Skip to main content
sharethis

องค์กรแอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลรวบรวมหลักฐานทั้งภาพถ่ายดาวเทียม คำให้การของทหารและพลเรือนในความขัดแย้งระหว่างกองทัพยูเครนกับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซีย พบว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำการลักพาตัว ทารุณกรรม และสังหารโดยไม่เจาะจงเป้าหมาย ซึ่งถือว่าผิดกฎอาชญากรรมสงคราม


8 ก.ย. 2557 องค์กรแอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลระบุว่ามีหลักฐานบ่งชี้การกระทำที่ถือเป็นอาชญากรรมสงครามจากทั้งกองทัพสนับสนุนรัฐบาลยูเครนและกองกำลังแบ่งแยกดินแดน อีกทั้งยังกล่าวหาว่าทางการรัสเซียเป็นผู้จุดชนวนให้เกิดความขัดแย้ง

แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลบันทึกการสังหารแบบไม่เจาะจงเป้าหมาย การลักพาตัวและการทารุณกรรม ของแต่ละฝ่ายในความขัดแย้งของยูเครน อีกทั้งยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอย่าได้ละเมิดกฎอาชญากรรมสงครามอีก

แถลงการณ์ขององค์กรแอมเนสตี้ถูกเขียนไว้ตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่มีการประกาศตกลงหยุดยิงในวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากที่ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายดำเนินมาเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลังเกิดเหตุยิงอาวุธระเบิดที่เมืองมาริอูโปลและโดเนกส์

ฮีเธอร์ แมคกิล นักวิจัยเรื่องยูเครนจากองค์กรแอมเนสตี้ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวเรดิโอฟรียุโรปว่ากลุ่มคู่ขัดแย้งในยูเครนไม่สนใจชีวิตของพลเรือน แมคกิลได้เข้าไปในพื้นที่ยูเครนเป็นเวลา 2 สัปดาห์เพื่อพูดคุยกับคนที่ต้องหลบหนีออกจากที่อยู่เดิมของตน ขณะที่นักวิจัยคนอื่นสัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในมณฑลรอสตอฟ ประเทศรัสเซียซึ่งอยู่ติดกับยูเครน

แอมเนสตี้อ้างคำพูดผู้เห็นเหตุการณ์ว่ากองกำลังรัฐบาลยูเครนได้ยิงอาวุธหนักเข้าไปในย่านที่มีประชาชนอาศัยอยู่ นอกจากนี้ยังระบุว่ามีกลุ่มกองทหารอาสาสมัครฝ่ายสนับสนุนกองทัพยูเครนได้ลักพาตัวและทุบตีผู้คน ซึ่งทางแอมเนสตี้ได้เรียกร้องให้มีการสืบสวนและนำผู้กระทำความผิดไปรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม

ขณะเดียวกันฝ่ายกองกำลังแบ่งแยกดินแดนสนับสนุนรัสเซียก็กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการลักพาตัว ทารุณกรรม และสังหารผู้คนเช่นกัน

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 ก.ย. องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ได้เรียกร้องให้กองกำลังแบ่งแยกดินแดนหยุดการบังคับใช้พลเรือนเป็นโล่กำบังรับอันตรายในแนวหน้า อีกทั้งยังกล่าวไปในทางเดียวกับแอมเนสตี้ว่าทั้งสองฝ่ายในยูเครนต่างก็ละเมิดกฎอาชญากรรมสงคราม

แม้ว่ารัสเซียจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสู้รบในยูเครน แต่องค์กรแอมเนสตี้ก็เรียกร้องให้รัสเซียหยุดส่งอาวุธและการสนับสนุนให้กับกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนซึ่งถือว่าเป็นการเข้าไปมีส่วนในการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง

องค์กรสิทธิมนุษยชนเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งแสดงให้เห็นยุทโธปกรณ์และปืนใหญ่ของรัสเซียตั้งอยู่ในเขตชายแดนยูเครนเมื่อวันที่ 13-29 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งดูเหมือนเป็นปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ ดี-30 ขนาด 122 มม. ตั้งอยู่ในตำแหน่งพร้อมยิงไปทางทิศตะวันตก ซึ่งแอมเนสตี้เปิดเผยว่าเมื่อพิจารณาหลักฐานนี้ร่วมกับคำให้การของทหารรัสเซียที่ถูกจับตัวอยู่ในยูเครนและคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ที่ระบุถึงการข้ามเขตแดนเข้ามาของอาวุธและทหารรัสเซีย เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าความขัดแย้งในครั้งนี้เป็น "ความขัดแย้งด้านการสู้รบระดับนานาชาติ"

อย่างไรก็ตาม แมคกิลบอกว่าพลเรือนเป็นผู้รับผลกระทบจากการต่อสู้ระหว่างกองกำลัง 2 ฝ่าย คนที่เธอสัมภาษณ์บอกว่าไม่มีฝ่ายใดเลยที่เป็นตัวแทนความคิดของพวกเขาและพวกเขาก็ไม่สามารถเสนอความคิดเห็นอะไรในความขัดแย้งครั้งนี้ได้ แต่บ้านของพวกเขาก็ถูกทำลาย


เรียบเรียงจาก

'Mounting Evidence' Of War Crimes In Ukraine, RFE/RL, 07-09-2014
http://www.rferl.org/content/amnesty-international-war-crimes-/26570643.html
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net