Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา  ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้

ยันตามโรดแมป เม.ย.59 ไม่เสร็จก็ต้องส่งต่อรบ.ใหม่

1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ในการพิจารณาหารือแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะแก้ไขในมาตราใดบ้าง ส่วนการหารือประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีในวันนี้เป็นการหารือในประเด็นหลักๆ ว่าเห็นควรแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านการพิจารณาและถ้าจำเป็นต้องร่างใหม่ใครจะเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะนำเรื่องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติถึงขั้นตอนและระยะเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป แต่ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านการพิจารณาของ กมธ. ก็ดำเนินการทำประชามติ และทำกฎหมายต่อไปตามระยะเวลาในโรดแมป และนำไปสู่การเลือกตั้งตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้

“เดือนเมษายน 2559 จะต้องสรุปผลการทำงานทั้งหมด ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ภายใน 2 ปี รวมถึง สิ่งที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ  และจะต้องส่งต่อให้กับรัฐบาล ที่จะเข้ามาในอนาคตทำงานสานต่อ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรียังยืนยันที่จะอยู่บริหารประเทศ ตามเวลาที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนด ไม่ได้ต้องการอำนาจ หรือต้องการดำรงตำแหน่งต่อ และไม่ต้องการให้ใครมากดดัน เพราะการเข้ามาบริหารประเทศครั้งนี้ก็เพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ได้หวังผลประโยชน์  ขณะเดียวกัน ทราบดีว่า หากอยู่ในตำแหน่งนาน จะไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง เนื่องจากแม้จะมีคนรักมากขึ้น แต่ในทางกลับกันอาจมีคนเกลียดมากกว่า แต่ขณะนี้ก็ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจในการทำงาน

“อย่าไปพูดว่า จะอยู่ต่อ หรือทำงานต่อเลย ผมพยายามจะอยู่ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่อยากทำให้ประชาชนตกใจ ตื่นตระหนก เสียกำลังใจ ยังไงประเทศก็เดินหน้าเข้าสู่ประชาธิปไตยอยู่ดี วันนี้ ยืนยันว่า ผมไม่ได้ยึดติดอำนาจ ผมอยู่กับอำนาจมานาน สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก และทำงานในกองทัพ ดังนั้น ผมเข้มแข็ง และก็ขออย่ามาเคลื่อนไหวใดๆ ให้ผิดกฎหมายเลย เพราะผมเป็นคนกำหนดกฎกติกา อย่าลืมว่า ผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างไร และทำเพื่ออะไร ถ้าผมยอมปล่อยให้มีการเคลื่อนไหว อีกหน่อยก็จะมีการออกมาอีก เนื่องจากมีแบบอย่างอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ประชามติ ต้องรอ กกต.พิจารณาก่อน

2. เรื่องการเตรียมการทำประชามติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง รัฐบาลมีหน้าที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังไม่ถึงขั้นตอนการทำประชามติ ถ้าหากมีการแก้ไขเพื่อทำประชามติจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 6 สิงหาคม 2558 สำหรับงบประมาณในการทำประชามติประมาณ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอเรื่องมาให้รัฐบาลพิจารณาก่อน

3. การปฏิรูปประเทศไทย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลชุดต่อไปต้องปฏิรูปตามแผนของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ได้ดำเนินการปฏิรูปไว้แล้ว เช่น การปฏิรูปในส่วนของโครงสร้าง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภาครัฐ รวมทั้งการบูรณาการการทำงานในกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกันให้ทำงานร่วมกัน และรัฐบาลชุดใหม่ต้องดำเนินการต่อยอดให้ประสบความสำเร็จมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ใช้ ม.44 ปลดผู้ว่า กทม.ไม่ได้เพราะมาจากการเลือกตั้งของปชช.

4. สถานการณ์น้ำท่วมขังในเขตกรุงเทพมหานคร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง เบื้องต้นมาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกสูงสุดเกิน 140 มิลลิเมตร ทั้งนี้ ต้องไปดูเรื่องการเตรียมการรองรับสถานการณ์น้ำฝนว่ามีปัญหาตรงไหน รวมถึงสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหาเครื่องระบายน้ำใช้งานไม่ได้ การอุดตันของขยะ เป็นต้น ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมในการบริหารจัดการ โดยได้สั่งการให้หน่วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานครและในพื้นที่ต่างจังหวัดว่ามีพื้นที่เสี่ยงอยู่ตรงไหนและให้กองทัพลงพื้นที่เฝ้าสถานการณ์ในการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน สำหรับปัญหาเรื่องอื่นต้องมีการตรวจสอบกันอีกครั้ง พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันตรวจสอบการทำงาน แต่จะให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดผู้ว่ากรุงเทพมหานครไม่ได้ เพราะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยว และต้องดูปัจจัยแวดล้อมประกอบ ทั้งปริมาณน้ำฝนที่ตกมามากกว่าปกติ และอุปสรรคของการระบายน้ำ เนื่องจากมีขยะมูลฝอยไปอุดตัน

“ผมได้มอบหมายให้ทหารในพื้นที่ ออกไปตั้งหน่วยติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่เสี่ยง เพื่อช่วยเหลือประชาชน ส่วนการใช้อำนาจพิเศษ คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง เพราะผู้ว่าฯ  กทม. มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนชาชน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

5. กรณีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คือ นายชาญวิทย์ วสยางกูร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และนายพรศักดิ์ เจียรณัย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนของการพิสูจน์ สอบสวน ตามกระบวนยุติธรรม

6. การลงพื้นที่ปฏิบัติราชการจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดระยองในวันที่ 10 มิถุนายน 2558 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในจังหวัดดังกล่าวเพื่อติดตามงานปลูกป่าและดูการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงเยี่ยมเยือนประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาต่าง ๆ และให้กำลังใจข้าราชการที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

“ผมไม่กังวล และไม่กลัวว่าจะมีการต่อต้าน เพราะมีความตั้งใจเข้าไปแก้ปัญหาความเดือนร้อนให้กับประชาชน ไม่อยากให้นำเรื่องการเมือง มาทำให้เสียสมาธิกับการทำงาน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ที่มา ศูนย์สื่อทำเนียบ และ สำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net