Skip to main content
sharethis

ประกาศ คสช. 85/2557 ระบุสถานการณ์ในปัจจุบันไม่สามารถจัดเลือกตั้ง อบต.-อบจ.-เทศบาล หากสภาท้องถิ่นครบวาระ-ว่างลงให้ตั้งกรรมการสรรหา สมาชิกสภาท้องถิ่นอายุ 35 ขึ้น-จบ ป.ตรีขึ้น-รับราชการหรือเคยรับราชการระดับ 8 ขึ้น-หรือเป็นหัวหน้าองค์กรภาคเอกชน ส่วนผู้บริหารท้องถิ่นให้ปลัดทำแทน นอกจากนี้ยังออกประกาศ คสช. 86/2557 ใช้วิธีสรรหาสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสภาเขต

ประกาศ คสช. ฉบับที่ 85/2557 เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว(ที่มาของภาพ: Thai Local Meet)

16 ก.ค. 2557 - เมื่อวันที่ 15 ก.ค. มีการเผยแพร่ประกาศ คสช. ฉบับที่ 85/2557 เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว มีผลให้ใช้วิธีสรรหาสมาชิกสภาท้องถิ่น ได้แก่ อบต. อบจ. และเทศบาล รวมทั้งให้ผู้บริหารท้องถิ่นที่หมดวาระลงให้ปลัดทำหน้าที่แทน นอกจากนี้มีการเผยแพร่ประกาศ คสช. ฉบับที่ 86/2557 เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตเป็นการชั่วคราว โดยใช้วิธีสรรหาแทน เช่นกัน อย่างไรก็ตามในประกาศยังไม่ระบุเรื่องที่มาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ประกาศ คสช. ฉบับที่ 85/2557 ทำให้ที่มาของสมาชิกสภาท้องถิ่นทั้งหมดกลับไปมีที่มาจากการแต่งตั้ง ขณะที่ทั้งประเทศ มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลจากการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 ซึ่งเป็นการประนีประนอมโดยกระทรวงมหาดไทยต่อกระแสรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศภายหลังเหตุการณ์พฤษภาคม พ.ศ. 2535 (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ขณะที่ในช่วงก่อน พ.ศ. 2537 การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นไปตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 326 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดให้นายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมายเป็นประธาน พร้อมด้วยกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านคัดเลือกราษฎรมาเป็น "กรรมการสภาตำบลผู้ทรงคุณวุฒิ"

โดยประกาศทั้ง 2 ฉบับ ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2557 มีรายละเอียดดังนี้

000

ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 85/2557
เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว

เนื่องจากในปัจจุบันมีสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่งที่ได้ครบวาระหรือว่างลงหรือมีกรณีสิ้นสุดสมาชิกภาพ ซึ่งมีความจำเป็นต้องได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อทำหน้าที่บริหารงานและดูแลจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่โดยที่สถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่อาจจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นได้โดยเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในกรณีที่สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นดำรงตำแหน่งครบวาระหรือพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระ ให้งดการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นไปก่อนจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงโดยในระหว่างนี้ให้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้

สภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดที่มีสมาชิกสภาเหลืออยู่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาทั้งหมด ให้ถือว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาที่เหลืออยู่นั้นเป็นอันสิ้นสุดลงนับแต่วันที่จำนวนสมาชิกสภาเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่ง

ข้อ 2 เพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นตามข้อ 1 ให้ใช้วิธีคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้และความสามารถด้านการบริหารงานท้องถิ่น การคลังท้องถิ่น การศึกษาท้องถิ่น การอนามัยและสาธารณสุข กฎหมาย ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น โยธาธิการ ผังเมือง หรือโครงสร้างพื้นฐาน หรือด้านอื่นตามที่คณะกรรมการสรรหาเห็นสมควร โดยอย่างน้อยสองในสามของจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่นทั้งหมดต้องเป็นข้าราชการหรือเคยเป็นข้าราชการตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษ หรือระดับ 8 หรือเทียบเท่าขึ้นไป ทั้งนี้ให้คำนึงถึงพฤติกรรม คุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และความเป็นกลางทางการเมืองเป็นที่ประจักษ์ ของผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกด้วย

ข้อ 3 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละประเภทประกอบด้วยจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่น ดังต่อไปนี้

(1) องค์การบริหารส่วนตำบลมีสมาชิกสภาจำนวนสิบคน
(2) เทศบาลทุกประเภทมีสมาชิกสภาจำนวนสิบสองคน
(3) องค์การบริหารส่วนจังหวัดแต่ละแห่งมีจำนวนสมาชิกสภากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ

