ผบ.ทบ.ยื่นฟ้อง ทักษิณ ข้อหาหมิ่นประมาท พ่วง 112

ผบ.ทบ. ยื่นฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร ฐานหมิ่นประมาทและ ม.112 ด้านบอร์ดพิจารณาถอดยศชี้ ทักษิณเข้าเงื่อนไขถูก "ถอดยศ" เหตุต้องอาญาหนีคดี เตรียมเสนอ ผบ.ตร. ชี้ ภายใน 2 วัน

28 พ.ค. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้ พล.ต.ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักพระธรรมนูญ กองทัพบก เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลอาญา คดีดำเลขที่ 1824/2558 ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ฐานความผิดคดีหมิ่นประมาท กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 326 และ 328

สำนักข่าวไทยระบุว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเกี่ยวกับการเข้ามาบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่ามีองคมนตรีอยู่เบื้องหลัง จนเป็นเหตุให้วานนี้ (27 พ.ค.) กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ

วันเดียวกัน มติชนออนไลน์ รายงานว่า นายวันชัย รุจนวงศ์  อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)ส่งสำนวนคดีให้อัยการ เพื่อให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เบื้องต้นทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีดังกล่าวจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ตามขั้นตอนแล้วจึงต้องเสนอเรื่องให้นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา  โดยทางอัยการสูงสุดจะเป็นผู้สั่งตั้งพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้เพื่อพิจารณาต่อไป แต่ขณะนี้สำนวนคดียังไม่ได้ส่งไปยังอัยการสูงสุดเนื่องจากทางอัยการเพิ่งจะได้รับสำนวนมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ชี้ "ทักษิณ" เข้าเงื่อนไขถูก "ถอดยศ" เหตุต้องอาญาหนีคดี เตรียมเสนอ ผบ.ตร. ชี้ ภายใน 2 วัน
มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศตำรวจ กล่าวถึงการดำเนินการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดิน ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ว่า กรณีนี้ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้หนังสือลับ ด่วนที่สุด ที่ผผ.20/351 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2557 แจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำข้อเท็จจริงในประเด็นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ และตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา แล้วหลบหนีไป ตามหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรวม 5 คดี  และกองทะเบียนประวัติอาชญากร ได้ออกประกาศสืบจับผู้กระทำความผิด ฉบับที่ 489 /2551 ซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์ตามข้อ 1 (6) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 มาประกอบการพิจารณาดำเนินการถอดยศตำรวจ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ  พ.ศ.2547 และ แนวทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นบรรทัดฐานเดียวกันต่อไป

พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า  พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศตำรวจ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 256/2558 ลงวันที่ 1 พ.ค.2558 โดยมีตนเองเป็นประธาน  มี พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นรองประธาน มีผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.สง.ก.ตร.)  ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ( ผบช.กมค.) หรือ ผู้แทน ผบก.กองวินัย เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยคณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาให้เป็นไปตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ  พ.ศ.2547

พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งในการถอดยศตำรวจ ตามระเบียบ ตร.ว่าด้วยถอดยศ มีด้วยกัน 7 ข้อ แต่คณะกรรมการชุดนี้พิจารณาเฉพาะในข้อ 1 (6) ที่ระบุว่า ต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เท่านั้น โดยที่ประชุมได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า

“มีเอกสารยืนยันเป็นที่ประจักษ์จากหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญา จึงเข้าข่ายเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดในการถอดยศ ตามระเบียบ ตร.ว่าด้วยการถอดยศ  เตรียมนำเสนอ ผบ.ตร.พิจารณาได้ ภายใน 1-2 วันนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนในรายละเอียด รวมทั้งการรวบรวมเอกสารต่างๆ ที่จะนำมาประกอบในการพิจารณาให้ครบถ้วนสมบูรณ์กว่านี้  การพิจารณาเรื่องนี้เป็นการทำงานในรูปคณะกรรมการ เป็นการทำงานทั้งระบบใหญ่ มีทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง มาร่วมพิจารณา  ขณะเดียวกันที่ประชุมได้มีการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน อย่างรอบคอบ มีการอภิปรายในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะเราเข้าใจว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่เราดำเนินการตามขั้นตอน ตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง" ที่ปรึกษา (สบ10) กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการได้มีการนำหนังสือตอบกลับจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ความเห็น ว่าควรให้ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ มาพิจารณาด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ได้มีการนำหนังสือของคณะกรรมการกฤษฎีกามาพิจารณาด้วย เราดูทุกมิติ

“เพราะการพิจารณาครั้งนี้ค่อนข้างละเอียด เนื่องจากถูกท้วงติงมาจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า การพิจารณาของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ผ่านมา ยังมีบางประเด็นที่ตกหล่น ไม่ครบถ้วน” พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวและว่า สำหรับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ อาจเข้าเงื่อนไขในการถอดยศข้ออื่น ซึ่งได้มีการพิจารณาไปส่วนหนึ่งแล้วในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งตนไม่ขอพูดถึง แต่ครั้งนี้เราพิจารณาจากคำท้วงติงของหน่วยงานของรัฐอีกหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบ ทั้งนี้ มีการส่งหนังสือท้วงติงมาตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2557  เราก็ทำมาโดยตลอดไม่ได้เพิ่งมาทำ จึงมีการพิจารณาอย่างครบถ้วนทุกด้าน

เมื่อถามว่าคณะกรรมการชุดนี้ได้สรุปความเห็นว่าควรถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า ผลสรุปของคณะกรรมการรอให้ ผบ.ตร. เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ ตนบอกได้เพียงว่าคณะกรรมการได้สรุปความเห็นไปแล้ว ยืนยันว่าการพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว มีทุกมิติ สามารถตอบคำถามได้ทั้งหมด

 

อนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่   3 ปี ถึง 15 ปี 

มาตรา 326 บัญญัติว่า ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 328 บัญญัติว่า ความผิดฐานหมิ่นประมาท กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจาย เสียง หรือกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวร้องด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท