Skip to main content
sharethis

(แฟ้มภาพ) ญาติผู้ต้องขังมารอเยี่ยมที่ศาลทหารขอนแก่น ในวันยื่นคำร้องฝากขังผลัดหลังๆ

22 ส.ค.57 นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายจากกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) แจ้งว่า เมื่อเวลา 10.00 น. อัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 23 ได้ยื่นฟ้องคดีอาญากลุ่มผู้ต้องหา "ขอนแก่นโมเดล" จำนวน 26 คน ต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 23 จังหวัดขอนแก่น เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ 10 ก./2557 ในฐานความผิด ดังนี้ 

(1)ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง

(2)ร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สินให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อก่อการร้ายหรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่าจะมีผู้ก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้

(3)เป็นซ่องโจร

(4)มีและร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย

(5)มีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

(6)พาอาวุธปืนติตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร

 (7)มีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ได้รับใบอนุญาต

(8)มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

(9)มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

วิญญัติกล่าวว่า อัยการยื่นฟ้องทั้ง 9 ข้อหานี้กับผู้ต้องหาทุกคนซึ่งโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต ขณะนี้ทนายจาก กนส. ได้เตรียมคำร้องขอประกันตัวชั่วคราวและเตรียมหลักทรัพย์คนละไม่น้อยกว่า 400,000 บาทยื่นประกันต่อศาล เบื้องต้นยื่นได้ 7 ราย และจะทราบในวันนี้ว่าศาลทหารจะให้ประกันตัวหรือไม่ นอกจากนี้ในวันนี้ยังไม่มีการนำตัวจำเลยทั้งหมดมาศาลแต่อย่างใด ทั้งที่โดยปกติคดีในศาลอาญาในวันฟ้องจะต้องนำตัวจำเลยมาศาลหรือใช้วิธีเทเลคอนเฟอเรนซ์

ศาลได้นัดพร้อมและสอบคำให้การจำเลย วันที่ 21 ต.ค.57 เวลา 9.00 น. ที่ศาลทหารจังหวัดขอนแก่น


 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาคดีขอนแก่นโมเดลถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 พ.ค.หรือหลังรัฐประหาร 1 วัน ที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ทั้งหมดถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร 7วัน จากนั้นถูกฝากขังจนครบ 7 ผลัดที่เรือนจำขอนแก่นก่อนอัยการทหารจะยื่นฟ้องในวันนี้ ในจำนวนนี้มีผู้หญิง 2 ราย ผู้ต้องหาส่วนใหญ่อายุ 50-60 ปี และอายุสูงสุดคือ 72 ปี หลายรายมีโรคประจำตัวเช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภูมิแพ้ เก๊าต์ ผู้ต้องหามีหลากหลายอาชีพตั้งแต่ผู้อำนวยการโรงเรียน เกษตรกร คนทำเครื่องจักรสาน คนขายไม้กวาด คนขายอาหารอีสาน ช่างเคาะพ่นสีรถยนต์ นักการเมืองท้องถิ่น พ่อค้าขายปลาสด ทำธุรกิจให้เช่าเครื่องเสียง เป็นต้น โดย จ.ส.ต.ประทิน จันทร์เกศ พนักงานรักษาความปลอดภัยของธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาขอนแก่น  ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่1

ตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้ของสื่อมวลชนถึงพฤติการณ์การจับกุมระบุว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้บุกจับกุมผู้ต้องหา 22 รายที่อพาร์ตเม้นต์แห่งหนึ่ง ทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองกลุ่มและแยกห้องประชุมเป็น 2 ห้อง ห้องหนึ่งมีคนประชุมอยู่ 10 คน อีกห้องมีคนนั่งอยู่ 9 คน และการจับกุมยังรวมไปถึงอีกห้องที่มีคนพักอาศัยอยู่ 2 คน การตรวจค้นเบื้องต้นทั้งหมดไม่มีอาวุธสงครามพกติดตัว ส่วนที่เหลืออีก 4 รายมีการทยอยจับกุมในภายหลัง ในคำฟ้องขอฝากขังผลัดที่ 1 ระบุว่าหลังจากตรวจค้นรถพบว่าพบอาวุธในรถบางคัน เช่น ระเบิดขว้าง 3 ลูก ระเบิดควัน 1 ลูก ขวาน 1 เล่ม เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 161 นัด กระสุนปืนขนาด 11 มม.จำนวน 73 นัด อาวุธพกขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 8 นัด ถึงแก๊ส 1 ถัง เสื้อเกราะอ่อน 1 ตัว

"แผนการลงมือขอนแก่นโมเดลนั้น แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ 1.ระดมมวลชนให้มากที่สุด 2. เจรจาปลดอาวุธเจ้าหน้าที่ 3. เจรจาเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร 4. ทำลายสถาบันการเงินและนำเงินมาแจกจ่ายให้ประชาชน (ปฏิบัติการโรบินฮูด) “ทั่วปฐพีหนี้เป็นศูนย์” ซึ่งหากกลุ่มผู้ไม่หวังดีก่อเหตุที่ จ.ขอนแก่น สำเร็จ อาจมีการก่อเหตุที่ภาคเหนือ การที่ทหารจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้ ทำให้แผนการก่อเหตุต่างๆ หยุดชะงัก" พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา

(แฟ้มภาพ) ญาติผู้ต้องขังมารอเยี่ยมที่ศาลทหารขอนแก่น ในวันยื่นคำร้องฝากขังผลัดหลังๆ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net