นัดตรวจพยานหลักฐานคดี ‘ชายชุดดำ’ ทนายเผยเตรียมประกันตัวอีกครั้ง

6 ก.ค. 58 - เวลาประมาณ 14.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 906 ศาลอาญา รัชดาฯ มีการนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่ นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี อายุ 45 ปี , นายปรีชา อยู่เย็น อายุ 24 ปี , นายรณฤทธิ์ สุริชา อายุ 33 ปี นายชำนาญ ภาคีฉาย อายุ 45 ปี และนางปุณิกา ชูศรี อายุ 39 ปี  เป็นจำเลยคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1  สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งข้อหาว่ามีอาวุธปืนสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถจดทะเบียนได้, นำพาอาวุธเข้าไปในเมือง ถนน ที่สาธารณะ และหมู่บ้าน โดยคำฟ้องระบุพฤติการว่าเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยทั้ง 5 คนได้ร่วมกันพาอาวุธไปยังพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม นปช. บริเวณสี่แยกคอกวัว และได้ใช้อาวุธยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ โดยจำเลยทั้ง 5 คนได้แต่งกายชุดดำ

ในระหว่างการตรวจพยานหลักฐาน อัยการโจทก์และทนายของจำเลยทั้ง 5  คน ได้โต้เถียงกันในประเด็นรถที่อัยการชี้ว่ามีภาพรถตู้ที่ขนอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมเพื่อก่อเหตุ แต่กลุ่มทนายไม่สามารถรับข้อเท็จจริงตามการกล่าวหาของโจทก์ได้และปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายได้ยื่นพยานหลักฐานที่จะใช้ในการสืบคดีต่อศาล โดยฝ่ายโจทก์มีพยานเอกสาร และพยานหลักฐานเป็นแผ่นบันทึกภาพและเสียง รวมถึงพยานบุคคลทั้งหมด 22 ปาก ศาลนัดสืบพยาน 5 วัน โดยพยานบุคคลประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ, เจ้าของรถยนต์ที่โจทก์แจ้งว่าใช้ขนอาวุธปืน, เจ้าของอพาร์ทเม้นต์ของจำเลย, เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมของ นปช., เจ้าหน้าที่สืบสวนของ คสช., เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้ง 5 คน เป็นต้น

ด้านจำเลย ทนายยื่นพยานเอกสารเป็นสมุดภาพเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมและรายงานการสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องต่างๆ พร้อมพยานบุคคล 20 ปาก สืบพยานจำเลยใช้เวลา 4 วัน พยานบุคคลประกอบด้วย จำเลย 5 คน, ภรรยาและญาติของจำเลย, แกนนำการชุมนุม เป็นต้น โดยทีมทนายอาจจะมีการยื่นบัญชีพยานบุคคลเพิ่มเติมภายหลัง และศาลได้นัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 12 ต.ค. 2558

วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายจำเลยระบุว่า จำเลยทั้ง 5 คนถูกจับระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน 2557 โดยระหว่างการถูกควบคุมตัว กิตติศักดิ์, ปรีชา , รณฤทธิ์ และ ชำนาญ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารซ้อมทรมานและข่มขู่ ส่วนปุณิกาโดนข่มขู่ด้วยวาจาโดยเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นทั้งหมดถูกฝากขังมาตลอดโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว

วิญญัติกล่าวด้วยว่า จำเลยทั้ง 5 ปฏิเสธว่าไม่มีอาวุธและไม่ได้พาอาวุธเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมตามที่ถูกกล่าวหา แม้ว่าก่อนหน้าที่จะได้สารภาพไปแต่เป็นเพราะว่าระหว่างการควบคุมตัวมีการใช้ถุงคลุมหัว เตะต่อย พูดข่มขู่ให้กลัว และข่มขู่เรื่องครอบครัวของจำเลยแต่ละคน ในขณะที่จำเลยหญิงถูกพูดข่มขู่ให้กลัว จึงทำให้จำเลยยอมรับสารภาพ

ทนายความระบุด้วยว่า ทีมทนายความจะดำเนินเรื่องการประกันตัวจำเลยอีกครั้งในเร็วๆ นี้ โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นประกันตัวไปแล้วแต่ศาลไม่อนุญาตเพราะมองว่ามีพฤติการณ์ร้ายแรงและกลัวจำเลยหลบหนี อย่างไรก็ตามในเรื่องที่ได้ขอความเป็นธรรมกรณีซ้อมทรมานของจำเลยนั้น ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ส่วนข้อหาก่อการร้าย ทนายนระบุว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เช่นกัน

ทนายความให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จำเลยทั้ง 5 คน มีแค่บางคนเท่านั้นที่รู้จักกัน คือ กิตติศักดิ์และปุณิกา เนื่องจากกิตติศักดิ์มีน้องชายเป็นแฟนเก่าของปุณิกา ซึ่งปัจจุบันน้องชายได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่คนอื่นไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย โดยบางคนเป็นการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุม บางคนเป็นเพียงผู้ชุมนุมเท่านั้น

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท