“ปากคำของตัวแทนนักโทษการเมืองในค่ายทหาร ปากคำของประชาชนธรรมดาใต้อำนาจเผด็จการ”

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

เมื่อความจริงจากผู้ถูกปรับทัศนะคติทางการเมืองถูกเปิดเผย เมื่อความสุขจนบรรยายไม่ได้กลายเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นโดยความป่าเถื่อนของชายชาติทหาร

จากกรณีการออกมาเปิดเผยถึงชีวิตหลังถูกควบคุมตัว 27 วันในค่ายทหารของคุณกริชสุดา คุณะเสน หรือคุณ”เปิ้ล สหายสุดซอย” ผู้ซึ่งถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีการร่ำลือกันอย่างหนักว่าคุณเปิ้ลถูกซ้อม ถูกทรมาน ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือกระทั่งโดนสังหารและทำลายศพไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่มีข่าวคราวดังกล่าวในสื่อกระแสหลักแต่อย่างใด แต่ก็ยังมีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ จนกระทั่งทหารต้องนำตัวคุณเปิ้ลมาแถลงข่าวเพื่อยืนยันว่าคุณเปิ้ลยังมีชีวิตอยู่  และยืนยันว่าต้องการอยู่อย่างสงบ ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และมีความสุขจนไม่รู้จะอธิบายยังไง ทำให้กระแสการตั้งคำถามต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงได้ซาลง จนกระทั่งคุณเปิ้ลถูกปล่อยตัวออกมาในวันที่ 23 มิถุนายน และข่าวคราวเงียบหายไป

จนกระทั่งวันนี้เรื่องของคุณเปิ้ลถูกพูดถึงอีกครั้งหลังมีการปล่อยคลิปสัมภาษณ์คุณเปิ้ลโดยตรงถึงประสบการณ์ในค่ายทหารหลังจากคุณเปิ้ลเดินทางออกจากประเทศไทย และได้ทำเรื่องลี้ภัยในยุโรปแล้ว ซึ่งความจริงหลังได้ออกมาสู่เสรีภาพไกลปากกระบอกปืนของเผด็จการกลับเป็นหนังคนละม้วนกับคำที่คุณเปิ้ลให้สัมภาษณ์ไว้ว่า มีความสุขจนไม่รู้จะอธิบายยังไง แบบหน้ามือเป็นหลังมือ

การทารุณกรรมอย่างหนักหน่วงตั้งแต่วันแรกที่ถูกควบคุมตัว การถูกจองจำในพื้นที่ซึ่งความยุติธรรมไม่สามารถเอื้อมมือไปช่วยเหลือได้ ถูกตัดการติดต่อกับโลกภายนอกระหว่างถูกควบคุมตัวโดยทหาร ทั้งการมัดมือมัดเท้า ปิดตา ซ้อมเพื่อเค้นความจริงที่ทหารต้องการได้ยิน รวมทั้งยัดเยียดให้พูดเรื่องที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติต้องการให้พูดออกมาให้ได้ มีการชกต่อยทุบตีเมื่อพูดไม่ถูกใจ เอาถุงคลุมศีรษะ กระทั่งจับใส่ถุงห่อศพเมื่อไม่แน่ใจว่าเสียชีวิตหรือยัง รวมทั้งทีการอาบน้ำให้ระหว่างปิดตาโดยไม่รู้ว่ารอบๆมีใครอยู่บ้าง เรื่องเหล่านี้ดำเนินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อโลกภายนอกถามถึงมากๆ ก็มีการบังคับให้เขียนจดหมายออกมาสู่สังคมโดยเนื้อหาถูกกำหนดไว้แล้วโดยทหาร รวมทั้งการถูกบังคับโดยทหารที่ถูกเอ่ยชื่อขึ้นมาว่าคือ สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่บอกให้คุณเปิ้ลพูดยังไงก็ได้เพื่อให้ทหารดูดี ไม่ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีภาพลบในสังคม ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถูกเปิดเผยขึ้นมาว่า เป็นการสร้างภาพทั้งสิ้น

