Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) เผยโปรโมชั่นมือถือ AIS DTAC และ TRUE MOVE คิดค่าโทรเป็นวินาทีแพงขึ้น แต่สิทธิประโยชน์ลดลง ไม่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค จี้ กสทช.ออกประกาศยุติการปัดเศษทุกโปรโมชั่น

25 ก.พ. 2558 ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) จัดงานแถลงข่าว “หยุดหลอกลวงผู้บริโภค” เผยโปรโมชั่นมือถือ AIS DTAC และ TRUE MOVE คิดค่าโทรเป็นวินาทีแพงขึ้น แต่สิทธิประโยชน์ลดลง ไม่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค

รุจน์ โกมลบุตร ประธานอนุกรรมการฯ ด้านสื่อสารและโทรคมนาคม กล่าวว่า กรณีผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ทั้ง AIS DTAC และ TRUE MOVE ได้นำเสนอรายการส่งเสริมการขายที่คิดค่าโทรเป็นวินาทีออกมาเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคนั้น คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าโปรโมชั่นในลักษณะดังกล่าว มีอัตราค่าบริการที่ไม่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค เนื่องจากต้องจ่ายในราคาค่าบริการแพงขึ้น แต่สิทธิประโยชน์ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับแพคเกจเดิมที่ไม่คิดค่าโทรเป็นวินาที และขอปฏิเสธโปรโมชั่นใหม่ที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เสนอ โดยไม่ยอมรับว่านี่คือแนวทางที่ถูกต้องในการตอบสนองต่อมติ สปช. และขอเรียกร้องให้หยุดการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยเลิกคิดค่าบริการด้วยวิธีการปัดเศษอย่างไม่เป็นธรรม

เขาเรียกร้องต่อ กสทช. ด้วยว่า ต้องปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภค เหนือกว่าการแสวงหากำไรส่วนเกินของผู้ประกอบการ และควรสั่งการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหลายเลิกคิดค่าบริการโดยการปัดเศษวินาทีเป็นนาทีในทุกครั้งของการโทรทันที

“ในเรื่องของการปัดเศษ เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนกับเราไปซื้อหมูกิโลกรัมละ 140 บาท เราไปซื้อหมู 1 กิโล 2 ขีด ถ้าปัดเศษแปลว่าเราต้องซื้อในราคา 2 กิโลคือ 280 บาท แต่ได้หมูมาแค่ 1 กิโล 2 ขีด เท่านั้น ก็ถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค” รุจน์กล่าว

ชลดา บุญเกษม อนุกรรมการฯ ด้านสื่อสารและโทรคมนาคม กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบโปรโมชั่น  isecond 345 บาท โทรได้ 4,800 วินาทีต่อเดือน หรือ 80 นาที กับแพคเกจเดิม ismart 399 บาท โทรได้ 150 นาทีต่อเดือน พบว่า แพงขึ้นถึง 65.3 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งโปรโมชั่นที่ออกมามีความซับซ้อน แสดงตัวเลขที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าสามารถโทรได้มาก แต่ความจริงแล้วเมื่อคิดเป็นนาทีกลับน้อยกว่าแบบเหมาจ่ายของโปรโมชั่นที่มีอยู่เดิม อยากให้ผู้ให้บริการยกเลิกการเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยวิธีนี้และ กสทช.ต้องบังคับไม่ให้ออกโปรโมชั่นเช่นนี้มา

“กสทช.ควรจะต้องทำความเข้าใจ บอกกับผู้ให้บริการเครือข่ายว่าให้คิดค่าบริการเป็นวินาที เลิกปัดเศษ อย่าคิดเป็นนาทีบ้าง เป็นวินาทีบ้าง ตามโปรโมชั่นที่เสนอมามันไม่ได้บอกเลยว่าคุ้มครองผู้บริโภคตรงไหนหรือไม่เอาเปรียบผู้บริโภคตรงไหน” ชลดากล่าว

ไพบูลย์ ช่วงทอง กรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าและบริการทั่วไป กล่าวว่า การคิดค่าบริการแบบปัดเศษวินาทีเป็นการกระทำที่เอาเปรียบผู้บริโภค และเป็นการค้ากำไรเกินควร กสทช. ต้องใช้มาตรการป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค ห้ามผู้ประกอบการคิดค่าบริการในส่วนที่ผู้บริโภคไม่ได้มีการใช้งานจริงทั้งในส่วนที่เป็นค่าโทรศัพท์และค่าบริการอินเทอร์เน็ต

ไพบูลย์ ชี้ว่า การออกโปรโมชั่นใหม่นี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุของปัญหาคือการคิดเวลาที่เกินจริง แม้ กสทช. จะอยู่ในฐานะองค์กรกำกับดูแล แต่ก็จะเห็นว่ามีการปล่อยให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภคซ้ำแล้วซ้ำเล่า กสทช. ไม่มีความสำนึกรับผิดชอบในการกำกับดูแลเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค หากองค์กรกำกับดูแลไม่สามารถทำหน้าและปล่อยให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภคต่อไป ประเทศนี้ก็สิ้นหวัง การปฏิรูปไม่เกิดประโยชน์

