Skip to main content
sharethis


2 ก.ค. 2558 ประชาชนและอาจารย์จากเครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขัง ทั้งจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาทิ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ปิยบุตร แสงกนกกุล เดินทางเข้าเยี่ยม 13 นักศึกษานักกิจกรรม ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แต่วิธีการเข้าเยี่ยมในวันนี้แตกต่างจากทุกวันเนื่องจากนักศึกษาชายทั้ง 13 คน ถูกจับแยกแดนตั้งแต่ช่วงบ่ายของวานนี้ โดยคนที่มีรายชื่อในบัญชี 10 คนที่ผู้ต้องหาให้ไว้เท่านั้น จึงจะสามารถเข้าเยี่ยมได้ตามปกติ แต่คนที่อยากเข้าเยี่ยมนอกเหนือจากรายชื่อ 10 คนต้องยื่นเอกสารสำเนาบัตรประชาชนให้กับ กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ก่อนเวลา 10:30 เพื่อใช้ในการต่อรองเข้าเยี่ยม

โดยวันนี้เวลา 11:00 น. โดยประมาณ ประชาชน อาจารย์ และกลุ่มเพื่อน ได้เข้าเยี่ยมพร้อมกันจำนวนหลายสิบคน

ทั้งนี้ในรอบแรกสามารถเยี่ยมได้แค่ รังสิมันต์ โรม และ ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ หรือ เดฟ และในเวลาประมาณ 12:30 น. เป็นรอบเยี่ยมของ อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ หรือ หนุ่ย โดยในรอบของหนุ่ย มีคนเข้าเยี่ยมได้แค่คนที่มีรายชื่อ 10 คนเท่านั้น ทั้งนี้ในเวลา 13:40 น. ผู้ที่มารอเยี่ยมสามารถเยี่ยมนักศึกษาทั้ง 13 คนได้พร้อมกัน โดยผู้มารอเยี่ยมและนักศึกษาต่างแสดงความดีใจ

ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเข้าเยี่ยมนักศึกษาด้วย ให้สัมภาษณ์ประชาไทว่า 14 นักศึกษาว่าเป็นนักโทษทางความคิด เนื่องจากการกระทำของทั้งหมดเป็นสันติวิธี และตอนนี้แอมเนสตี้ได้ออกปฏิบัติการด่วนให้รัฐบาลทั่วโลกกดดันให้ปล่อยนักศึกษาทันทีและสรุปว่า ปฏิบัติการด่วนได้ออกเป็นภาษาอังกฤษแล้ว แต่ภาษาไทยจะออกตอนบ่าย



ภายหลังการเข้าเยี่ยม วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขามองกลุ่มนักศึกษาที่ถูกจับว่า นักศึกษาใช้สันติวิธี ไม่ว่าพวกเขาจะตัดสินใจอย่างไร ก็คงไม่มีใครก้าวล่วงได้ และคงไม่มีใครไปบอกเขาได้ว่าต้องทำอย่างไร แม้แต่คุณพ่อคุณแม่ของบางคนก็เป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ก้าวล้ำการตัดสินใจของลูก ในเรื่องที่คนออกมาเห็นต่าง วรเจตน์มองว่าทุกคนผ่านประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดมาแล้ว เคยเห็นปรากฏการณ์แบบนี้มาแล้วในปี 2519 และก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนเกิดขึ้นอีก

สำหรับความเป็นไปในอนาคตของกลุ่มนี้ วรเจตน์ ชี้ว่าเรื่องนี้สื่อน่าจะช่วยได้ ในการทำให้เข้าใจว่าปรากฏการณ์นี้มันเกิดขึ้นอย่างไร แล้วจะให้มันจบอย่างสันติ ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่โดยส่วนตัวก็ปรารถนาด้วย ส่วนตัว ตอนนี้ก็มีคดีอยู่ในศาลทหาร แต่ลูกศิษย์เป็นอย่างนี้ก็คงจะเลี่ยงไม่ได้

เมื่อถูกถามว่าได้พูดคุยเรื่องหลักกฎหมายกับนักศึกษาหรือไม่ วรเจตกล่าวว่า แค่มาเยี่ยมลูกศิษย์ ไม่ได้พูดคุยเรื่องหลักกฎหมายแต่อย่างใด เพราะมาในฐานะอาจารย์ และลูกศิษย์ที่อยู่ในเรือนจำมีบางคนที่จะจบปีการศึกษานี้

ในเรื่องการแยกแดนของนักศึกษา วรเจตน์กล่าวว่าจากการที่ตนเข้าเยี่ยมพูดคุยกับนักศึกษา เข้าใจว่านักศึกษาอยากอยู่ร่วมกันเพื่อจะได้ปรึกษาหารือกัน