ข้อ 4 สมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์นับถึงวันประกาศแต่งตั้ง
(3) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
(4) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ทั้งนี้ มิให้นำมาตรา 45 (12 ) (13) และ ( 14) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาใช้บังคับ และ
(5) รับราชการในเขตจังหวัดในระดับตำแหน่งตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษ หรือระดับ 8 หรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือ
(6) เคยรับราชการในเขตจังหวัดในระดับตำแหน่งตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษ หรือระดับ 8 หรือเทียบเท่าขึ้นไป และต้องพ้นหรือออกจากราชการแล้ว หรือ
(7) เป็นบุคคลในเขตจังหวัดนั้นและดำรงตำแหน่งประธานหรือหัวหน้าองค์กรภาคเอกชนหรือภาคประชาชนที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีการจดทะเบียนไว้กับส่วนราชการหรือมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการ

ข้อ 5 เมื่อมีกรณีต้องเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่น ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่งทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลตามข้อ 2 ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ อัยการจังหวัดคนหนึ่งซึ่งอัยการสูงสุดมอบหมาย ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) และประธานสภาหอการค้าจังหวัดหรือประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดหรือประธานสภาทนายความประจำจังหวัดซึ่งคัดเลือกกันเองให้เหลือหนึ่งคนเป็นกรรมการ

ให้ท้องถิ่นจังหวัดเป็นเลขานุการคณะกรรมการสรรหา

ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการสรรหาโดยอนุโลม

ในกรณีที่ไม่มีกรรมการสรรหาในตำแหน่งใด ให้กรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่

ให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่มีเหตุให้มีการเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่น ในการนี้ คณะกรรมการสรรหาจะเสนอชื่อตนเองเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นมิได้

ข้อ 6 เมื่อได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นแล้ว ให้ประธานคณะกรรมการสรรหาประกาศแต่งตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นภายในสามวัน และให้ถือว่าผู้ที่ได้รับการประกาศแล้วนั้นเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นนับแต่วันประกาศแต่งตั้ง

ข้อ 7 ในกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดกำหนดให้การมาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นตามประกาศนี้เป็นเหตุให้ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นต้องเสียสิทธิหรือเป็นข้อห้ามหรือเป็นเหตุให้ขาดคุณสมบัติหรือเป็นลักษณะต้องห้าม มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นตามประกาศนี้

เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานและดูแลจัดทำบริการสาธารณะในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น มิให้ถือว่าการเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นของข้าราชการหรือผู้เคยเป็นข้าราชการเป็นการดำเนินกิจการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมหรือเป็นการกระทำอันอาจถูกกล่าวหาได้ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและกฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ข้อ 8 ให้สมาชิกสภาท้องถิ่นที่ได้รับแต่งตั้งตามประกาศนี้ดำรงตำแหน่งว่าจนกว่าจะมีการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นที่ได้รับเลือกตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ในระหว่างนี้มิให้นำบทบัญญัติว่าด้วยวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาท้องถิ่นตามกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับ

ข้อ 9 สมาชิกสภาท้องถิ่นต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นหรือที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นจะกระทำ

ข้อ 10 ภายใต้บังคับข้อ 1 วรรคหนึ่ง ในกรณีที่สมาชิกสภาท้องถิ่นที่ได้รับแต่งตั้งตามประกาศนี้ว่างลง ให้สภาท้องถิ่นประกอบด้วยสมาชิกเท่าที่เหลืออยู่โดยไม่ต้องดำเนินการคัดเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่นแทนตำแหน่งที่ว่าง

ในกรณีที่สมาชิกสภาท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับว่างลง ให้สภาท้องถิ่นประกอบด้วยสมาชิกเท่าที่เหลืออยู่โดยไม่ต้องดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นแทนตำแหน่งที่ว่าง

ข้อ 11 ในกรณีผู้บริหารท้องถิ่นครบวาระหรือว่างลง ให้ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น

ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้การบริหารงานบุคคลเรื่องใดเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่น ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทำหน้าที่ตามวรรคหนึ่งได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด คณะกรรมการพนักงานเทศบาลหรือคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล แล้วแต่กรณีก่อน

ข้อ 12 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามประกาศนี้ และให้มีอำนาจออกกฎ ระเบียบ และข้อบังคับเพื่อปฏิบัติตามประกาศนี้

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

ประกาศ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

000

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 86/2557
เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตเป็นการชั่วคราว

เนื่องจากในปัจจุบันมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตที่ได้ครบวาระหรือว่างลงหรือมีกรณีสิ้นสุดสมาชิกภาพ ซึ่งมีความจำเป็นต้องได้มาซึ่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตเพื่อทำหน้าที่บริหารงานและดูแลจัดทำบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร แต่โดยที่สถานการณ์ในปัจจุบันไม่อาจจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตได้โดยเรียบร้อย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในกรณีที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตดำรงตำแหน่งครบวาระหรือพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระ ให้งดการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครไปก่อนจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยในระหว่างนี้ให้ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้

