ความไร้ตัวตนของประชาชนใน MOU เหมืองทองเลยภายใต้กฎอัยการศึก

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

 

บทเริ่มต้นของ MOU คือท่าทีแข็งกร้าวของพันเอกสวราชย์ แสงผล รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8 และในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจเขาหลวง ได้กล่าวเอาไว้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 ในการเจรจาครั้งแรกกับประชาชนกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านในท้องที่ตำบลเขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ที่ต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำว่า “พร้อมใช้กฎอัยการศึกเปิดทางเข้าเหมืองเพื่อขนแร่ทองคำ”[1] และแร่พลอยได้อื่นออกมา ในครั้งนั้นถึงกับทำให้ชาวบ้านกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะสะเทือนใจกับพฤติกรรมไม่เป็นมิตรของนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาหน่วยเฉพาะกิจเขาหลวงตั้งแต่การเจอกันครั้งแรก ว่ามาเจรจาช่วยเหลือชาวบ้านจากเหตุการณ์ถูกทำร้ายร่างกายในคืนวันที่ 15 ต่อเนื่องจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 โดยชายฉกรรจ์อำพรางใบหน้า 300 นาย ใช้กำลังประทุษร้ายชาวบ้านเพื่อขนแร่ทองแดงที่มีทองคำและเงินเจือปนออกไปจากเหมืองแร่ หรือมาเจรจาเพื่อขนแร่รอบใหม่ให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด

ไม่กี่วันต่อมา ทหาร คสช. ในพื้นที่จังหวัดเลยได้แต่งตั้งคณะกรรมการ +  3 คณะอนุกรรมการ ขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2557 อันประกอบด้วย คณะกรรมการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง อันเนื่องมาจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ คณะอนุกรรมการรวบรวมปัญหาความต้องการของประชาชน คณะอนุกรรมการประสานความต้องการของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด และคณะอนุกรรมการฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม จนนำมาซึ่งชาวบ้านในนามกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านรอบเหมืองทองคำของบริษัทฯ ทำหนังสือเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ผู้บัญชาการทหารบกจังหวัดเลย พล.ต.วรทัต สุพัฒนนานนท์ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าไม่ยอมรับการแต่งตั้งและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการและอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเหมืองทองคำจังหวัดเลยทั้ง 4 ชุดดังกล่าว เพราะไม่พอใจที่คณะกรรมการและอนุกรรมการทั้ง 4 ชุดดังกล่าว ไม่มีประชาชนเข้าร่วมเป็นกรรมการแม้สักคนเดียว

และเริ่มเห็นเค้าลางว่าทหาร คสช. และข้าราชการในพื้นที่จังหวัดเลยไม่จริงใจที่จะให้คณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด ทำหน้าที่อย่างจริงจัง แต่มีวาระซ่อนเร้นด้วยการเอาคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด มาสร้างความชอบธรรมให้กับการขนแร่รอบใหม่มากกว่า อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลยไล่ชาวบ้านที่ต้องการแสดงความเห็นให้มีการเพิกถอนประทานบัตรของบริษัทฯ ออกจากที่ประชุมรับฟังความเห็นของคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2557 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทหาร คสช. และข้าราชการในพื้นที่จังหวัดเลยไม่ต้องการฟังความเห็นที่ต่างจากแนวทางที่ปักธงเอาไว้แล้ว

ส่วนตัวตนของประชาชนผู้เดือดร้อนจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำนั้น มีเพียงแค่การเชิญด้วยวาจากปากเปล่าผ่านทางโทรศัพท์ประสานงานเชิงบังคับให้เข้าร่วมประชุมในเวทีต่าง ๆ ของคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด ก็เพียงเพื่อเอาประชาชนมาร่วมพิธีกรรมเพื่อสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้กับโครงสร้างของคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด หรือสร้างภาพให้เห็นว่าประชาชนร่วมมือและเห็นด้วยกับการดำเนินงานของคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด  

ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอำนาจอันล้นเกินของทหารและข้าราชการภายใต้กฎอัยการศึกไม่พยายามทำความเข้าใจต่อสถานการณ์และความต้องการของประชาชน 6 หมู่บ้านรอบเหมืองทองคำ ที่พยายามนำเสนอต่อหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลับใช้วิธีบีบบังคับให้ประชาชนต้องยอมรับแนวทางของทหารที่ร่วมมือกับข้าราชการและบริษัทแต่ฝ่ายเดียว ถือว่าไม่ต้องการการมีส่วนร่วมของประชาชนที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง

ความไม่พอใจของชาวบ้านไม่เพียงเฉพาะหนังสือคัดค้านที่ส่งออกไปเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 แต่ยังแสดงออกด้วยการจัดทำประชาคมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2557 ด้วย โดยมีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 491 คน จากทั้ง 6 หมู่บ้าน ร่วมลงชื่อในการทำประชาคมโดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า “ไม่ยอมรับการแต่งตั้งและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเหมืองทองคำจังหวัดเลยทั้ง 4 ชุด ที่แต่งตั้งโดยผู้แทนทหาร คสช. และไม่เอาเหมือง”

