Skip to main content
sharethis

22 ก.ย. 2558 สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้แข่งขันกับต่างประเทศ และการจูงใจนักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศเมื่อรัฐบาลต้องการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมมาร่วมกับแบบกลุ่มอุตสาหกรรม (คลัสเตอร์) เพื่อพึ่งพากันแบบห่วงโซ่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันทั้งกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบจนถึงขั้นปลาย เพื่อหวังใช้เทคโยโลยี นวัตกรรม วิทยาการ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า อีกทั้งรัฐบาลต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งท่าเรือ สนามบิน ระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ดังกล่าวให้มีความพร้อม ทั้งให้สิทธิพิเศษการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของต่างชาติในเขตได้รับการส่งเสริมบีโอไอ การสร้างแรงจูงใจนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศที่มีความเก่งเป็นกรณีพิเศษในการวิจัยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะรัฐบาลต้องการบุคคลเหล่านี้มาช่วยพัฒนาประเทศ

อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ครม.เห็นชอบนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ใน 2 กลุ่มพื้นที่ซุปเปอร์คลัสเตอร์สำหรับการประกอบกิจการใน 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครราชสีมา เชียงใหม่ ภูเก็ต เพื่อพัฒนาคลัสเตอร์ยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ กลุ่มดิจิตอล กลุ่มอาหาร และบริการสุขภาพ ด้วยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และลดหย่อนอีกร้อยละ 50 เพิ่มอีก 5 ปี ส่วนกิจการที่มีศักยภาพในอนาคตและมีความสำคัญอย่างมากกระทรวงการคลังจะพิจารณายกเว้นภาษี 10-15 ปี การยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาระดับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ โดยให้ถิ่นที่อยู่ถาวรสามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในเขตได้รับการส่งเสริมบีโอไอ จึงต้องทำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามเพิ่มเติมใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า นอกจากนี้ ยังส่งเสริมคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ในการแปรรูปผักผลไม้ ยางพารา อ้อย ข้าวโพด สัปปะรด ในพื้นที่ต่างๆ การปรับปรุงพันธุ์พืช สัตว์ สารสกัดจากผลิตภัณฑ์พืช อาหารทางการแพทย์ การเก็บรักษาผลไม้ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง รวมทั้งอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เพื่อพัฒนาเส้นใย ด้ายผ้า ฟอกย้อม การพัฒนาวิจัย โดยให้ยื่นคำขอภายในสิ้นปี 2559 และต้องเริ่มดำเนินการในสิ้นปี 2560 เพื่อเร่งรัดให้เกิดการลงทุนโดยเร็ว

เดินหน้าส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล

อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า เพื่อส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีศักยภาพในการแข่งขันและชาวบ้านในชุมชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ที่ประชุม ครม.จึงปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณสำหรับจัดซื้อแท็บเล็ตให้กับนักเรียนวงเงิน 3,755 ล้านบาท เพื่อปรับมาใช้ในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีด้วยการปรับแนวทางการใช้งบประมาณ เช่น การส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และชาวบ้านในชุมชนเข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ต การเรียนรู้ตลาดสินค้าออนไลน์ จึงเปลี่ยนชื่อจากศูนย์การเรียนรู้ชุมชนมาเป็นศูนย์เศรษฐกิจดิจิตอล โดยมีสถาบันการศึกษาในพื้นที่เข้าช่วยเหลือ การให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอสเอ็มอีได้ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วยกัน เพื่อประหยัดต้นทุน การพัฒนาเมืองสมาร์ทดิจิตอล เช่น พัฒนาเมืองเชียงใหม่ ภูเก็ต ให้เป็นต้นแบบสมาร์ทซิตี้ การใช้เทคโนโลยียกระดับคุณภาพการศึกษา การใช้ระบบ E-Gverment เพื่อปรับปรุงระบบบริการภาครัฐ เพื่อให้มีฐานข้อมูลบูรณาการเชื่อมโยงร่วมกันและการพัฒนาด้านบุคลากร เพราะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายให้ประสบความสำเร็จ โดยรัฐบาลต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีให้มีความพร้อม

 

ที่มา สำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net