เหล่านี้หรือที่เรียกว่ามีความสุขจนไม่รู้จะอธิบายยังไง ซึ่งคุณเปิ้ลยืนยันว่าจำเป็นต้องพูดแบบนี้เพื่อเอาชีวิตรอดออกมาให้ได้ รวมทั้งคำขู่ที่ว่าจะมีการยัดข้อหาครอบครองอาวุธปืนให้กับแฟนของคุณเปิ้ลที่ถูกแยกไปซ้อมอีกสถานที่หนึ่งเช่นกัน ซึ่งรูปแบบการทรมานจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นการทุบตีและโยนลงในน้ำเสียทั้งที่ถูกมัดมือมัดเท้า เป็นต้น เรื่องเหล่านี้บีบให้คุณเปิ้ลซึ่งเป็นประชาชนธรรมดาต้องลี้ภัยออกมาจากประเทศไทยไปยังสถานที่ปลอดภัยจากอำนาจเผด็จการทหารให้ไกลที่สุด รวมทั้งมีการบังคับเอาข้อมูลส่วนตัวในโลกออนไลน์มาเพื่อล้วงความลับของคุณเปิ้ลและหลอกเอาข้อมูลจากเครือข่ายของเพื่อนๆของคุณเปิ้ลเอง การคุกคามทั้งรูปแบบที่มองเห็นและมองไม่เห็นถูกหยิบใช้จากเหยื่อความรุนแรงไปสู่บุคคลอื่นๆ เรื่องนี้ยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับสังคมยิ่งขึ้นเมื่อเราไม่อาจรู้ได้เลยว่า บุคคลที่จะคุยกับเราในโลกออนไลน์ ปัจจุบันเป็นเพื่อนของเราหรือทหารที่แทรกซึมเข้ามาในโลกออนไลน์

และเมื่อเป็นการเปิดความจริงดั่งเทียนเล่มแรกที่จุดกลางความมืดเช่นนี้ คำถามคือผู้ที่ถูกเรียกไปปรับทัศนะคติทางการเมืองจำนวนหลายร้อยคนทั้งที่มีชื่อในหมายเรียก และผู้ที่ถูกจับไปโดยไม่มีการประกาศชื่อ แท้จริงแล้วเมื่อข่าวคราวของเขาออกมาสู่สังคมไทยหลังการปรับทัศนะคติ ทั้งแกนนำการต่อสู้ นักกิจกรรมทางสังคม สื่อมวลชน หรือประชาชนธรรมดาที่ถูกหมายหัวว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติในสายตาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

พวกเขาถูกกระทำอย่างไรบ้างเพื่อจะปิดปากให้สนิท ไม่ให้ความทารุณโหดร้ายของทหารแพร่งพรายออกไปสู่ภายนอก?

กรณีตัวอย่างของคุณเปิ้ลอาจเป็นแค่ส่วนเสี้ยวหนึ่งของความจริงที่เกิดขึ้นหลังการปรับทัศนะคติ ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่คุณเปิ้ลหลุดรอดออกมาได้โดยไม่ถูกทารุณจนถึงแก่ชีวิต และยอมเปิดปากพูดความจริงออกมาสู่สาธารณะ เราจึงได้ทราบเรื่องราวหลังม่านลายพรางดังกล่าว แต่การดำเนินการปรับทัศนะคติและควบคุมตัวผู้ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติในสายตาคสช.ยังคงดำเนินต่อไปทั้งแบบเปิดเผยและปิดลับ

แต่วันนี้เมื่อความจริงถูกเปิดเผยขึ้นมาแล้ว คำถามที่จะต้องถามต่อไปคือ สังคมไทยจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไรต่อไป? ปฏิกิริยาของสังคมโลกต่อประเทศไทยจะเป็นอย่างไร? และที่สำคัญ คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่กำลังเดินหน้าเต็มสูบเพื่อสถาปนาอำนาจตนเองในระยะยาวจะทำอย่างไรต่อไปต่อกระบวนการปรับทัศนะคติ เมื่อธาตุแท้อันโหดเหี้ยมถูกตีแผ่นออกมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเวลานี้ประชาคมโลกกำลังรอคอยคำตอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเฉพาะผู้นำสูงสุดอย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่อย่างแน่นอน

ขึ้นอยู่กับคำตอบจากปากผู้นำสูงสุดที่จะอธิบายกับประชาคมโลกว่าอย่างไร

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท