Skip to main content
sharethis

สกัดเข้มชายแดน จนท.หวั่นแกนนำหนี-ป้องกันลอบขนอาวุธ ขณะเดียวกันกองทัพภาค 2 ปิดจุดการค้าไทย-กัมพูชาหลายจุด และมีการปิดด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่หนองคาย-นครพนม-มุกดาหาร ที่แม่ฮ่องสอน กรมทหาราบที่ 7 สั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าไทย-พม่าทุกจุดจนกว่าจะปกติ

ผบ.กองกำลังบูรพาตั้งด่านเข้มหวังสกัดแกนนำ นปช.-กปปส. ข้ามไปกัมพูชา

24 พ.ค. 2557 - เมื่อวานนี้ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กองอำนวยการรักษาความสงบ ภาค 1 ส่วนแยก 1 สั่งการให้ พ.อ.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พ.อ.พิชิต มีคุณสุต ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 (ผบ.ฉก.กรม.ทพ.ที่ 12) พ.อ.ปรมินทร์ ทวีสุข ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 13 (ผบ.ฉก.กรม.ทพ.ที่ 13) และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ สุขี ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ให้ทำการตั้งด่านตรวจสกัดเข้มตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอด 165 กม.เพื่อทำการสกัดกั้นแกนนำ นปช. และ กปปส. ซึ่งอาจจะหลบหนีข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา พร้อมทั้งยังเป็นการสกัดกั้นการลักลอบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศอย่างเข้มงวดด้วย

โดยที่ด่านพรมแดนอรัญประทศ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ร.อ.อภินันทร์ สงครามชัย ผบ.ร้อย.ทพ.ที่ 1206 นำกำลัง กว่า 20 นายติดอาวุธครบมือ ตั้งด่านตรวจค้นรถยนต์ทุกคันที่เดินทางผ่านเข้า-ออกบริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศอย่างเข้มงวด มีการติดรูปภาพแกนนำ นปช. และ กปปส. ด้วยซึ่งหากมีการพบตัวจะมีการรายงานผู้บังคับบัญชาทันที

นาวิกโยธินตั้งด่านสกัดที่จันทบุรี-สระแก้ว ป้องกันเคลื่อนย้ายอาวุธ 

จุดสกัดบ้านเขาเกลือ ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นจุดสกัดร่วมของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้มีกำลังทหารนาวิกโยธินจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี พร้อมรถฮัมวี่ และอาวุธประจำกาย เข้ามาเสริมกำลัง เพื่อดูแลเส้นทางเลียบชายแดนไทย – กัมพูชา และเขตติดต่อจังหวัดสระแก้ว โดยดูแลทั้งด้านความมั่นคงและป้องกันการเคลื่อนย้ายอาวุธ (ที่มาของภาพ: สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี)

สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานด้วยว่า บรรยากาศในพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดจันทบุรีในขณะนี้ ที่จุดสกัดบ้านเขาเกลือ ตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี เป็นจุดสกัดร่วมของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองปรากฏว่ามีกำลังทหารนาวิกโยธินจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี พร้อมรถฮัมวี่และอาวุธประจำกายเข้ามาเสริมกำลัง อำนวยความสะดวกประชาชนที่ใช้เส้นทางเลียบชายแดนไทย – กัมพูชา และเขตติดต่อจังหวัดสระแก้ว ดูแลด้านความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย ป้องกันการเคลื่อนย้ายอาวุธที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ส่วนที่จุดผ่านแดนทั้ง 5 จุดของจังหวัดจันทบุรี คือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านบึงชนัง อำเภอโป่งน้ำร้อน จุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านซับตารี จุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านสวนส้ม อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ที่ติดกับประเทศกัมพูชา ยังเป็นไปตามปกติ แรงงานชาวกัมพูชาที่เดินทางมาทำงานภาคการเกษตรในอำเภอโป่งน้ำร้อนและอำเภอสอยดาว เดินทางเข้ามาทำงานตามปกติแบบเช้าเย็นกลับ ส่วนการซื้อขายยังคึกคักเหมือนเดิม

กองกำลังสุรนารีสั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าที่บุรีรัมย์ไม่มีกำหนด-หวั่นมีผู้ลอบขนอาวุธ

ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ได้สั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างประชาชนฝั่งไทยและกัมพูชาในวันศุกร์และเสาร์ของสัปดาห์อย่างไม่มีกำหนดแล้ว ภายหลังการรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.