แต่ทหาร คสช. และข้าราชการในพื้นที่จังหวัดเลยยังไม่หยุดยั้งความพยายาม นอกจากทำหนังสือเรียกมารายงานตัวและประสานงานทางวาจากับประชาชนกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดในเชิงข่มขู่ว่าการไม่ยอมรับคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด ที่ทหารแต่งตั้งเท่ากับไม่ยอมรับอำนาจรัฐประหารแล้ว ยังสร้างกระบวนการ MOU หรือบันทึกข้อตกลงขึ้นมาเพื่อแก้ไขสถานการณ์การปฏิเสธความร่วมมือของประชาชนกับคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด

 

เปรียบเทียบร่าง MOU ฉบับแรกและฉบับที่สอง

หมายเหตุ: โปรดดูตารางเปรียบเทียบร่าง MOU ฉบับแรกและฉบับที่สองในตารางท้ายบทความนี้ เพื่อประกอบการอ่าน

ร่าง MOU ฉบับแรกเขียนขึ้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่ประชาชนปฏิเสธความร่วมมือกับคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด ตามที่ได้กล่าวมา โดยระบุหลักการว่า “บันทึกนี้จัดทำขึ้นระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยตัวแทนจากราษฎรหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 13 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย กับผู้แทนบริษัท ทุ่งคำ จำกัด และผู้แทนจากส่วนราชการของจังหวัดเลย ตามรายชื่อที่ลงนามในท้ายสัญญานี้ …” แต่ก็ไม่อาจซื้อใจประชาชนได้อีกต่อไป เพราะสิ่งสำคัญของ MOU มันมากกว่าการลงนามของราษฎร กล่าวคือ เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎอยู่ใน MOU ฉบับแรกมีเป้าหมายซ่อนเร้นอยู่ที่การขนแร่ที่เหลืออยู่ในเขตเหมืองแร่เป็นหลัก ส่วนมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบไม่มีหลักประกันใดเลยว่า ทหาร คสช. และส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดเลย และบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ร่วมลงนามจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ อย่างไร หากไม่ดำเนินการแล้วจะบังคับเอาผิดกับใครได้ สถานภาพของ MOU มีผลบังคับใช้หรือผลในทางกฎหมายแค่ไหน อย่างไร 

จึงส่งผลให้ร่าง MOU ฉบับแรกที่นัดประชุมใหญ่ของคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 ถูกประชาชนกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดปฏิเสธเข้าร่วม

ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดเลยแก้ไขสถานการณ์การปฏิเสธความร่วมมือของประชาชนกับคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด ด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางในการดำเนินการต่อข้อร้องเรียนของราษฎร กรณีได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้า ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง ตามคำสั่งจังหวัดเลยที่ 3774/2557 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557 โดยมีประชาชนซึ่งเป็นตัวแทนจากกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดร่วมเป็นกรรมการจำนวน 3 คน โดยให้มีหน้าที่ หนึ่ง พิจารณานำข้อเรียกร้องจากราษฎร ต่อกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้า มาหารือร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎร ตลอดจนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และ สอง สำรวจ รวบรวม ข้อมูล ตามข้อเรียกร้องของราษฎรเพื่อนำมาวิเคราะห์ จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและมาตรการเพื่อให้เกิดแนวทางการดำเนินการเพื่อขจัด ป้องกันและแก้ไขปัญหา อย่างยั่งยืน โดยอาจเสนอให้มีการพิจารณาตั้งคณะทำงานเพื่อมาทำงานเรื่องนี้ได้เป็นการเฉพาะ ซึ่งมีการจัดประชุมคณะกรรมการฯ เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2557 เพื่อกำหนดกรอบการทำงานด้านต่าง ๆ 

แต่ขณะที่คณะกรรมการชุดนี้กำลังเริ่มต้นทำงาน กลับมีการจัดทำประชาคมขึ้นเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2557 โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ร่าง MOU ฉบับที่สองได้ลบราษฎรหรือประชาชนออกไปจากเนื้อหาที่ระบุไว้ในหลักการว่า “บันทึกนี้จัดทำขึ้นระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวงในฐานะตัวแทนจากราษฎรหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 13 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย กับผู้แทนซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 2 และผู้แทนจากส่วนราชการของจังหวัดเลย ตามรายชื่อที่ลงนามในท้ายบันทึกข้อตกลงนี้ …” โดยเพิ่มนายก อบต.เขาหลวงเข้ามาเป็นตัวแทนปลอมของราษฎร และเพิ่มผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 2 เข้ามาเป็นผู้เล่นฝ่ายทหารให้ชัดขึ้น

