21 ก.ค.2558 ขบวนการอีสานใหม่ ออกแถลงการณ์สนับสนุนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายปกป้องอันดามัน ในการปกป้องทรัพยากรธรรมและระบบนิเวศทางทะเล พร้อมให้กำลังใจในการคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินจังหวัดกระบี่ให้ได้รับชัยชนะในเร็ววัน
ขบวนการอีสานใหม่ ออกแถลงการณ์สนับสนุนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายปกป้องอันดามัน โดยส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีปริมาณกระแสไฟฟ้าสำรองล้นเกินความจำเป็น ถึงแม้ไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ ประเทศไทยก็ไม่ขาดแคลนไฟฟ้า และการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจะเป็นการก่อมลพิษจากการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองและการเผาไหม้ของถ่านหิน ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน เนื่องจากถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่สกปรกที่สุด
ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ นอกจากจะใช้เงินภาษีของประชาชนแล้ว ประชาชนจะต้องแบกรับภาระค่าเอฟทีเพิ่มขึ้นอีกด้วย ในแถลงการณ์ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เบื้องหลังการผลักดันโครงการนี้ น่าจะเกิดจากผลประโยชน์ของกลุ่มทุนธุรกิจถ่านหินที่เป็นเจ้าของแหล่งสัมปทานถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ เช่น ในอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เวียดนาม จีน และอื่นๆ
“โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินจังหวัดกระบี่นี้ เป็นตัวอย่างอันชัดเจนว่า ในระบอบทุนนิยมถือปืน ประชาชนก็ยังคงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยากลำบากเช่นเดียวกับในระบอบทุนนิยมประชาธิปไตย ต่างกันตรงที่มีคนคอยถือปืนยืนจี้หัวและผู้ถือปืนไม่ต้องระมัดระวังรับฟังเสียงประชาชนมากเท่า”
ในตอนท้ายของแถลงการณ์ ขบวนการอีสานใหม่ยังได้ให้กำลังใจเครือข่ายปกป้องอันดามัน ในการต่อสู้คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินจังหวัดกระบี่ด้วย โดยขอให้ประสบผลสำเร็จและได้รับชัยชนะในเร็ววัน
รายละเอียดแถลงการณ์
.............................
แถลงการณ์ขบวนการอีสานใหม่
หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ หยุดทุนนิยมถือปืน
ตามที่เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินได้ทำการอดอาหารประท้วงเพื่อเรียกร้องคัดค้านให้รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. ยุติการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินจังหวัดกระบี่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2558 ล่าสุดเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินได้เดินเท้าจากหน้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามาที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอพบนายกรัฐมนตรีแต่ไม่ได้เข้าพบ สุดท้ายกลับถูกไล่ไปนอนวัดโสมนัสฯ โดยยังยืนยันที่จะปักหลักรอคำตอบจนกว่านายกรัฐมนตรีจะประกาศยกเลิกโครงการ
ขบวนการอีสานใหม่มีความเห็นต่อสถานการณ์ดังกล่าว ดังนี้
1. เรา “ขบวนการอีสานใหม่” สนับสนุนการต่อสู้ของประชาชนในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ ดังนั้น เราจึงสนับสนุนการต่อสู้ของเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. ยุติโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินจังหวัดกระบี่ของ กฟผ.
