Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

นับแต่ย่างเข้าปีที่สองของการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ดูเหมือนสถานการณ์หลายอย่างจะไม่เป็นใจกับคสช. ทั้งตัวเลขการส่งออกที่ลดลง ภาวะภัยแล้ง รวมถึงการจับกุมนักศึกษา 14 คนที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ขณะที่ผู้นำคสช.และบรรดาโฆษกทั้งหลายต่างไม่ตระหนักถึงสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ยังแสดงท่าทีแข็งกร้าว ราวกับหลังรัฐประหารใหม่ๆ เช่นอ้างว่าต้องบังคับใช้กฎหมายกับนักศึกษาทั้ง 14 คน อย่างเคร่งครัด จึงเป็นที่น่ากังวลว่า คสช. กำลังเลือดเข้าตา และอาจจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่าเดิม

ด้วยผู้เขียนเป็นนักมานุษยวิทยาที่ถูกฝึกให้พยายามทำความเข้าใจวิธีคิดของผู้อื่นที่ต่างจากเรา ผู้เขียนพยายามที่จะทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน จากมุมที่ คสช. กำลังมองว่า มุมจากมองของพวกเขานั้นพร่ามัวอย่างไร 

หนึ่ง ผู้นำคสช. พูดอย่างแข็งกร้าวว่า จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด มิเช่นนั้นจะรักษากฎหมายและความสงบของบ้านเมืองไม่ได้  แต่สิ่งที่คสช. ไม่ได้คิดก็คือ เอาเข้าจริง สิ่งที่นักศึกษาทำผิด ก็คือ ขัดคำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุมทางการเมืองของคสช.และถ้าพิจารณาต่อไปว่า คำสั่งคสช. นั้นมีความชอบธรรมมากน้อยเพียงใด จะเกิดปัญหาทันที เพราะเป็นคำสั่งที่ออกโดยคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้อาวุธเข้ายึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนุญมาก่อน ดังนั้น คสช. จึงไม่ได้มีความชอบธรรมในการใช้อำนาจหรืออ้างกฎหมายที่หนักแน่นแต่ประการใด คสช.จึงต้องตระหนักว่า คำสั่งที่คสช.ถือว่าเคร่งครัดหนักหนามันไม่มีความชอบธรรมในตัวเอง จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง และอ่านความรู้สึกของสังคมได้ดี สิ่งที่ประชาชน “ยอม” สงบในช่วงปีแรกของการรัฐประหาร ไม่ได้แปลว่า ประชาชนจะ “ยอม” คสช.ตลอดไป คสช. ต้องพิจารณาให้เหมาะสมว่าจะเป็นผู้ผ่อนปรนกฎนี้ด้วยตัวเอง หรือจะให้ประชาชนลุกฮือมาเรียกร้องให้ต้องยกเลิกกฎ เมื่อนั้นคสช. อาจคุมสถานการณ์ได้ยากขึ้น ขณะนี้

คสช.กำลังอยู่บนทางแพร่งนี้

สอง ผู้นำคสช. ยอมรับว่าขณะนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงสังคมประชาธิปไตย แต่กลับไม่ยอมรับว่า กำลังใช้อำนาจเผด็จการอยู่ ทั้งๆ ที่ สิ่งที่คสช. กำลังปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น สิ่งนี้คือ สิ่งที่ประชาชนเห็นว่า คือการใช้อำนาจเผด็จการที่โจ่งแจ้ง การส่งนักศึกษาที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติเข้าสู่เรือนจำราวกับว่าพวกเขาเป็น อาชญกรปล้นชิงทรัพย์ นีแลคือการใช้อำนาจเผด็จการ ปิดปากกดหัวประชาชนที่เห็นแตกต่าง ที่ทำให้ความชอบธรรมในการยอมรับอำนาจของคสช. น้อยลงเรื่อยๆ คสช. ควรเรียกรู้ผู้ปกครองที่มีความสามารถคือ ทำให้ผู้คนยอมรับการปกครองไม่ใช่การใช้อำนาจกดบังคับ

สาม ผู้นำคสช. คิดจากมุมมองของตนว่าต้องรักษาความสงบเรียบร้อย แต่คสช.ผิดพลาดที่ไปเข้าใจว่า การรักษาความสงบเรียบร้อยคือการปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่มีความเห็นต่างจากคสช.ได้แสดงออก ภาวะที่ดูเหมือนสงบขณะนี้ จึงเป็นการสงบภายใต้ความรู้สึกอึดอัดที่ประชาชนไม่อาจสื่อสารปัญหาที่เขากำลังประสบอยู่ เพราะรัฐบาลมัวแต่หวาดระแวงว่า ทุกการเคลื่อนไหวมีเบื้องหลัง แทนที่จะมุ่งพิจารณาที่มูลเหตุที่มาของการเคลื่อนไหว ดังเช่น กลุ่มดาวดินที่เคลื่อนไหวสนับสนุนชาวบ้านค้านรัฐบาลและนายทุนมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหารกลับถูกผลักให้ไปอยู่ในขั้วอำนาจเก่า คสช. อาจใช้อำนาจรัฐบังคับไม่ให้คนแสดงออกได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่คสช.ไม่อาจบังคับผู้คนให้คิดเหมือนคสช.ได้ ผู้คนยังคงคิดอย่างอิสระและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหยั่งรากลึกในสังคมไทย เกินกว่าที่ คสช.จะรื้อถอนมันออกได้ง่ายๆ

ภาระและบทบาทที่คสช. ควรทำก็คือ เปิดโอกาสให้คนที่เห็นแตกต่างได้แสดงออกอย่างสันติ บนพื้นฐานของการเคารพความแตกต่างและสิทธิของผู้อื่น สิ่งที่คสช. ควรแสดงความสามารถให้ประจักษ์ว่า เปิดให้คนได้แสดงความเห็นอย่างสันติโดยไม่ตีกันทะเลาะกัน คสช.ควรคืนเสรีภาพให้ประชาชน คืนพื้นที่ทางวิชาการให้มหาวิทยาลัยให้เป็นพื้นที่ในการแสดงออก ทั้งคนที่ชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์คสช.สามารถแสดงออกได้พอๆ กัน นักวิชาการในมหาวิทยาลัยก็เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปมีทั้งที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนคสช. ส่วนที่อยู่เฉยๆ ก็มาก ดังนั้น ความแตกต่างทางความคิดไม่ใช่ปัญหา แต่ประเด็นก็คือ  ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ ไม่ลำเส้น ไม่ใช้กำลังความรุนแรง หน้าที่ของคสช.คือควบคุมทั้งสองฝ่ายให้แสดงออกอย่างสันติ อดทนอดกลั้นต่อความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่ใช่เห็นคนแตกต่างแล้วยกพวกไปตีกัน นั่นคือ อนาธิปไตย ไม่ใช่ ประชาธิปไตย

คสช. อย่าสับสนว่า ความแตกต่างทางความคิด คือ ความแตกแยก สังคมไทยควรมีวุฒิภาวะขึ้นว่า เราแตกต่างกันได้ โดยไม่ต้องแตกแยก  สร้างบรรยากาศ เวทีให้คนที่เห็นแตกต่างได้แลกเปลี่ยนกัน ถ้าคสช.สร้างบรรยากาศเช่นนี้ได้ ทำให้สังคมมีวุฒิภาวะขึ้น เราและท่านจึงจะมีความหวังขึ้นว่า หลังจากมีรัฐธรรมนูญใหม่ มีการเลือกตั้ง สังคมไทยจะมีไม่กลับไปสู่ภาวะไร้ระเบียบดังเดิม

ขอย้ำว่า คสช. กำลังอยู่บนทางแพร่งว่า จะค่อยๆ เปิดพื้นที่สังคมได้แสดงออก สร้างสังคมที่มีวุฒิภาวะรับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน ซึ่งสามารถเริ่มได้จากการเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนักศึกษาทั้ง 14 คน หรือ คสช. จะเลือกปิดกั้นประชาชนต่อไป ท่องคาถาเช่นเดียวกับรัฐประหารใหม่ๆ ไม่พยายามทำความเข้าใจและฝึกที่จะบริหารความคิดเห็นและความรู้สึกของประชาชนที่แตกต่างกันในสังคม

คสช. กำลังเดินเข้าสู่ความเสี่ยง.  


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net