ดังนั้น การที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลยเชิญประชาชนที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดเข้าร่วมประชุมการจัดทำประชาคมเพื่อรับรอง MOU ฉบับที่สองเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2557 จึงเป็นการสร้างละครตบตาขึ้นมา ก็เพราะว่าร่าง MOU ฉบับที่สองไม่มีตัวตนของประชาชนอยู่ในนั้นตั้งแต่ต้น ผู้ลงนามใน MOU ฉบับที่สองมีเพียงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.เขาหลวง ผู้แทนบริษัทฯ ผู้แทนทหาร และผู้แทนส่วนราชการจังหวัดเลยเท่านั้น ไม่ปรากฎว่ามีประชาชนคนใดต้องร่วมลงนามใน MOU ฉบับที่สองนี้

และประเด็นที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น ก็คือในข้อ 3.1 และ 3.2 ของ MOU ฉบับที่สอง ทหารได้แสดงตัวชัดเจนว่าขอมีส่วนร่วมในการขนแร่รอบใหม่ด้วย ดังรายละเอียดตามเนื้อหาข้อ 3.1 ว่า “ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันจากส่วนราชการ ผู้แทนกองทัพภาคที่ 2 องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของตำบลเขาหลวง และบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เพื่อสำรวจและกำหนดสินแร่ที่จะอนุญาตให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ขนออกนอกพื้นที่” ซึ่งแตกต่างจาก MOU ฉบับแรกที่มีประชาชนร่วมอยู่ในเนื้อหาของข้อ 3.1 ด้วยว่า “ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันจากส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของตำบลเขาหลวง ตัวแทนประชาชนจากทุกหมู่บ้านของตำบลเขาหลวง และบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เพื่อสำรวจและกำหนดสินแร่ที่จะอนุญาตให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ขนออกนอกพื้นที่”

สิ่งที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลยต้องการจึงไม่ได้สนใจว่าร่าง MOU ฉบับที่สองจะมีการลงมติโดยประชาชนในวันจัดทำประชาคมเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2557 หรือไม่ แต่จัดประชุมขึ้นเพียงเพื่อสร้างพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ให้กับโครงสร้างอำนาจของระบบราชการ หรือสร้างภาพให้เห็นว่าประชาชนร่วมมือและเห็นด้วยกับการดำเนินงานของระบบราชการโดยผ่านคณะกรรมการและอนุกรรมการ 4 ชุด + คณะกรรมการอีกหนึ่งชุดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยแต่งตั้งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การจัดทำประชาคมเพื่อรับรองร่าง MOU ฉบับที่สองก็ล้มเหลว เพราะมีประชาชนเข้าร่วมประมาณสิบคนเท่านั้น

 

ตัวตนของประชาชน ?

นอกจากโครงสร้างอำนาจของระบบราชการที่กดหัวประชาชนเสมอมา ไม่ต้องการนั่งร่วมกับประชาชนในชุมชนท้องถิ่นที่มีความรู้ด้านเทคนิควิชาการน้อย โดยเหยียดหยามข้อเสนอต่าง ๆ ของประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำเป็นสิ่งเลื่อนลอย หรือใช้ความรู้สึกและอารมณ์เป็นหลัก ไม่ได้เป็นข้อเสนอที่มาจากภูมิปัญญาของนักเทคนิควิชาการใด ๆ  อันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กระบวนการร่าง MOU เห็นประชาชนเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบหรือเบี้ยของโครงสร้างอำนาจของระบบราชการที่มีอำนาจเหนือหัวแล้ว อีกสองเหตุผลยิ่งทำให้ตัวตนของประชาชนที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำยิ่งไร้ค่ามากยิ่งขึ้น คือ

หนึ่ง การที่รัฐไทยถูกผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทแม่ของทุ่งคำฟ้องตามกลไก ISDS[2] ซึ่งเป็นกลไกระหว่างประเทศในการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน ว่าถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กลั่นแกล้งจากการแขวนหุ้นของทุ่งคาฯ ไม่ให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นปีที่สามติดต่อกันนั้น โดยสภาพหรือโดยพฤตินัย หรืออาจจะโดยนิตินัยด้วยก็ได้ ทำให้รัฐไทยตีตัวออกห่างจากประชาชนตนเองมากยิ่งขึ้น เพื่อเอาใจนักลงทุนเอกชน    

การฟ้องตามกลไก ISDS นี้ รัฐไทยถูกบีบให้สู้คดีหรือให้พิสูจน์เจตนาตัวเองเพียงแค่ว่ารัฐได้ออกมาตรการ นโยบาย หรือกฎ ระเบียบ กฎหมายใดที่ขัดขวางสร้างอุปสรรคต่อการลงทุนของภาคเอกชนหรือไม่ อย่างไร ดังนั้น รัฐจึงไม่สามารถแสดงความใกล้ชิดประชาชนของตนด้วยการสนับสนุนให้พิสูจน์หาสาเหตุการปนเปื้อนของสารพิษ หรือเรียกร้องความรับผิดชอบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำได้อย่างเต็มกำลัง เพราะ เป็นพฤติการณ์ที่ขัดใจนักลงทุนเอกชน ที่ทำได้ก็เพียงแค่ตรวจวัดว่าสารพิษและโลหะหนักต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายและสภาพแวดล้อมไม่เกินค่ามาตรฐานเท่านั้น