ด้านนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่าที่ตนมาตอนนี้ มาด้วยตัวเอง แต่จะเข้าเยี่ยมพร้อม นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในช่วงบ่ายอีกทีหนึ่ง แต่ตอนนี้ตนมาในฐานะที่ตัวเองเคยเป็นนักกิจกรรม เหมือนกัน และเข้าใจในเรื่องการเรียกร้องหาสิทธิเสรีภาพ ทั้งนี้นิติรัฐเผยว่า ตนรู้จักกันปกรณ์อารีกุล หรือ แมน พรชัย ยวนหยี หรือ แซม และ ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ หรือ หนุ่ย อยู่แล้วด้วย

ทั้งนี้ป้า (ขอสงวนชื่อ)ที่มาเยี่ยมลูกชายที่ถูกขุมขังอยู่แดน 1 เผยว่า ตนมาเยี่ยมลูกชาย และก็ได้ตตามข่าวของนักศึกษากลุ่มนี้ และมองว่าการกระทำของนักศึกษา ไม่ผิด และขอส่งกำลังใจให้

จุฑามาส ศรีหัตถผดุงกิจ หนึ่งในสมาชิก ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เปิดเผยว่า ตอนนี้คนที่อยู่ข้างนอก เหมือนได้กำลังใจจากคนที่อยู่ข้างในมากกว่า เพราะคนที่อยู่ข้างในเข้มแข็งมาก และพวกตนก็พร้อมที่จะเคลื่อนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รังสิมันต์ โรม เผยว่ารับรู้สถานการณ์จากข้างนอกก็ไม่มากนัก เพราะเรามีเวลาเยี่ยมเพียงแค่ 20 นาทีต่อวัน อีกทั้ง ภายในเรือนจำ เหมือนไร้กาลเวลา ไม่มีทีวี ไม่มีหนังสือพิมพ์ เราไม่สามารถรับรู้ข่าวสารจากด้านนอกได้มาก รวมถึงหนังสือที่ฝากให้คนข้างนอกเอามาให้ก็ยังไม่ได้รับสักเล่ม เข้าใจว่าอาจจะมีการการเซ็นเซอร์หนังสือ คือดูว่าเป็นหนังสือประเภทอะไร ทั้งนี้ เขาเล่าว่า เมื่อคืนฝันว่าตัวเองและเพื่อนๆ ไม่ได้อยู่ในเรือนจำแล้ว แต่ออกมาอยู่ข้างนอก และกำลังมุ่งหน้าสู้ถนน ราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ด้านปกรณ์ อารีกุล หรือ แมน เปิดเผยผ่านผู้เข้าเยี่ยมว่าจากการที่ได้รับรู้สถานการณ์จากข้างนอกว่ามีกลุ่มคนออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น ตนค่อนข้างพอใจ เพราะทุกรัฐบาลที่จับกุมประชาชนโดยไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย การเข้าจับกุมประชาชนโดยศาลทหารเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

ส่วนด้านความเป็นอยู่หลังจากแยกแดน แมนเผยว่า ก็ยังสุขสบายดี เพราะได้รับความเมตตาจากเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ช่วยดูแล แต่จะบอกว่าสุขสบายร้อยเปอร์เซ็นก็ไม่ได้ เพราะตนยังรู้สึก เหงา คิดถึงเพื่อน คิดถึง คนข้างนอก แต่ยังไงก็ยืนยันที่จะสู้ต่อไป

จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน กล่าวว่า จากการรับรู้สถานการณ์จากข้างนอก ยังอยากเห็นการลุกฮือของประชาชนมากกว่านี้ อยากให้ประชาชนข้างนอกได้ตื่นตัว มากกว่านี้ พร้อมเผยว่าคนที่อยู่ข้างใน หลังจากจับแยกแดนก็เป็นข้อเสียเปรียบที่ไม่ได้ปรึกษากันเท่าที่ควร พร้อมส่งสารถึงคนที่กำลังเลใจว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ขอให้กล้าออกมา กล้าตัดสินใจ “ถ้าไม่สู้ตอนนี้ จะสู้ตอนไหน” ไผ่กล่าว

ด้านทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ อยากฝากถึงคนข้างนอกว่าอยากให้คนข้างนอกทำอย่างไรก็ได้ จะมากจะน้อย เพื่อความยุติธรรม ส่วนคนข้างในที่เราทำแบบนี้ เพราะเรายืนยันว่าเราไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เราก็จะสู้ ห่วงแค่ว่านานๆไปคนข้างนอกอาจจะลืม

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net