Skip to main content
sharethis
‘สุภิญญา’ ร่วมเวทีเตรียมความพร้อมคนอุบลทำ ‘ทีวีดิจิตอลชุมชน’ ชี้พร้อมหนุนหากอุบลฯ จะเป็นพื้นที่นำร่องทีวีดิจิตอลชุมชน แต่ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน ด้านนักวิชาการย้ำทีวีชุมชนจะเข้มแข็งได้ต้องมาจากชุมชน
 
 
30 เม.ย. 2557 มูลนิธิสื่อสร้างสุขจัด “เวทีเตรียมความพร้อม ทีวีดิจิตอลชุมชน” ณ ห้องทับทิมสยาม 4 ชั้น 5 โรงแรมสุนีย์แกรนด์โฮเทลคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ จากสนับสนุนของโครงการสะพานโดยการสนับสนุนจากองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) โดยมีเครือข่ายภาคประชาสังคม องค์กรอิสระ ภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และสื่อมวลชน กว่า 100 คน เข้าร่วมระดมความคิดเห็น
 
 
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวบรรยายในหัวข้อ ‘ทีวีดิจิตอลชุมชนที่อยากเห็น’ ว่า ทีวีชุมชนจะเกิดขึ้นได้จริงในไม่ช้านี้ และถ้า จ.อุบลราชธานีจะเป็นพื้นที่นำร่องทีวีดิจิตอลชุมชนก็พร้อมที่จะสนับสนุน แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งการเปลี่ยนผ่านการส่งสัญญาณโทรทัศน์ ไปสู่ระบบดิจิตอลนั้น ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้เวลาเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกเป็นระบบดิจิตอลนานกว่า 12 ปี ฉะนั้นที่ประเทศไทยก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน แต่ก็เป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยได้เริ่มทำการเปลี่ยนผ่านนี้ก่อนประเทศแถบเดียวกัน
 
นางสาวสุภิญญา กล่าวด้วยว่า เมื่อเป็นทีวีดิจิตอลจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์จากการมีทางเลือกในการรับชมข้อมูลข่าวสารที่มากขึ้น โดยทีวีดิจิตอลจะเพิ่มเป็น 48 ช่อง ซึ่งแบ่งออกเป็นช่องรายการสำหรับบริการทางธุรกิจ (24ช่อง) บริการทางสาธารณะ (12ช่อง) บริการชุมชน (12ช่อง) ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553
 
 
นายธีระพล อันมัย อาจารย์สาขานิเทศศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมเสนอความเห็นในหัวข้อเดียวกันว่า การจะทำทีวีดิจิตอลชุมชนให้เกิดขึ้นได้จริงนั้นต้องอาศัย 5 องค์ประกอบ คือ 1.บุคลากร ต้องมีบุคลากรอยู่ประจำเพื่อดำเนินการ และมีชาวบ้านที่มีอุดมการณ์ มีจิตอาสา ที่จะทำงานร่วมกัน 2.การบริหารจัดการ เน้นการดึงคนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน เช่น การบริหารจัดการผังรายการ ร่วมผลิตรายการ บริจาคสมทบทุน
 
3.เนื้อหาหลักที่ผู้ชมต้องการชม ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเป็นทีวีชุมชน กลุ่มเป้าหมายก็ต้องการชมเนื้อหาที่เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน เรื่องราวภายในชุมชนที่เกิดขึ้นจริง เป็นหัวใจหลักในการดึงคนเข้ามาชมทีวีของเรา 4.ด้านเทคนิค คือ การผลิตรายการ การรายงานข่าว ภาษาที่ใช้ในการรายงาน คนที่จะมาร่วมทำทีวีชุมชนต้องมีความชำนาญในด้านเทคนิคการตัดต่อ ง่ายต่อการทำงาน และ 5.งบประมาณ เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ทีวีชุมชนจะอยู่ได้ต้องอาศัยเงิน จะหาทุนนี้จาก การบริจาคจากแฟนคลับ หน่วยงานรัฐ เอกชน มาร่วมสมทบทุน แต่อย่าให้มาครอบเนื้อหาที่ทำ
 