สอง สัญญาให้สิทธิสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ แปลงที่สี่ พื้นที่น้ำคิว-ภูขุมทอง ที่รัฐไทยทำไว้กับบริษัททุ่งคาฯ และทุ่งคำ นั้น มีเจตนารมณ์ในตัวอักษรให้เอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนเอกชนอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ได้สัมปทานสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอุปสรรคปัญหาใด ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากประชาชนในรัฐของตนเอง

 

หลัง MOU ?

หลังจากการประชุมเพื่อจัดทำประชาคมรองรับร่าง MOU ฉบับที่สองเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2557 ล้มเหลว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลยประกาศยกเลิกกระบวนการ MOU ทั้งหมด โดยจะนำเนื้อหาซึ่งเป็นมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำในร่าง MOU ฉบับที่สองมาเป็นแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการจังหวัดเลย นั่นก็หมายความว่ากำลังจะมีการขนแร่รอบใหม่ในเร็ววันนี้โดยมีทหาร คสช. ในพื้นที่จังหวัดเลยคุ้มกันการขนแร่รอบใหม่นี้

การขนแร่ครั้งก่อนเมื่อคืนวันที่ 15 ต่อเนื่องจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 โดยใช้กองกำลังอำพรางใบหน้าประมาณ 300 คน เข้าทุบตีทำร้ายร่างกายชาวบ้านด้วยมีด ไม้ และอาวุธปืน เป็นผลงานของแก๊งทหารผลประโยชน์กลุ่มหนึ่ง ส่วนการขนแร่รอบใหม่ที่จะมีขึ้นหลัง MOU จะทำให้ทหาร คสช. ในพื้นที่จังหวัดเลยกลายเป็นแก๊งทหารผลประโยชน์อีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาแย่งงานแก๊งทหารผลประโยชน์กลุ่มแรกหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน.

 

ร่าง MOU ฉบับแรก

(4 กันยายน 2557)

ร่าง บันทึกข้อตกลงเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

ร่าง MOU ฉบับที่สอง

(27 กันยายน 2557)

ร่าง บันทึกข้อตกลงเพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือประชาชนและป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ ตามข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

 เนื่องจากมีกรณีสงสัยว่าการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ว่าอาจจะเป็นอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือทรัพย์สินในพื้นที่ของหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 13 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ประกอบกับได้มีการยื่นฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่อศาลปกครองกลาง ตามคดีหมายเลขดำ ที่ ส.1544/2556 จึงได้มีข้อยุติร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้หยุดการประกอบการทำเหมืองของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เป็นการชั่วคราว และในระหว่างที่หยุดการประกอบการชั่วคราวนี้ ควรจะได้มีการกำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการตามมาตรการที่เป็นรูปธรรมในลักษณะบันทึกข้อตกลงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นสัญญาประชาคมร่วมกันที่จะปกป้อง และแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ

 เนื่องจากมีเหตุร้องเรียนว่าการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้สร้างปัญหาผลกระทบที่ทำให้เป็นอันตรายแก่สุขภาพอนามัยของประชาชน วิถีการดำรงชีวิต ตลอดจนฐานทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญในพื้นที่ของหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 13 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ประกอบกับได้มีการยื่นฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่อศาลปกครองกลาง ตามคดีหมายเลขดำ ที่ ส.1544/2556 จึงได้มีข้อยุติร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้หยุดการประกอบการทำเหมืองของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เป็นการชั่วคราว และในระหว่างที่หยุดการประกอบการชั่วคราวนี้ ควรจะได้มีการกำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการตามมาตรการที่เป็นรูปธรรมในลักษณะบันทึกข้อตกลงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือประชาชน และป้องกัน และแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ

 บันทึกนี้จัดทำขึ้นระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยตัวแทนจากราษฎรหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 13 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย กับผู้แทนบริษัท ทุ่งคำ จำกัด และผู้แทนจากส่วนราชการของจังหวัดเลย ตามรายชื่อที่ลงนามในท้ายสัญญานี้ ทั้งนี้ เพื่อให้มีข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดมาตรการและการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนด สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำในพื้นที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ในระหว่างที่มีการหยุดการประกอบการ ทำเหมืองชั่วคราว โดยข้อตกลงนี้ประกอบด้วย

