Skip to main content
sharethis

จากกรณี ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กวิจารณ์เรื่องรูปแบบการรับน้องใหม่ของนักศึกษาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มมส. จนเป็นเหตุให้นิสิตวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ได้โพสต์ตอบโต้และข่มขู่คุกคาม

และเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า ลลิตา กล่าวว่า การแจ้งความดำเนินกับบุคคลที่โพสต์ข้อความข่มขู่เป็นศิษย์เก่าที่จบไปแล้วรวมถึงบทสนทนาต่างๆ ในลักษณะคุกคามทางเพศ หรือโพสต์ภาพโลงศพ อาวุธปืน หรือมีด สัญลักษณ์ที่นำไปสู่การข่มขู่คุกคามตนเอง ตอนนี้ก็มีคนรวบรวมหลักฐานต่างๆ ไว้ให้แล้ว คงต้องขอดูสถานการณ์อีก 1-2 วัน ว่าจะแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ ขอคุยกับทางครอบครัวก่อน

วันนี้(31 ส.ค.58) ผู้สื่อข่าว 'ประชาไท' ได้สอบถามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดย ลลิตา กล่าวว่า อยากให้เรื่องดังกล่าวเงียบลงเรื่อยๆ เพราะได้รับคำแนะนำจากหลายๆ ทางว่าการแจ้งความอาจจะทำให้เรื่องไม่เงียบ อย่างที่เราต้องการ

“ไม่ได้อยากเอาเรื่องกับนิสิตปัจจุบันให้เขาเสียอนาคต แต่ว่าถ้ามันมีการข่มขู่อีกก็อาจจะดำเนินคดี ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะถือว่าเขารู้ตัวแล้ว เขาหยุดแล้ว” ลลิตา กล่าว

ลลิตา กล่าวว่า คนจำนวนมากที่โพสต์ทั้งรูปโลงศพหรืออาวุธขู่นั้น ทราบมาจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ว่าเป็นนิสิตเก่า ซึ่งถ้าหากทางกลุ่มดังกล่าวไม่มีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามอีกก็คิดว่าจะไม่ดำเนินคดีเช่นกัน อยากให้เรื่องจบเร็วที่สุดและเป็นอุทาหรณ์ของสังคมมากกว่า

ต่อความคืบหน้าหลังกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สั่งการให้มีการสอบสวนกรณีนี้นั้น ลลิตา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานหรือทราบว่ามีการสอบสวนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่การขู่เพื่อให้มหาวิทยาลัยจัดการ ซึ่งถือว่ามีผลอย่างมาก เพราะหลังจากนั้นผู้บริหารมหาวิทยาลัยเปลี่ยนท่าที

ส่วนกรณีที่มีพิธีการที่นักศึกษามาขอขมานั้น ลลิตา กล่าวว่า คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นมีคณบดีทั้งคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และรักษาการอธิการ รวมทั้งมีอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ไปเกือบทุกคน แต่ตัวตนเองไม่ได้ไปเพราะติดราชการอยู่ที่พิษณุโลก ซึงตนมองพิธีการดังกล่าวอาจเป็นการทำให้กระแสสังคมลดลงถึงได้จัดขึ้น

นอกจากนี้ ลลิตา กล่าวด้วยว่า วันนี้ (31 ส.ค.58) เข้าไปมหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้าพยายามระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงไม่อยากเจอผู้คนมาก ส่วนเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ไม่ทราบว่าทางมหาวิทยาลัยมีการดำเนินการหรือไม่อย่างไร โดยตอนที่ได้ไปสอนนิสิตชั้นปีที่ 2 ช่วงประมาณบ่ายโมงถึง 6 โมงเย็น พอเข้าห้องไปมีตัวแทนนิสิตลุกขึ้นบอกว่ามีอะไรที่จะกล่าวกับอาจารย์และมีอะไรที่จะให้อาจารย์ แล้วแต่ละคนก็ดึงดอกกุหลาบจากใต้โต๊ะมาให้

ภาพนิสิตให้กำลังใจ 'ลลิตา' ภาพจากเฟซบุ๊กของเธอ

“ตอนนั้นก็รู้สึกทึ่งเหมือนกันที่นิสิตให้กำลังใจและแคร์เรามาก และเขาก็พูดเหมือนกันว่าอยากให้อาจารย์อยู่ต่อ ไม่อยากให้ลาออกหรือเสียกำลังใจ” ลลิตา กล่าวและว่า นอกจากนิสิตชั้นปีที่ 2 แล้ว ยังมีนิสิตชั้นปีที่ 3 เอกประวัติศาสตร์ มารอพบหลังจากเลิกสอนเพื่อเอาดอกไม้มามอบให้จำนวนหลายสิบคน

ลลิตา กล่าวต่อว่า ที่สำคัญนิสิตชั้นปีที่ 3 ได้เอาหลักฐานที่เป็นโพสต์ต่างๆ ในเฟซบุ๊ก ที่ไม่เซนเซอร์ที่เขาช่วยๆ กันแคปเจอร์ไว้ เขาพิมพ์มาประมาณ 60 หน้า แล้วนำใส่แฟ้มมาให้ รวมทั้งมีซีดีที่เป็นเทปบันทึกเสียงวันที่อธิการเรียกพบทุกฝ่ายด้วย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net