตั้ง ใน 28 เขต ที่ไม่มีผู้สมัคร ส่วนตัวเห็นว่าหนังสือดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่า รัฐบาลเห็นด้วยกับ กกต.หรือไม่ อีกทั้งเนื้อหาในหนังสือยังไม่เข้าองค์ประกอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 214 ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของรัฐ อย่างไรก็ตาม หากวันที่ 24 ก.พ.ที่ประชุม กกต.เห็นว่าเนื้อหาในหนังสือครบถ้วนเข้าตามหลักรัฐธรรมนูญ ก็จะส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย แต่หากยังไม่ตามหลักรัฐธรรมนูญ ก็จะทำหนังสือสอบถามไปยังนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

       

นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.ไม่ต้องการทอดเวลาในการจัดการเลือกตั้งให้ยาวออกไป และมั่นใจว่าหาก กกต.ทำหนังสือสอบถามไปยังนายกฯอีกครั้ง ก็จะได้รับความชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมเชื่อว่ารัฐบาลไม่ต้องการดึงเรื่อง เพราะรัฐบาลก็ต้องการให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว

 

 

มติชนออนไลน์รายงานว่านายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง  กล่าวถึงกรณีที่ 4 พรรคร่วมรัฐบาล ออกแถลงการณ์เร่งรัดให้ กกต.ดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เสร็จโดยเร็ว ว่า ทาง 4 พรรคการเมืองก็ทราบถึงข้อจำกัดในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ว่าต้องปฏิบัติงานภายใต้กรอบกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ เพราะฉะนั้นประเด็นปัญหา 28 เขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัคร ส.ส.ก็ยังเป็นปัญหาที่ไม่สามารถเริ่มต้นได้ คาดน่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึงจะสามารถคลี่คลายลงได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร 

 

ทาง กกต.ได้เตรียมจัดโครงการสัมมนาเพื่อหาแนวทางที่จะทำให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จในวันที่ 7 มีนาคม ที่ จ.สงขลา เพื่อเปิดโอกาสตัวแทน 4 พรรคร่วมรัฐบาล อาทิ หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับทาง กกต. จังหวัด หน่วยงานราชการ หน่วยงานความมั่นคง เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และตัวแทน กปปส.เพื่อจะได้รับทราบปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ว่าเป็นอย่างไร 

 

โดยเหตุผลที่เลือกจัดงานดังกล่าวในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากปัญหาการเลือกตั้งส่วนใหญ่เกิดในภาคใต้ ถ้าหากจัดงานที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ทุกฝ่ายก็จะไม่รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงได้ ดังนั้นจึงอยากให้ตัวแทนพรรคการเมืองลงไปสัมผัสและรับฟังปัญหาจากคนในพื้นที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กกต.จังหวัด อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทาง กกต.จะส่งหนังสือเชิญตัวแทน 4 พรรคการเมืองเข้าร่วมงาน เชื่อว่าน่าเป็นประโยชน์และอาจจะได้ข้อเสนอที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ 

 

 

ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค ปชป. แถลงถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล มีมติร่วมเพื่อกดกันให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินหน้าจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อย และสามารถเปิดสภาฯ ได้ภายในวันที่ 4 มี.ค.ว่า ขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เลิกกดดัน กกต.และยึดในประโยชน์โดยรวม เพื่อหาทางออกให้ประเทศ

 

สำหรับ 28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัครนั้น ถามว่า ทำไมรัฐบาลจึงไม่ทำตามคำแนะนำของ กกต. ที่ให้รัฐบาลเป็นผู้ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใหม่ จึงพายเรือในอ่าง ที่จะกลับมาที่เดิมว่า ใครจะเป็นผู้กำหนดวันสมัครรับเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ และหนังสือที่รัฐบาลส่งกลับไปยัง กกต. ไม่ใช่มติของคณะรัฐมนตรี แต่หนังสือของกฤษฎีกาว่า อำนาจในการประกาศเลือกตั้งใหม่เป็นของ กกต. ส่งผลให้กกต. ไม่สามารถส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ 

 

ดังนั้น จึงเชื่อว่ารัฐบาลจงใจหลีกเลี่ยงการที่ กกต.จะนำเรื่องนี้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลมีความมั่นใจว่า อำนาจจัดการเลือกตั้งเป็นของ กกต. ก็ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล้าระบุออกมาเป็นมติ ครม. ยืนยันความเห็นของกฤษฎีกา เพื่อ กกต.จะได้นำความเห็น ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยโดยเร็ว ว่า อำนาจในการกำหนดวันสมัครรับเลือกตั้งใหม่ เป็นของรัฐบาล หรือของ กกต. เพราะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่รัฐบาล โดย ครม.จะไม่เร่งรัดรีบดำเนินการเพื่อให้ออกจากภาวะสุญญากาศทางการเมือง 

 

ทางด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. ภาค กทม. กล่าวว่า ถ้าทำตามข้อเรียกร้องของพรรคร่วมรัฐบาลจะครบกำหนดเปิดสภาฯ วันที่ 4 มี.ค.นี้ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และรัฐบาลก็คงรู้ว่า กกต.ทำไม่ได้ แต่คงหวังผลกดดัน ดิสเครดิต กกต. ด้วย 3 เหตุ คือ 1.มี 28 เขตที่ยังไม่มีผู้สมัคร จึงยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร การจะทำให้เสร็จในวันที่ 4 มี.ค. ก็คงเป็นไปได้ 2. การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อ 26 ม.ค. ที่ยังไม่เรียบร้อย จนต้องเลือกตั้งย้อนหลังในหลายเขต ก็ยังไม่ชัดเจนว่า จะกำหนดเลือกตั้งได้เมื่อไร

 

ส่วนข้อ 3. การให้ประกาศผลในเขตที่สามารถเลือกตั้งเสร็จแล้วไปก่อน ส่อที่จะทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่จะประกาศให้ผู้สมัครคนใดได้เป็น ส.ส. เพราะต้องรอผลคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าด้วย ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลจึงไม่ควรใช้การรวมตัวของพรรคร่วมรัฐบาลมากดดัน กกต. เพราะ กกต.ก็คงไม่อยากทำผิดและติดคุกเหมือน กกต.บางชุดในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลจึงควรร่วมมือกับ กกต. ให้การเลือกตั้งเป็นทางออกของประทศอย่างแท้จริง ไม่ใช่ให้เป็นทางออกของรัฐบาล และของคนบางคนเท่านั้น