 บันทึกนี้จัดทำขึ้นระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวงในฐานะตัวแทนจากราษฎรหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 13 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย กับผู้แทนซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 2 และผู้แทนจากส่วนราชการของจังหวัดเลย ตามรายชื่อที่ลงนามในท้ายบันทึกข้อตกลงนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้มีข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดมาตรการและการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนด สำหรับการเร่งรัดการช่วยเหลือประชาชนและป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำตามข้อร้องเรียนของประชาชน ในพื้นที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย โดยข้อตกลงนี้ประกอบด้วย

 1. ในระหว่างที่มีการหยุดการประกอบการทำเหมืองชั่วคราว จะมีมาตรการและการดำเนินการ เพื่อมิให้มีการประกอบการทำเหมือง ดังนี้

 1. ในระหว่างที่มีการหยุดการประกอบการทำเหมืองชั่วคราว จะมีมาตรการและการดำเนินการ เพื่อมิให้มีการประกอบการทำเหมือง ดังนี้

 1.1 บริษัท ทุ่งคำ จำกัด จะไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อเครื่องจักรที่ใช้ในการทำเหมืองในทุก ๆ กระบวนการของการผลิต ยกเว้นการดำเนินนั้นเป็นไปเพื่อการเข้าไปบำรุงรักษาเพื่อมิให้เครื่องจักรเกิดความชำรุดเสียหาย โดยในกรณีนี้บริษัทฯ จะต้องทำการขออนุญาตต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเลยก่อน และเมื่อได้รับอนุญาตจะต้องมีการกำกับดูแลโดยผู้แทนของส่วนราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง และกำนันตำบลเขาหลวง รวมทั้งต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรในพื้นที่ตำบลเขาหลวงทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ก่อนวันที่จะเข้าดำเนินการ

 1.1 บริษัท ทุ่งคำ จำกัด จะไม่ดำเนินการใด ๆ ต่อเครื่องจักรที่ใช้ในการทำเหมืองในทุก ๆ กระบวนการของการผลิต ยกเว้นการดำเนินนั้นเป็นไปเพื่อการเข้าไปบำรุงรักษาเพื่อมิให้เครื่องจักรเกิดความชำรุดเสียหาย โดยบริษัทฯ จะจัดทำแผนการบำรุงรักษาเครื่องจักร เสนอขออนุญาตต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเลยล่วงหน้า และในการจะเข้าบำรุงรักษา จะต้องมีการกำกับดูแลโดยผู้แทนของส่วนราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนันตำบลเขาหลวง ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน รวมทั้งต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรในพื้นที่ตำบลเขาหลวงทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ก่อนวันที่จะเข้าดำเนินการ

 1.2 บริษัท ทุ่งคำ จำกัด จะต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อควบคุมบ่อกักเก็บกากแร่ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำหนด โดยการดำเนินการให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกันข้อ 1.1

 1.2 บริษัท ทุ่งคำ จำกัด จะต้องจัดทำแผนการบำรุงรักษาบ่อเก็บกากแร่ และจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับตัวแทนราษฎรที่ได้รับการคัดเลือกจากกำนันและผู้ใหญ่บ้านของตำบลเขาหลวง จำนวน 2 คน เพื่อให้เข้าไปปฏิบัติงานประจำทุกวันในการตรวจสอบและควบคุมบ่อกักเก็บกากแร่ ตลอดจนพื้นส่วนอื่น ๆ ที่อาจสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำหนด

 1.3 บริษัท ทุ่งคำ จำกัด จะไม่ดำเนินการใด ๆ ในลักษณะที่จะเป็นการขออนุมัติ หรือขออนุญาต เพื่อประกอบการทำเหมือง ต่อส่วนราชการและองค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวงที่มีอำนาจอนุมัติ อนุญาต ยกเว้นเฉพาะกรณีการขออนุมัติ อนุญาตในส่วนที่มีการระบุให้ดำเนินการได้ในสัญญานี้เท่านั้น

 1.3 ภายในระยะเวลา 9 เดือน นับจากวันที่ทุกฝ่ายลงนามในบันทึกข้อตกลงนี้ และศาลปกครองกลางยังไม่มีคำพิพากษา บริษัท ทุ่งคำ จำกัด จะต้องไม่ดำเนินการใด ๆ ในลักษณะที่จะเป็นการขออนุมัติ หรือขออนุญาต เพื่อประกอบการทำเหมืองเดิม หรือขอประทานบัตรแปลงใหม่ ในพื้นที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ต่อทุกหน่วยงานที่มีอำนาจอนุมัติ อนุญาต และหลังจากครบกำหนดดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ สามารถร้องขอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ให้จัดทำประชาคมประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของหมู่บ้าน หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 13 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เพื่อขอทราบความเห็นที่จะไปประกอบการที่บริษัทฯ จะเริ่มขออนุมัติ ขออนุญาต ประกอบการทำเหมืองอีกครั้งหนึ่งได้ โดยส่วนราชการของจังหวัดจะนำผลการประชาคมไปพิจารณาประกอบการอนุมัติหรืออนุญาตต่อไป

