Skip to main content
sharethis
เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กรณีการเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง ในคดีสงครามยาเสพติดอันเนื่องมาจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาฬสินธุ์ เป็น 23 ก.ค. 2558
 
วันนี้ (26 มิถุนายน 2558) เวลา 09.30 น. ณ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มีนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำที่ อ.3252/2552 คดีหมายเลขแดงที่ อ.2600/2555 ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 โจทก์ กับ ด.ต.อังคาร คำมูลนา ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน จำเลย นางพิกุล พรหมจันทร์ ญาติของผู้ตายพร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าว แต่เนื่องจากจำเลยที่ 3 ไม่มาศาล โดยนายประกันของจำเลยที่ 3 แถลงต่อศาลว่า จำเลยที่ 3 ย้ายเข้ามาทำงานที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และไม่สามารถติดต่อจำเลยที่ 3 ได้ ศาลตรวจสำนวนดูแล้วปรากฏว่า ยังไม่สามารถส่งหมายให้กับจำเลยที่ 3 ได้ จึงเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออกไปในวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 เวลา 09.00 น. หากจำเลยที่ 3 ไม่มาศาลในนัดหน้าศาลจะพิจารณาสั่งเรื่องสัญญาประกันต่อไป
 
โดยคดีดังกล่าวโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในฐานความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาการะทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ สืบเนื่องจากกรณีนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี เด็กนักเรียน จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตด้วยการถูกฆ่าแขวนคอที่กระท่อมกลางทุ่งนาใน จ.ร้อยเอ็ด หลังจากได้รับการปล่อยตัวจาก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2547 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายประกาศทำสงครามกับยาเสพติด โดยญาติของนายเกียรติศักดิ์ ในฐานะผู้เสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการด้วย
 
คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2555 ว่า 
 
1. จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199, 289 (4) ประกอบมาตรา 83 ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ประหารชีวิต ฐานร่วมกันย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย จำคุก 1 ปี แต่เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจนำโทษอื่นมารวมอีกได้ ให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว 
 
2. จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 200 วรรคแรก ฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี
 
3. จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนในการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
 
4. ยกฟ้องจำเลยที่ 4
 
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555 โจทก์ร่วมได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในส่วนของจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 โดยขอให้ศาลลงโทษจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ทั้งนี้ พนักงานอัยการโจทก์ก็ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาเช่นกัน แต่ได้ยื่นอุทธรณ์เฉพาะในส่วนของจำเลยที่ 5 และที่ 6
 
เดือนมกราคม 2556 จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา โดยระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวมาโดยตลอด
 
ในช่วงปี 2544-2549 รัฐบาลมีนโยบายประกาศทำสงครามยาเสพติด เกิดคดีฆ่าตัดตอนกว่า 2,500 ศพ และในช่วงเวลาดังกล่าวมีประชาชนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก โดย 1 ในจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าว คือ นายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้มีรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนเมื่อปี 2549 โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีข้อเสนอให้รัฐบาลเยียวยาความเสียหายจากการเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อันเนื่องมาจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้แก่ครอบครัวของนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง ทั้งนี้ สภาทนายความได้แต่งตั้งคณะทำงานในการให้ความช่วยเหลือกรณีกลุ่มประชาชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ที่เสียชีวิตและถูกอุ้มหายช่วงระหว่างปี 2546-2548 เพื่อทำหน้าที่ในการเป็นทนายความให้แก่โจทก์ร่วมในคดีนี้ และทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)ได้เข้าร่วมเป็นคณะทำงานดังกล่าวด้วย
 
ในปี 2548 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีมติให้กรณีการเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง เป็นคดีพิเศษ และเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ยื่นฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา ที่ 1 ด.ต.สุดธินัน โนนทิง ที่ 2 ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ ที่ 3 พ.ต.ท.สำเภา อินดี ที่ 4 พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ ที่ 5 พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต ที่ 6 เป็นจำเลยในคดีดังกล่าว นับเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง การรวบรวมพยานหลักฐาน และการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลจนกระทั่งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net