ส่วนนายนพพร พันธุ์เพ็ง นักสื่อสารมวลชน ก็มีความคิดเห็นต่อทีวีชุมชนเช่นเดียวกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี คือ ต้องอาศัยองค์ประกอบทั้ง 5 ซึ่งการจะสร้างทีวีชุมชนขึ้นมาอย่างเข้มแข็งถ้าหากขาดข้อหนึ่งข้อใดไปก็คงลำบาก และที่สำคัญคอนเช็ปต์ต้องแม่น ทีวีธุรกิจเห็นผู้ชมเป็นลูกค้าต้องทำตามความต้องการของเขา แต่ทีวีชุมชนเห็นประชาชนเป็นพลเมือง นำเสนอในสิ่งที่ประชาชนควรรู้ ต้องรู้  
 
นายนพพร  กล่าวด้วยว่า ทีวีชุมชนต้องทำให้ชุมชน ประชาชน เกิดความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ ไม่ต้องรอภาครัฐฝ่ายเดียว มีอำนาจต่อรองทางสังคม อยากเห็นทีวีชุมชนเป็นห้องเรียนอากาศ ให้ชาวบ้านทำงานร่วมกับองค์กรอิสระ
 
ด้านนายนิมิต สิทธิไตรย์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี เสนอความเห็นว่า หัวใจหลักของทีวีชุมชนคือต้องคิดให้ชัดว่าเราจะใช้ประโยชน์อะไรจากทีวีช่องนี้ ทีวีช่องนี้จะทำหน้าที่อะไร แล้วร่วมกันสร้างให้เกิด เรื่องงบในการดำเนินการคิดว่าหาไม่ยากหากมีความชัดเจนและทำให้เป็นรูปธรรม  
 
ส่วนคนที่จะมาทำงานทีวีชุมชนต้องเป็นคนรุ่นเก่าร่วมกับคนรุ่นใหม่ซึ่งมีไฟพลังในการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ เพราะโลกอนาคตเป็นยุคของการเปลี่ยนผ่าน ยุคของการแข่งขัน คนทั้ง 2 รุ่นนี้ จึงต้องทำงานร่วมกันให้สอดคล้องไปในทางเดียวกัน ทีวีชุมชนต้องเป็นเครื่องมือเพิ่มศักยภาพชุมชน เชื่อมการเรียนรู้ทั้งในระดับชุมชนและระดับโลก
 
ขณะที่ คำปิ่น อักษร นักข่าวพลเมือง สะท้อนว่าอยากเห็นทีวีชุมชน เป็นพื้นที่นำเสนอเรื่องราวในชุมชน วิถีชีวิต ประเพณีท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นกระบอกเสียงให้ชาวบ้าน สะท้อนปัญหา ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐเร่งแก้ อีกทั้งเป็นเวทีสาธารณะให้ชาวบ้านได้แสดงออก เสนอความคิดเห็น ให้เกิดการแก้ไขปัญหา
 
นายศุภชัย ไตรไทยธีระ ตัวแทนเด็กและเยาวชน กล่าวว่า อยากเห็นทีวีชุมชนเป็นกระบอกเสียงให้กับเด็กและเยาวชน เป็นพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้แสดงศักยภาพให้ผู้ใหญ่ในสังคมได้รับรู้ เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เด็กและเยาวชนมีเวทีในการแสดงออก ทำให้เกิดทักษะในการดำรงชีวิตต่อไปในอนาคต เชื่อมั่นว่าทีวีชุมชนที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นพื้นให้เด็กและเยาวชนจริงๆ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายที่เข้าร่วมระดมความคิดเห็นในภาคบ่ายของเวทีเตรียมความพร้อมทีวีดิจิตอลชุมชนในครั้งนี้ ต่างมีข้อเสนอและสะท้อนมุมมองความคิดเห็นที่หลากหลาย ทั้งรูปแบบและรายการของทีวีชุมชน เรื่องราวใกล้ตัวที่อยากนำเสนอผ่านทีวีดิจิตอลชุมชนที่จะมีขึ้นในอนาคต
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net