Skip to main content
sharethis

พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นำหมายค้นขอตรวจค้นรถยนต์ทนายความของ 14 ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. - ม.116 ซึ่งถูกกักรถไว้ที่ศาลทหารตั้งแต่คืนวาน โดยยึดโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง เพจศูนย์ทนายความฯ ระบุข้อกังวลตำรวจตรวจค้นไม่เป็นขั้นตอน โดยเฉพาะเรื่องการไม่ปิดผนึกปากซองบรรจุพยานหลักฐานและการทำบันทึกตรวจยึดทันทีในที่เกิดเหตุ

27 มิ.ย. 2558 - กรณีพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ขอค้นรถของทนายความ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 26 มิ.ย. ภายหลังศาลทหารอนุมัติฝากขัง 14 ผู้ต้องหาที่เป็นนักศึกษาและเยาวชน ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. 3/2558 ข้อ 12 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 โดยตำรวจได้ใช้กระดาษติดเทปกาว ติดบริเวณที่เปิดประตูรถยนต์ทุกด้าน และใช้แผงกั้นล้อมรถ ขณะที่ทีมทนายความได้เฝ้ารถยนต์ไว้ตลอดทั้งคืน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

โดยต่อมาในช่วงกลางวัน ในเวลา 11.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ โทรศัพท์แจ้งทีมทนายว่าได้หมายค้นจากศาลแล้ว นัดให้เจ้าของรถไปพบที่ศาลทหารเวลา 11:30 น. ขณะที่ในเวลา 12.45 น. ทนายความและเจ้าของรถเดินทางมาแจ้งความที่ สน.ชนะสงคราม ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เนื่องจากตำรวจไม่มีอำนาจยึดรถไว้ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดประตูท้ายรถยนต์ของทีมทนายความ ซึ่งจอดและถูกกักไว้ที่ศาลทหารตั้งแต่คืนวานนี้ (26 มิ.ย.) เพื่อค้นหาสิ่งของของ 14 ผู้ต้องหาที่เป็นนักศึกษาและเยาวชน (ที่มาของภาพ: ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน)

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.สำราญราษฎร์ ตรวจค้นสิ่งของและยึดอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือจำนวนหนึ่ง ที่มาของภาพ: ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (ที่มาของภาพ: ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน)

ล่าสุดเวลา 15.05 น. ในเพจของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า พ.ต.อ.สุริยา จำนงโชค หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ พร้อมพนักงานสอบสวนมาที่รถของทนายความพร้อมหมายค้นจากศาลอาญากรุงเทพใต้ อ้างเหตุเพื่อพบและยึดสิ่งของที่มีไว้เป็นคนผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมายหรือตั้งใจจะใช้ในการทำความผิดโดยจะให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจค้น ต่อหน้าเจ้าของรถและทนาย

มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ค้นรถยนต์ และยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาหลายรายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือโนเกีย สีดำ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือซัมซุง สีเขียว-ดำ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือโนเกีย สีชมพู 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือไอโฟน สีดำ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือไอโฟนสีขาว 1 เครื่อง

อย่างไรก็ตามในเพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุถึงการค้นหาสิ่งของโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า "เมื่อค้นเจอได้ยึดโทรศัพท์และแท็บเล็ตของนักศึกษาไป และมีการเปิดเครื่องโทรศัพท์ตรวจสอบหมายเลข IMEI แต่ใช้เวลาในการเปิดเครื่องนานจึงจะนำของที่ยึดไว้ไปตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้งที่สถานีตำรวจ ซึ่งหลังตรวจยึดได้นำโทรศัพท์ที่ยึดไว้ไปโดยไม่ผนึกปากซองบรรจุพยานหลักฐานและไม่ทำบันทึกการตรวจยึด โดย พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผู้กำกับสำราญราษฎร์เป็นผู้นำของที่ตรวจยึดได้ขึ้นจักรยานยนต์ไปที่ สน.ชนะสงคราม"

อย่างไรก็ตาม "หลังจากนั้นราว 15 นาที พ.ต.อ.ชุมพล ได้กลับมาที่หน้าศาลทหารอีกครั้งและผนึกซองบรรจุพยานหลักฐานและทำบันทึกการตรวจยึดก่อนไปที่ สน.ชนะสงคราม"

ในเวลา 17.00 น. เพจของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษชน รายงานว่า หลังจากตำรวจได้นำโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้มาถึงสน.ชนะสงคราม ทนายได้ขอให้เจ้าหน้าที่ทำสำเนาข้อมูลเพื่อใช้ยืนยันข้อเท็จจริงว่าไม่มีการปรับเปลี่ยนข้อมูลหลักฐาน แต่เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐานอ้างว่าเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจึงไม่สามารถทำสำเนาให้ได้และแจ้งว่าต้องรอพบผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลางก่อนโดยซองจะถูกผนึกไว้จนกว่าทนายจะเข้าไปที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางในเวลา 13.00 น. วันจันทร์ 29 มิ.ย. นี้

โดยทนายความได้แจ้งความ ม.157 ต่อตำรวจที่ทำการยึดรถยนต์ไว้โดยไม่มีอำนาจต่อจากเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยทนายขอให้ร้อยเวรบันทึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตรวจค้นรถของทนายที่เจ้าหน้าที่นำพยานหลักฐานออกจากสถานที่ตรวจค้นก่อนปิดผนึกและเจ้าหน้าที่ยังใช้เวลาส่งมอบพยานหลักฐานเป็นเวลาราว 15 นาที และทางทนายกังวลว่าพยานหลักฐานซึ่งเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว โดยขอให้ร้อยเวรเพิ่มเติมลงไปด้วย แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงไม่รับแจ้งความ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net