ข้อ 2 เพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครตามข้อ 1 ให้ใช้วิธีการคัดเลือกบุคคลจำนวนสามสิบคน ประกอบด้วยผู้ที่มีความรู้และความสามารถด้านการบริหารงานท้องถิ่น การคลังท้องถิ่น การศึกษาท้องถิ่น การอนามัยและสาธารณสุข กฎหมาย ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น โยธาธิการ ผังเมือง โครงสร้างพื้นฐาน หรือด้านอื่นตามที่คณะกรรมการสรรหาเห็นสมควร โดยอย่างน่อยสองในสามของจำนวนสมาชิกสภากรุงเทพมหานครต้องเป็นข้าราชการหรือเคยเป็นข้าราชการตั้งแต่ระดับนักบริหารระดับสูง หรือระดับ 10 หรือเทียบเท่าขึ้นไป ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงพฤติกรรม คุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และความเป็นกลางทางการเมืองเป็นที่ประจักษ์ ของผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกด้วย

ข้อ 3 สมาชิกสภากรุงเทพมหานครต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์นับถึงวันประกาศแต่งตั้ง
(3) จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
(4) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ มิให้นำมาตรา 16 (7) (8) และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 มาใช้บังคับ และ
(5) รับราชการในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในระดับตำแหน่งตั้งแต่นักบริหารระดับสูง หรือระดับ 10 หรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือ
(6) เคยรับราชการในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในระดับตำแหน่งตั้งแต่นักบริหารระดับสูง หรือระดับ 10 หรือเทียบเท่าขึ้นไป และต้องพ้นหรือออกจากราชการแล้ว หรือ
(7) เป็นบุคคลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และดำรงตำแหน่งเป็นประธานหรือหัวหน้าองค์กรภาคเอกชนหรือภาคประชาชนที่เรียกชื่ออย่างอื่น ที่มีการจดทะเบียนไว้กับส่วนราชการหรือมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการ

ข้อ 4 เมื่อมีกรณีที่ต้องเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลตามข้อ 2 ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้แทน เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือผู้แทน เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือผู้แทน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผุ้แทน อัยการสูงสุดหรือผู้แทน เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือผู้แทน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือนายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งคัดเลือกกันเองให้เหลือหนึ่งคนเป็นกรรมการ

ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มาใช้บังคับแก่การประชุมกรรมการสรรหาโดยอนุโลม

ในกรณีที่ไม่มีกรรมการสรรหาในตำแหน่งใด ให้กรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่

ให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่มีเหตุให้มีการเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ในการนี้ คณะกรรมการสรรหาจะเสนอชื่อตนเองเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครมิได้

ข้อ 5 เมื่อได้มาซึ่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครแล้ว ให้ประธานคณะกรรมการสรรหาประกาศแต่งตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครภายในสามวัน และให้ถือว่าผู้ที่ได้รับการประกาศแต่งตั้งนั้นเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครนับแต่วันประกาศแต่งตั้ง

ข้อ 6 ในกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดกำหนดให้การมาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครตามประกาศนี้เป็นเหตุให้ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครต้องเสียสิทธิหรือเป็นข้อห้ามหรือเป็นเหตุให้ขาดคุณสมบัติหรือเป็นลักษณะต้องห้าม มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครตามประกาศนี้

เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานและดูแลจัดทำบริการสาธารณะในกรุงเทพมหานคร มิให้ถือว่าการเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครของข้าราชการหรือผู้เคยเป็นข้าราชการเป็นการดำเนินกิจการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมหรือเป็นการกระทำอันอาจถูกกล่าหาได้ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและกฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ข้อ 7 ให้สมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่ได้รับแต่งตั้งตามประกาศนี้ดำรงตำแหน่งจนกว่าจะมีการจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่ได้รับเลือกตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ ในระหว่างนี้มิให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครตามกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับ

ข้อ 8 สมาชิกสภากรุงเทพมหานครต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่กรุงเทพมหานครเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่กรุงเทพมหานครหรือที่กรุงเทพมหานครจะกระทำ

ข้อ 9 ภายใต้บังคับข้อ 1 วรรคหนึ่ง ในกรณีที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่ได้รับแต่งตั้งตามประกาศนี้ว่างลง ให้สมาชิกสภากรุงเทพมหานครประกอบด้วยสมาชิกเท่าที่เหลืออยู่โดยไม่ต้องดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครแทนตำแหน่งที่ว่าง

ข้อ 10 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามประกาศนี้ และให้มีอำนาจออกกฎ ระเบียบ และข้อบังคับเพื่อปฏบัติตามประกาศนี้

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ประกาศ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2557
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net