 อนึ่ง หากมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดกลุ่มบุคคลหนึ่งดำเนินการในลักษณะที่จะขัดขวางไม่ให้เกิดการทำประชาคมในหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง หรือจะมีผลทำให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมการประชาคมนั้น ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้โดยบริสุทธิ์ใจ ให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเลยในการกำหนดแนวทางเข้าไปดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหานี้

 2. ในระหว่างที่มีการหยุดการประกอบการทำเหมืองชั่วคราว จะมีมาตรการและการดำเนินการเพื่อการป้องกันปัญหาและฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำเหมืองทองคำ ดังนี้

 2. ในระหว่างที่มีการหยุดการประกอบการทำเหมืองชั่วคราว จะมีมาตรการและการดำเนินการเพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือประชาชน และป้องกันและแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชน ดังนี้

 2.1 ให้ (ระบุหน่วยงาน) ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เข้าทำการคัดกรองผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงที่คาดว่าอาจเป็นผลจากการทำเหมืองแร่ทองคำ เพื่อนำมาตรวจร่างกายและดำเนินการรักษา หรือดำเนินการอื่นใดเพื่อควบคุมและลดความเสี่ยงดังกล่าว

 2.1 ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้าทำการคัดกรองผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพ ที่อาจเป็นผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ เพื่อนำมาตรวจร่างกายและดำเนินการรักษา หรือดำเนินการอื่นใด เพื่อควบคุมและลดความเสี่ยงดังกล่าว

 2.2 ให้ (ระบุหน่วยงาน) โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เข้าสำรวจและจัดทำรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำและความเสียหายอื่น ๆ บริเวณเหมืองทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง ที่ครอบคลุมและเป็นไปตามมาตรฐานหลักวิชาการบนพื้นฐานการให้ความสำคัญต่อผลกระทบที่จะมี คุณภาพชีวิตและวิถีการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก และจะต้องมีข้อเสนอแนะในเชิงมาตรการและวิธีการดำเนินการที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน............วัน นับแต่วันที่ทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้

 2.2 ให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเลยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการมีส่วนร่วมของตัวแทนประชาชนในพื้นที่ เข้าสำรวจ และจัดทำรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำและความเสียหายอื่น ๆ บริเวณเหมืองทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง ที่ครอบคลุมและเป็นไปตามมาตรฐานหลักวิชาการบนพื้นฐานการให้ความสำคัญต่อผลกระทบที่จะมีคุณภาพชีวิตและวิถีการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก และจะต้องมีข้อเสนอแนะในเชิงมาตรการ และวิธีการดำเนินการที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้

 2.3 ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของตำบลเขาหลวง และตัวแทนประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันนำรายงานและข้อเสนอแนะตามข้อ 2.1 มาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำภายใน...............วัน หลังจากได้รับรายงานผลตามข้อ 2.2 และแผนปฏิบัติการนี้จะต้องผ่านกระบวนการรับฟังความเห็น และได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในพื้นที่ก่อน จึงจะนำมาใช้ได้

 2.3 ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของตำบลเขาหลวง และตัวแทนประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันนำรายงานและข้อเสนอแนะตามข้อ 2.2 มาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำภายใน 30 วัน หลังจากได้รับรายงานผลตามข้อ 2.2 และแผนปฏิบัติการนี้จะต้องผ่านกระบวนการรับฟังความเห็น และได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในพื้นที่ก่อน จึงจะนำมาใช้ได้

 2.4 ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการตามข้อ 2.1 และ 2.3 นอกเหนือจากการดำเนินการ โดยระบบงบประมาณปกติของส่วนราชการ และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวงแล้ว จะต้องมีการจัดตั้ง “กองทุนเฉพาะกิจเพื่อฟื้นฟูเยียวยาชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย” เพื่อเร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ โดยแหล่งที่มาของเงินที่จะจัดตั้งกองทุนฯ นี้ ให้มาจากเงินที่เกิดจากการอนุญาตให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ขนแร่ที่มีอยู่เดิมก่อนปิดการทำเหมืองชั่วคราวออกจากพื้นที่ ดังนี้

 (1) เงินค่าภาคหลวงที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง จะได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลจากสินแร่ดังกล่าว

 (2) เงินสมทบเพิ่มเติมจากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่ได้จากสินแร่ดังกล่าว จำนวน……………………..บาท

 (3) เงินจากแหล่งอื่นที่สามารถนำมาใช้เป็นกองทุนได้ (ถ้ามี)

 

 ทั้งนี้ การจัดตั้งและการบริหารจัดการเงินกองทุนนี้ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของระเบียบ กฎหมาย ที่มีอยู่ และการปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของตำบลเขาหลวง ตัวแทนประชาชนจากทุกหมู่บ้านของตำบลเขาหลวง อีกครั้งหนึ่งภายใน.............วัน หลังจากมีการทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้