“การคิดค่าบริการโดยปัดเศษการใช้งานอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเข้าข่ายเป็นการค้ากำไรเกินควร กสทช. ควรรวมเรื่องการคิดค่าโทรศัพท์เป็นวินาทีเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาในประกาศ การกระทำอันที่น่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมโดยการอาศัยการใช้เครือข่ายหรือการโฆษณา อันมีลักษณะเป็นการค้ากำไรเกินควร หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ พ.ศ. ….” ไพบูลย์กล่าว

ด้าน มณี จิรโชติมงคลกุล เครือข่ายผู้บริโภค กรุงเทพมหานคร เรียกร้องให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย รวมทั้ง กสทช. ควรให้ข้อมูลผู้บริโภคอย่างถูกต้อง ไม่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน หรือหลอกลวงด้วยวิธีการอันซับซ้อน ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ สปช. เช่น การทำให้เป็นเรื่องของการต้องเปลี่ยนระบบการคิดอัตราค่าบริการใหม่ รวมถึงการออกโปรโมชั่นทางเลือก ซึ่งโปรโมชั่นใหม่ที่ 3 ค่ายมือถือเปิดตัวออกมานั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า เป็นการเสนอทางเลือกที่ไม่น่าเลือก เพราะโปรโมชั่นใหม่ของแต่ละค่ายต่างมีอัตราค่าบริการที่แพงกว่าโปรโมชั่นที่มีอยู่ในท้องตลาดเดิม ซ้ำยังลดสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคให้น้อยลง บางค่ายยังแอบแฝงการปัดเศษเข้ามาในโปรโมชั่นใหม่ที่นำเสนอในฐานะที่เป็นโปรวินาทีด้วย

“ทั้งนี้ในการนำเสนอโปรโมชั่นวินาทีต่างๆ ของแต่ละค่าย พบว่ามีการพยายามนำเสนอรายละเอียดให้มีความซับซ้อนชวนสับสน ดูผิวเผินเหมือนให้สิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าและเป็นธรรม แต่แท้จริงแล้วเป็นการนำเสนอทางเลือกเพื่อไม่ให้เกิดทางเลือก ซึ่งอาจคาดหมายต่อไปได้ว่า เมื่อในที่สุดปรากฏผลว่าผู้บริโภคไม่ให้การตอบรับโปรโมชั่นวินาที ผู้ให้บริการและ กสทช. ก็จะใช้สถานการณ์ดังกล่าวเป็นข้ออ้างต่อไปได้ว่า ผู้บริโภคไม่ต้องการระบบการคิดเงินเป็นวินาที ทั้งที่ความจริงการนำเสนอโปรโมชั่นทางเลือกนั้นเป็นการพยายามบิดเบือนและเป็นการตีความอย่างศรีธนญชัยเพื่อทำให้เรื่องการคิดค่าบริการแบบไม่ปัดเศษกลายเป็นเรื่องที่สังคมไม่ต้องการ” มณีกล่าว

คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน มีข้อเสนอเรียกร้อง 4 ข้อ
1.ขอให้ยกเลิกโปรโมชั่นวินาทีทั้งหมด เนื่องจากสร้างความสับสนให้แก่ผู้บริโภคและไม่มีการคิดเป็นวินาทีจริง ให้คงแพคเกจเดิมที่คิดเป็นนาทีต่อไป เพียงแต่ตอนคิดค่าบริการให้คิดตามจริงเป็นวินาที
2.ขอความร่วมมือจากค่ายมือถือและ กสทช. ช่วยในเรื่องของการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น ข้อมูลข่าวสารนั้นต้องง่ายต่อการพิจารณาของผู้บริโภคให้มากขึ้น
3.ให้ กสทช. ใช้มาตรการป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค ให้ค่ายมือถือทุกค่ายคิดค่าโทรเป็นวินาทีเท่านั้น ไม่คิดค่าโทรด้วยวิธีแฝงอื่นใดทั้งสิ้น
4.ผู้บริโภคต้องใช้วิจารณญาณใคร่ครวญว่าต้องการใช้โปรโมชั่นแบบใดที่รู้สึกว่ายุติธรรมกับตนจริงๆ

รุจน์ กล่าวปิดท้ายว่า ยังไม่มีการวางกรอบระยะเวลาของข้อเสนอ แต่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ เป็นวาระของคณะกรรมการ รอดูอีกสักระยะว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง แต่คิดว่าเสียงผู้บริโภคนั้นสำคัญ ถ้าทุกคนช่วยกัน บริษัททั้งหลายก็จะทนไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาแข่งขันกันในที่สุด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net