45 องค์กรสิทธิ-แรงงาน เรียกร้องยุติโครงการนำผู้ต้องขังทำงานภาคประมง

45 องค์กรด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน ทำจดหมายถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องให้ยุติโครงการนำร่องให้ผู้ต้องขังจากเรือนจำมาทำงานในภาคอุตสาหกรรมประมงเพื่อชดเชยการขาดแคลนแรงงาน

15 ม.ค. 2558 วานนี้ 45 องค์กรด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน ทำจดหมายถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อขอร้องให้ยุติโครงการนำร่องที่จะนำผู้ต้องขังจากเรือนจำมาทำงานในภาคอุตสาหกรรมประมงเพื่อชดเชยการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานจากหลายๆ แห่งระบุถึงการละเมิดสิทธิแรงงานบนเรือประมงของไทย ไม่ว่าจะเป็น แรงงานบังคับ, การใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย, การให้ค่าจ้างต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด, และการลักลอบค้ามนุษย์

จูดี้ เกียร์ฮาร์ท ผู้อำนวยการบริหารของ International Labor Rights Forum ระบุว่า ประเทศไทยไม่อาจปฏิเสธปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์เพื่อมาใช้แรงงานบนเรือประมง และการส่งผู้ต้องขังไปยังทะเลไม่อาจจะแก้ไขปัญหาแรงงานที่เกิดขึ้นอย่างยาวนานต่อเนื่องและลุกลามไปทั่วอุตสาหกรรมประมงของไทย ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลไทยจะต้องยอมรับว่าการปฏิบัติของตนต่อแรงงานข้ามชาติที่ผ่านมาเป็นสาเหตุหลักแห่งปัญหา และต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อสร้างสภาพการทำงานที่ยุติธรรมและมีเกียรติ์ศักดิ์ศรีแก่แรงงานทุกคนที่ทำงานในประเทศไทย

องค์กรเหล่านี้ชี้ว่าปัญหาการละเมิดสิทธิเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานบนเรือประมง และโครงการที่จะนำผู้ต้องขังมาทำงานไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา

พวกเขายังแสดงความกังวลว่า นอกเหนือจากแรงงานข้ามชาติจากพม่าและกัมพูชาที่เป็นแรงงานหลักในภาคอุตสาหกรรมประมงและมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกละเมิดสิทธิแล้ว โครงการนี้ยังจะทำให้มีการใช้แรงงานจากผู้คุมขังซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดไม่น้อยไปกว่าแรงงานข้ามชาติ โดยแรงงานข้ามชาติในไทยส่วนมากเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะรายงานการถูกละเมิดสิทธิบนเรือประมงแก่เจ้าหน้าที่ของไทย

องค์กรเหล่านี้ยังชี้ให้เห็นว่า โครงการนี้อาจจะก่อให้เกิดผลเสียทางการเมืองและเศรษฐกิจแก่ประเทศไทย เนื่องจากบริษัทผู้ค้าและผู้ซื้อในประเทศตะวันตกได้มีความกังวลว่าผลผลิตอาหารทะเลของไทยมีการผลิตจากแหล่งผลิตที่ใช้แรงงานบังคับและมีการละเมิดสิทธิแรงงานอื่นๆ องค์กรเหล่านี้ยังได้เตือนว่าการนำผู้ต้องขังมาใช้แรงงานอาจจะเพิ่มความกังวลให้กับบริษัทผู้ค้าและผู้ซื้อ ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้นต่อการซื้อสินค้าที่มาจากประเทศไทย

มาร์ก เซิร์นแซก ผู้อำนวยการ Justice & International Mission at the Uniting Church in Australia Synod of Victoria and Tasmania กล่าวว่า บริษัทผู้ค้าที่เราทำงานด้วยในออสเตรเลียมีความอ่อนไหวสูงต่อความเสี่ยงที่จะมีการใช้แรงงานบังคับอยู่กระบวนการผลิต เราทำงานกับผู้ค้าเหล่านี้ รวมทั้งผู้ผลิตสินค้าจากประเทศไทย เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและเพื่อยืนยันว่าสภาพการจ้างงานบนเรือประมงไทยมีความยุติธรรม เรามีความกังวลอย่างยิ่งว่าโครงการใช้แรงงานผู้ต้องขังจะเพิ่มความลำบากให้กับบริษัทผู้ค้าที่เราทำงานด้วยในการตรวจสอบยืนยันว่าไม่มีการใช้แรงงานบังคับในกระบวนการผลิต

จดหมายนี้ยังได้ระบุว่าโครงการใช้แรงงานผู้ต้องขังอาจจะส่งผลให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นำมาใช้พิจารณาว่ารัฐบาลไทยไม่มีความพยายามหรือไม่มีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาความเสี่ยงการลักลอบค้ามนุษย์เพื่อนำมาใช้เป็นแรงงานบนเรือประมง ประเทศได้ถูกลดอันดับมายัง เทียร์ 3 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (Trafficking in Persons Report–TIP Report) ประจำปี 2014  ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำสุด โดยการละเมิดสิทธิในภาคอุตสาหกรรมประมงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ไทยถูกลดอันดับ

ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการ Human Rights Watch Asia กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการหยุดการใช้แรงงานบังคับและการค้ามนุษย์ แต่โครงการนำร่องนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ตรงกันข้ามและมีแต่จะทำให้ปัญหาเลวร้ายกว่าเดิม

“โครงการนำนักโทษมาทำงานบนเรือประมงควรถูกยกเลิกโดยทันที” รองผู้อำนวยการ Human Rights Watch Asia กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท