26 พ.ค. 2557 กลุ่มศิลปากรเสรีเพื่อประชาธิปไตย (ศสป.) ออกแถลงการณ์ต้านรัฐประหารผ่านเพจเฟซบุ๊ก เรียกร้อง คสช. หยุดกักขังหน่วงเหนี่ยวประชาชน  หยุดแทรกแซงสื่อและคุกคามเสรีภาพการแสดงความเห็นทางการเมือง 

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ขณะเขียนแถลงการณ์นี้ กลุ่มฯทราบดีว่าเป็นข้อเรียกร้องที่เกินความเป็นไปได้ ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรที่จะได้อำนาจคืน แต่ยังเชื่อว่าสมควรเขียน เพราะข้อเขียนต่างๆ ไม่เพียงบอกเจตนารมณ์ของผู้เขียน แต่ยังเป็นที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยบอกลูกหลานของเราในอนาคต ว่าในปีพ.ศ.นี้ ในขณะที่โลกทั้งใบเคลื่อนไปสู่ประชาธิปไตย ประเทศไทยกลับกำลังด่ำดิ่งสู่เหวลึกแห่งเผด็จการ

แถลงการณ์กลุ่มศิลปากรเสรีเพื่อประชาธิปไตย (ศสป.) ฉบับที่ 3
เรื่อง ข้อเรียกร้องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และได้ออกประกาศหลายฉบับเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และประชาชน

กลุ่มศิลปากรเสรีเพื่อประชาธิปไตยมีข้อเรียกร้องต่อคณะผู้ก่อการทั้งหมดดังต่อไปนี้

1.หยุดใช้อำนาจและความรุนแรงในการควบคุม และกักขังหน่วงเหนี่ยวนักการเมือง นักกิจกรรมทางการเมือง นักวิชาการ ผู้สื่อข่าว และประชาชนทั่วไปทุกฝ่าย

2. ปล่อยตัวผู้ที่ถูกนำตัวไปกักขังไว้ตามอำนาจของ คสช. และหยุดการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ให้ใช้กระบวนการยุติธรรมปกติสำหรับการพิจารณาคดีความใดๆ (ยกเลิกมาตรการใช้ศาลทหารในการพิจารณาคดี)

3.หยุดการแทรกแซงการนำเสนอข่าวสารรายการของสื่อมวลชนทุกประเภท ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และสื่อออนไลน์

4.หยุดคุกคามชีวิตและเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความเห็นทางการเมือง และเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารของประชาชนด้วยวิธีการดักฟังโทรศัพท์ เจาะฐานข้อมูลออนไลน์และด้วยวิธีอื่นๆ

5.หยุดจำกัดเสรีภาพของประชาชนในการเลือกเวลาประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตประจำวัน

6.ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ กลับมาใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสำหรับรัฐพลเรือน ที่มีความเชื่อมโยงกับประชาชน

7.ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจอันชอบธรรมในการปกครองตนเองตามวิถีแห่งประชาธิปไตย และจัดการเลือกตั้งอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ประชาชนลงคะแนนเลือกรัฐบาลมาบริหารประเทศ

ทั้งนี้เพื่อให้สถานการณ์ทางการเมืองที่ส่อเค้าจะเกิดความรุนแรง เกิดการปะทะและเสียเลือดเนื้อระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งระหว่างประชาชนด้วยกันเอง ได้ผ่อนคลายลง แล้วกลับเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว