อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรฯ ชี้เพนกวิน ม.5 ผู้ชูป้ายตั้งคำถาม ‘ประยุทธ์’ เป็นคนสุภาพนุ่มนวล มุ่งหวังเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยอย่างแท้จริง เจ้าตัวตบเพจ ‘ล้านชื่อต้านคนโกง’ หลังปรากฎรูปกับบก.ลายจุด

จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. มากล่าวปาฐกถาเนื่องในงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2558 ที่บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และเปิดโอกาสให้ผู้ฟังตั้งคำถามโดยกล่าวว่า "มีใครจะถามอะไรไหม" จากนั้น พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักเรียนชั้น ม.5 และเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท เตรียมตั้งคำถามและชูป้ายเขียนข้อความว่า "สอนเด็กไทยไม่ให้โกง ใช้เหตุสร้างจริยธรรม ดีกว่าท่องจำหน้าที่พลเมือง #จากใจนักเรียนถึงลุงตู่"  ทำให้ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตัวนายกรัฐมนตรีควบคุมตัวออกจากห้อง ก่อนถูกส่งมาที่ สน.ปทุมวัน เพื่อทำการซักถามประวัติก่อนปล่อยตัวนั้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)

หลังเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเชิงสนับสนุนการกระทำของ พริษฐ์ และคัดค้านรวมไปถึงการพยายามโยงเข้ากลุ่มก้อนทางการเมือง จนวานนี้(7 ก.ย. 58) พริษฐ์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Parit Chiwarak’ ในลักษณะสาธารณะเพื่อตอบเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘ล้านชื่อต้านคนโกง’ ถึงกรณีเชื่อมโยงกับกลุ่มทางการเมืองผ่านภาพถ่ายร่วมกับ สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โดย พริษฐ์ อธิบายว่า

“รูปนี้ผมถ่ายตอนไปเป็นวิทยากรบรรยายในงานเสวนา "ปัญหาการศึกษาไทยว่าด้วยคุณสมบัติของเด็กดีในแบบเรียนไทย" จัดโดยกลุ่มสภาหน้าโดมอะนะครับ ตอนนั้นผมพูดเรื่อง "อุตสาหกรรมการศึกษา" ว่าด้วยการศึกษาที่เน้นอัดความรู้เชิงปริมาณไม่เน้นคุณภาพ และเน้นกรอบมากกว่าความหลากหลาย เท่าที่สมองน้อย ๆ ของผมจะจำได้ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการเมืองเสื้อสีเลยนะครับ สำหรับผมแล้วความเปิดกว้างทางความคิดสำคัญที่สุดครับ ไม่ว่างานไหนจะจัดโดยใคร ฝ่ายไหน สีอะไร ถ้าหัวข้อมันน่าสนใจ มีประโยชน์ต่อสังคมผมก็รับไปพูดหมดล่ะครับ”

พริษฐ์ ยังโพสต์ด้วยว่า เพื่อไม่ให้โพสต์นี้ดูก้าวร้าวรุนแรงเกินไป ผมใส่สีพาสเทลละกันครับ เพราะว่า #ทุกอย่างดูซอฟลงเมื่อเป็นพาสเทล

เดชรัตน์ ชี้เพนกวินสุภาพนุ่มนวล มุ่งหวังเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยอย่างแท้จริง

เดชรัตน์ สุขกําเนิด อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เขียนถึง พริษฐ์ หรือ เพนกวิน ด้วย ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจส่วนตัว ‘Decharut Sukkumnoed’ ในลักษณะสาธารณะถึงเพนกวินในมุมมองที่ตนรู้จักในฐานะผู้ติววิชาประวัติศาสตร์ให้ลูกสาวตน พร้อมชี้ให้เห็นถึงความน่ารักสุภาพนุ่มนวลและความมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่การเอาชนะคะคานกันแบบที่ผู้ใหญ่อย่างเรานิยมกัน

โดยรายละเอียดดังนี้

“ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลายคนชื่นชมน้องเพนกวิน นักเรียน ม.5 ผู้มีคำถามต่อนายกรัฐมนตรี ผมขอเพิ่มเติมแง่มุมที่ผมรู้จักน้องเพนกวินสักนิดครับ