ทั้งนี้มีการระบุเหตุผลการสั่งปิดจุดผ่อนปรนดังกล่าวว่า เพื่อสกัดกั้นป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีลักลอบเคลื่อนย้ายกำลังคนหรืออาวุธสงครามทุกประเภท เข้ามาก่อเหตุความรุนแรงหรือสร้างสถานการณ์ ที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ ทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคงหรือคดีต่างๆ ใช้เป็นช่องทางในการหลบหนีออกนอกประเทศด้วย ซึ่งขณะนี้ที่บริเวณจุดผ่อนปรนดังกล่าว มีเพียงเจ้าหน้าที่ทหารพรานดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามปกติ แต่ยังไม่มีเสริมกำลังแต่อย่างใด

ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบ้านกรวด ให้ข้อมูลกรณีที่มีกำหนดการจะทำพิธีเปิดจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูอย่างเป็นทางการ และขยายวัน-เวลาเปิดทำการค้าขายจาก 2 เป็น 3 วัน ในวันที่ 14 มิถุนายน 2557 ที่จะถึงนี้ ต้องรอฟังคำสั่งจากทางกองกำลังสุรนารีอีกครั้ง ว่าจะยังคงเปิดตามกำหนดเดิม หรือจะเลื่อนวันออกไป ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้ประสานไปยังทางฝั่งกัมพูชาเพื่อชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวด้วย

กองกำลังสุรนารีปิดด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ หลังการยึดอำนาจ - ช่องสะงำก็ปิดเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ที่ จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 22 พ.ค. 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทหารจากกองกำลังสุรนารี ร.2333 เข้าควบคุมพื้นที่และมีการผลักดันชาวกัมพูชาที่เข้ามาค้าขายที่ตลาดชายแดนไทย ช่องจอม กลับประเทศอย่างเร่งด่วน หลังจากเมื่อเวลา 16.30 น. คสช. ประกาศยึดอำนาจ รวมทั้งประกาศแจ้งเตือนประชาชนชาวไทยให้ทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าวและให้เดินทางกลับด้วย (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

ข้อมูลจากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ระบุด้วยว่า ที่ด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านพรมแดนช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ก็ถูกปิดอย่างไม่มีกำหนดเช่นกัน

ปิดด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หนองคาย-นครพนม-มุกดาหาร

เช่นเดียวกับที่ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ทั้ง 3 แห่งด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.หนองคาย จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร เป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากหลังการรัฐประหารเมื่อเย็นวันที่ 22 พ.ค. เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้คนไทย เดินทางไปยังประเทศลาว มีเพียงอนุญาตให้ชาวลาว และนักท่องเที่ยว เข้ามาในประเทศไทย แต่ต้องใช้หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต

ปิดช่องทางการค้าชายแดนแม่ฮ่องสอนทุกจุด-จนกว่าสถานการณ์จะปกติ

ส่วนที่ จ.แม่ฮ่องสอน สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค. พ.อ.อำนาจ ศรีมาก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 จ.แม่ฮ่องสอน ได้ให้หัวหน้าส่วนราชการเข้ารายงานตัว ประกอบไปด้วย นายสุทธา สายวาณิชย์ รองผู้ว่าราชการ จ.แม่ฮ่องสอน นายบุญเสริม จิตรเจนสุวรรณ ปลัดจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน อ.เมือง อ.ขุนยวม มารายงานตัวที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 จ.แม่ฮ่องสอน

หัวหน้าส่วนราชการที่อยู่ในพื้นที่ อ.ปาย อ.ปางมะผ้า มารายงานตัวกองพันทหารราบที่ 5 กรมทหารราบที่ 7 ค่ายโสณบัณฑิตย์ อ.ปาย หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ อ.แม่ลาน้อย อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย มารายงานตัวที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 จ.แม่ฮ่องสอน ชี้แจงว่า เพื่อความเรียบร้อยในพื้นที่ ประกอบกับ จ.แม่ฮ่องสอนมีช่องทางการค้าชายแดนเป็นจุดผ่อนปรน ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 จ.แม่ฮ่องสอน ขอปิดช่องทางการค้าชายแดนจุดผ่อนปรนทั้งหมดในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ปกติก็จะดำเนินการพิจารณาให้มีการค้าขายตามปกติต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net