 2.4 ในการดำเนินการตาม ข้อ 2.1 และแผนปฏิบัติการตามข้อ 2.3 นอกเหนือจากการดำเนินการ โดยระบบงบประมาณปกติของทางราชการแล้ว จะต้องมีการจัดตั้ง “ระบบงบประมาณเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูเยียวยาชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย” เพื่อเร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ โดยแหล่งที่มาของเงินที่จะจัดตั้งระบบงบประมาณเร่งด่วนนี้ ให้มาจากเงินที่เกิดจากการอนุญาตให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ขนแร่ที่มีอยู่เดิมก่อนปิดการทำเหมืองชั่วคราวออกจากพื้นที่ ดังนี้

 (1) เงินค่าภาคหลวงที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง จะได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลจากสินแร่ดังกล่าว

 (2) เงินสมทบเพิ่มเติมโดยความสมัครใจและไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น จากบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ที่ได้จากสินแร่ดังกล่าว เพื่อแสดงความร่วมมือในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาจำนวน 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน)

 (3) เงินสมทบจากแหล่งอื่น (ถ้ามี)

 

 ทั้งนี้ การจัดตั้งและการบริหารจัดการระบบงบประมาณเร่งด่วนนี้ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของระเบียบ กฎหมาย ที่มีอยู่ และการปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของทุกหมู่บ้านตำบลเขาหลวง อีกครั้งหนึ่งภายใน 15 วัน หลังจากมีการทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้

 

 2.5 ให้ (ระบุหน่วยงาน) นำข้อมูลจากรายงานตามข้อ 2.2 มาใช้เป็นฐานข้อมูลเพื่อติดตามตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการทุกระยะ 3 เดือน พร้อมทั้งให้นำเสนอให้ประชาชนทราบด้วย

 2.5 ให้อุตสาหกรรมจังหวัดเลยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลจากรายงานตามข้อ 2.2 มาใช้เป็นฐานข้อมูลเพื่อติดตามตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงและประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการทุกระยะ 3 เดือน พร้อมทั้งให้นำเสนอให้ประชาชนทราบด้วย

 

 2.6 ให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด สามารถเสนอสิ่งที่บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบจากการทำเหมืองต่อผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่จะเข้าดำเนินการ และหากได้รับความยินยอมก็สามารถเข้าดำเนินการได้

 3. ในระหว่างที่มีการหยุดการประกอบการทำเหมืองชั่วคราว จะมีมาตรการและการดำเนินการเพื่อประกอบการอนุญาตให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ขนแร่ที่มีอยู่เดิมก่อนหยุดการทำเหมืองชั่วคราวออกจากพื้นที่ ดังนี้

 3. ในระหว่างที่มีการหยุดการประกอบการทำเหมืองชั่วคราว จะมีมาตรการและการดำเนินการเพื่อประกอบการอนุญาตให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ขนแร่ที่มีอยู่เดิมก่อนหยุดการทำเหมืองชั่วคราวออกจากพื้นที่ ดังนี้

 3.1 ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันจากส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของตำบลเขาหลวง ตัวแทนประชาชนจากทุกหมู่บ้านของตำบลเขาหลวง และบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เพื่อสำรวจและกำหนดสินแร่ที่จะอนุญาตให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ขนออกนอกพื้นที่

 3.1 ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันจากส่วนราชการ ผู้แทนกองทัพภาคที่ 2 องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหลวง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของตำบลเขาหลวง และบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เพื่อสำรวจและกำหนดสินแร่ที่จะอนุญาตให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ขนออกนอกพื้นที่

 3.2 การขนแร่ออกจากพื้นที่ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด จะต้องดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย ที่กำหนดในทุกเรื่องอย่างเคร่งครัด และทำการขนย้ายเฉพาะภายในเวลากลางวันเท่านั้น รวมทั้งก่อนทำการขนย้ายจะต้องแจ้งให้คณะกรรมการตามข้อ 3.1 ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า...........วัน เพื่อร่วมกันตรวจสอบ

 3.2 การขนแร่ออกจากพื้นที่ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด จะต้องดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย ที่กำหนดในทุกเรื่องอย่างเคร่งครัด และทำการขนย้ายเฉพาะภายในเวลากลางวันเท่านั้น รวมทั้งก่อนทำการขนย้ายจะต้องแจ้งให้คณะกรรมการตามข้อ 3.1 ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ก่อนการยื่นขออนุญาตต่อสำนักงาานอุตสาหกรรมจังหวัดเลย เพื่อร่วมกันตรวจสอบและกำกับดูแล

 3.3 การขนแร่ออจากพื้นที่ จะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้ข้อยุติเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเฉพาะกิจฯ ตามข้อ 2.4 เรียบร้อยแล้ว

 3.3 การขนแร่ออจากพื้นที่ จะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้ข้อยุติเกี่ยวกับการจัดตั้งระบบงบประมาณเร่งด่วนฯ ตามข้อ 2.4 เรียบร้อยแล้ว