2.. โครงการนี้ ยังไม่ผ่านการอนุมัติ รายงาน EIA และ EHIA จากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (คชก.) ซึ่งเป็นการลัดขั้นตอนผิดต่อหลักธรรมาภิบาลของสังคมอารยะ ส่งผลต่อการปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณะ
3. โครงการฯ นี้ คือราคาที่คนในสังคมไทยทั้งหมดเกือบ 70 ล้านคน ต้องร่วมกันจ่ายผ่านภาษี แทนที่จะนำไปใช้ประโยชน์ที่มีคุณค่าต่อชีวิตและสังคมโดยรวม กลับนำมาใช้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ไร้ความจำเป็น เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีปริมาณสำรองของกระแสไฟฟ้าที่ล้นเกินความจำเป็นแล้ว แม้ไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ ประเทศไทยก็มีไฟฟ้าใช้ไม่ขาดแคลน มิหนำซ้ำยังจะเป็นการซ้ำเติมสังคมด้วยการก่อมลพิษจากการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองและการเผาไหม้ถ่านหินที่ส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน เพราะถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มีคุณสมบัติสกปรกที่สุด
นอกจากภาษีของประชาชนที่นำมาใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ที่ไร้ความจำเป็นแล้ว ยังมีค่าเอฟที (Ft) ในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟรายเดือนที่ประชาชนต้องแบกรับให้แก่โครงการของรัฐบาล กฟผ. และข้าราชการ ที่ร่วมกันผลักดันโครงการนี้ เหตุเพราะว่าการมีโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ที่ไร้ความจำเป็นเพิ่มเข้ามาในระบบพลังงานนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ในการก่อสร้างการดูแลรักษาและการบริหารจัดการที่เกิดขึ้นหลังจากโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่เดินเครื่องล้วนถูกผลักเข้าไปอยู่ในค่าเอฟทีในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟรายเดือนของพวกเราทั้งสิ้น
4. การผลักดันโครงการฯ ที่ไม่มีความจำเป็นต่อการใช้ไฟฟ้าของประชาชน และไม่มีความจำเป็นต่อการกล่าวอ้างถึงความมั่นคงในระบบพลังงานนั้น คงมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังในการผลักดันโครงการนี้ นั่นคือ ผลประโยชน์ของกลุ่มทุนธุรกิจถ่านหินเท่านั้นเอง
จึงเป็นเหตุให้น่าสงสัยว่ากลุ่มทุนธุรกิจถ่านหินที่เป็นเจ้าของแหล่งสัมปทานถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ ที่ครอบครองสัมปทานถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เวียดนาม จีน และอื่นๆ เช่น บ้านปู ปตท. กฟผ. เป็นต้น อยู่เบื้องหลังรัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. ที่ประสงค์ผลักดันโครงการดังกล่าวหรือไม่ เพราะได้ผลประโยชน์จากธุรกิจถ่านหินกันถ้วนหน้า
หากข้อสงสัยนั้นเป็นความจริง แสดงว่าอิทธิพลของกลุ่มทุนธุรกิจถ่านหินสามารถเข้าไปแทรกแซงกลไกรัฐด้วยการปรับแผนพัฒนาพลังงาน หรือ PDP ให้เพิ่มสัดส่วนถ่านหินเข้ามาในระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากประมาณร้อยละ 14 เป็นประมาณร้อยละ 25 – 40 ในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อความมั่นคงของระบบพลังงานที่พยายามพึ่งพาก๊าซธรรมชาติให้น้อยลงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่เป็นความมั่นคงของรายได้หรือผลประโยชน์ของกลุ่มทุนธุรกิจถ่านหินที่ผูกขาดการขายถ่านหินให้กับรัฐไทยมากกว่า
ดังนั้นแล้ว จึงเห็นได้ว่าธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจพลังงาน ไม่เคยขาดทุน มีแต่ได้กับได้ มีแต่ประชาชนเท่านั้นที่เป็นฝ่ายแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโครงการ การดูแลรักษาและการบริหารจัดการที่ไร้ความจำเป็น ล้มเหลวและผิดพลาดของรัฐ ราชการ และ กฟผ. ที่ผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่เข้ามาในระบบพลังงานที่มีปริมาณสำรองล้นเกินความจำเป็นอยู่แล้ว
5. กรณีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินจังหวัดกระบี่นี้ เป็นตัวอย่างอันชัดเจนว่า ในระบอบทุนนิยมถือปืน ประชาชนก็ยังคงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยากลำบากเช่นเดียวกับในระบอบทุนนิยมประชาธิปไตย ต่างกันตรงที่มีคนคอยถือปืนยืนจี้หัวและผู้ถือปืนไม่ต้องระมัดระวังรับฟังเสียงประชาชนมากเท่า
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ขบวนประชาชนอีสานใหม่จึงขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจในการต่อสู้คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินจังหวัดกระบี่ของเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินให้ประสบผลสำเร็จ ได้รับชัยชนะในเร็ววัน
#เพราะเราคือเพื่อนกัน
ขบวนการอีสานใหม่
21 กรกฎาคม 2558
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)