ผมรู้จักน้องเพนกวินมา 2 ปีกว่าแล้ว แต่ครั้งแรกที่ผมพบน้องเพนกวินนั้นแตกต่างไปจากครั้งแรกที่ผมพบเนติวิทย์ หรือไนซ์ หรือจอน หรือน้องคนอื่นๆ ในกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ซึ่งผมมักจะพบน้องๆ ครั้งแรกในงานเสวนาหรือกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ แต่ผมพบเพนกวินครั้งแรกในตอนเรียนพิเศษครับ

ครั้งนั้น เป็นช่วงเวลาปิดภาคฤดูร้อน กระติ๊บลูกสาวผมขอไปเรียนพิเศษภาษาจีนและภาษาอังกฤษที่ ม.เกษตรศาสตร์ ผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นผู้ทำงานแล้ว กระติ๊บเล่าว่ามีนักเรียนมัธยมไม่กี่คน วันหนึ่งกระติ๊บขออนุญาตอยู่ติวพิเศษวิชาประวัติศาสตร์ต่อกับนักเรียนมัธยมรุ่นพี่ ผมงงนิดหน่อย เพราะธรรมดา ผมก็สอนประวัติศาสตร์ให้ลูกๆ อยู่แล้ว แต่กระติ๊บบอกว่า พี่สามารถเล่าประวัติศาสตร์ในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ได้ละเอียดกว่าผมอีก ผมก็เลยโอเค

พอผมไปรับ ผมเลยเจอเพนกวินเป็นครั้งแรก ผมไปก่อนเวลานัดหมาย ผมจึงได้นั่งฟังพี่เพนกวินติวน้องกระติ๊บ ต้องยอมรับว่าเพนกวินมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ดีมาก สามารถเล่าได้ละเอียดกว่าผมจริงๆ วันนั้น กระติ๊บตั้งใจฟังอย่างมาก (โดยไม่เกี่ยวกับการสอบ เพราะเป็นช่วงปิดเทอม) นับว่าเป็นโชคดีของกระติ๊บที่ได้เรียนประวัติศาสตร์แถมฟรีจากภาษาจีนและอังกฤษ

ผมไม่ได้เจอเพนกวินอีกนาน จนภายหลัง ไปส่งกระติ๊บในงานของกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท จึงทราบว่า เพนกวินมาทำหน้าที่เป็นเลขาธิการของกลุ่มฯ แล้ว หลังจากเพนกวินมาทำหน้าที่ เพนกวินและเพื่อนๆ รวมถึงกระติ๊บได้จัดติวภาษาจีนให้น้องๆ ในช่วงปิดเทอมด้วย

ล่าสุด เพนกวิน กระติ๊บ และเพื่อนๆ จัดงานเสวนา “ประชาธิปไตยในโรงเรียน” ปรากฏว่า ทั้งเพนกวินและกระติ๊บต้องไปขออนุญาตกับพี่ทหาร/ตำรวจฝ่ายความมั่นคงหลายครั้ง จนสามารถจัดได้ในที่สุด และเมื่อจัดงานเสร็จ พี่ทหารและตำรวจก็บอกว่า น้องๆ กลุ่มนี้น่ารักมาก มีความสุภาพนุ่มนวล และมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยอย่างแท้จริง

ที่เล่ามาทั้งหมด ผมแค่ไม่อยากให้ผู้ใหญ่บางคน เอากรอบความคิดทางการเมืองไปครอบความคิดและความตั้งใจของเด็กๆ ผมยืนยันว่า เกือบสามปีที่ผมรู้จักเด็กๆ กลุ่มนี้มา เด็กๆ กลุ่มนี้ ต้องการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนการศึกษาไทย ให้ก้าวเข้าไปสู่การเปิดกว้างทางความคิดสำหรับเด็กไทยทุกๆ คน ไม่ใช่การเอาชนะคะคานกันแบบที่ผู้ใหญ่อย่างเรานิยมกัน และด้วยความรู้และความตั้งใจที่พวกเขามี ผมอยากเห็นพวกเขาทำงานนี้ให้สำเร็จครับ”