 4. กรณีราษฎรที่ถูกบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลจังหวัดเลย ทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญา ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาทุกคดี จะต้องจัดให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างราษฎรที่ถูกฟ้องคดีกับบริษัท ทุ่งคำ จำกัด

 4. กรณีราษฎรที่ถูกบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลจังหวัดเลย ทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญา ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เชิญคู่กรณีมาเจรจาหารือกันเพื่อตกลงไกล่เกลี่ยประนีประนอม

 5. การดำเนินการอื่นใดที่อาจจะมีผลเป็นข้อผูกพันตามกฎหมายต่อการประกอบกิจการเหมืองทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ในด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ รวมทั้งข้อเรียกร้องอื่น ๆ ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในช่วงที่ยังเป็นเพียงการหยุดการประกอบการทำเหมืองชั่วคราว ให้รอผลคำพิพากษาศาลปกครอง ตามคดีหมายเลขดำ ที่ ส.1544/2556

 5. การดำเนินการอื่นใดที่อาจจะมีผลเป็นข้อผูกพันตามกฎหมายต่อการประกอบกิจการเหมืองทองคำ ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ในด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ รวมทั้งข้อเรียกร้องอื่น ๆ ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในช่วงที่ยังเป็นเพียงการหยุดการประกอบการทำเหมืองชั่วคราว ให้รอผลคำพิพากษาศาลปกครอง ตามคดีหมายเลขดำ ที่ ส.1544/2556 แล้วจึงนำมาพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง

 

 6. บันทึกข้อตกลงนี้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อกำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการเพื่อเร่งรัดการช่วยเหลือประชาชน และป้องกันและแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนในระหว่างที่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุและผู้ที่ทำให้เกิดปัญหา ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะไม่นำข้อความและเนื้อหาตามบันทึกนี้ไปใช้ในทางกฎหมาย เพื่อกล่าวหาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือปฏิเสธความรับผิดชอบในทางกฎหมายที่ฝ่ายตนอาจจะต้องรับผิดชอบในภายหลัง

 

 



[1]
                        [1] เผยแพร่ทางออนไลน์ที่ ...เลยไทม์ออนไลน์ สืบค้นข้อมูลได้ที่ https://www.facebook.com/loeitimetoday/photos/a.140889282724565.47443.134862343327259/485791161567707/?type=1 คัดลอกเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557ตัวหนังสือที่ปรากฎอยู่ในวงเล็บว่า “พร้อมใช้กฎอัยการศึกเปิดทางเข้าเหมืองเพื่อขนแร่ทองคำ” ผู้เขียนได้หยิบยกถ้อยคำดังกล่าวที่ปรากฏอยู่ใน น.ส.พ.เลยไทม์ออนไลน์ มาใส่ในวงเล็บด้วยตนเอง

[2]
                        [2] การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน (Investor - State Dispute Settlement – ISDS) เป็นกลไกภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (Bilateral Investment Treaties – BITs) หรือความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreements – FTAs) กับรัฐบาลของประเทศที่ตนเข้าไปลงทุน เช่น หากรัฐภาคีละเมิดพันธกรณีตามที่กำหนดในความตกลงฯ และส่งผลให้การลงทุนของนักลงทุนได้รับความเสียหายอย่างแท้จริง นักลงทุนก็จะมีสิทธิใช้กลไก ISDS ในการระงับข้อพิพาท ซึ่งได้แก่ กระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolutions - ADR) และกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (International Arbitration) ภายใต้องค์กรและกฎระเบียบและวิธีดำเนินการที่กำหนดในความตกลงฯ เช่น UNCITRAL Arbitration Rules ของสหประชาชาติ หรือ ICSID Additional Facility ของธนาคารโลกในส่วนของกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolutions – ADR) คือการระงับข้อพิพาทนอกศาลโดsยอาจใช้วิธีการเจรจาและการหารือ (Consultation and Negotiation) การไกล่เกลี่ย (Mediation) และการประนีประนอมยอมความ (Conciliation) เช่น การระบุให้มีบุคคลที่สามเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยและระงับข้อพิพาทโดยใช้วิธีการเชิงปฏิบัติการที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมากกว่าการใช้ข้อบทกฎหมาย การใช้วิธีการระงับข้อพิพาทนอกศาลเป็นแนวทางใหม่ในการบังคับใช้พันธกรณีการคุ้มครองการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการระงับข้อพิพาท และทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลไกที่นักลงทุนและรัฐผู้รับการลงทุนชะลอการใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้

                ข้อความในเชิงอรรคนี้คัดลอกจากแผ่นพับเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ‘การคุ้มครองการลงทุนและการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน’ จัดทำโดยกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ. 5/28/14 สืบค้นข้อมูลออนไลน์ได้ที่ http://www.mfa.go.th/business/contents/files/customize-20140602-100942-243117.pdf   คัดลอกเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท