Skip to main content
sharethis

หลังจากเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติเอกฉันท์ลงโทษทางวินัยโดยให้ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ออกจากราชการ จากกรณีจดหมายน้อยสนับสนุนตำรวจของ ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการศาลปกครอง (อ่านรายละเอียด)

ล่าสุด สำนักข่าวไทย รายงานว่า วันนี้(25 ก.ย.58) ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการฯ หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด แถลงไม่ยอมรับมติดังกล่าว โดยยืนยันไม่ได้ทำความผิด เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนมีมติว่าตนไม่ผิด  แต่ก.ศป. กลับเชื่อกรรมการเสียงข้างน้อย โดยอ้างว่าตนมีส่วนรับรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยไม่มีพยานหลักฐานอ้างอิง  เพราะมีการระบุในเอกสารชัดเจนว่าแม้ไม่มีพยานหลักฐานว่ามีการมอบหมายให้ ดิเรกฤทธิ์ดำเนินการ แต่ลงโทษดิเรกฤทธิ์สถานเบา จึงเชื่อว่าตนมีส่วนรับรู้ในเรื่องนี้ ทั้งที่ตนไม่ได้เป็นผู้ลงโทษ อีกทั้งในการบันทึกปากคำไม่มีการพาดพิงหรือปรักปรำตน ขอยืนยันว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและหลังจากทราบเรื่องจากสื่อมวลชนก็มีการดำเนินการตามขั้นตอนทางราชการในการสอบข้อเท็จจริง

“มติ ก.ศป.เป็นการมโนเอาเอง คือ จะเอาผิดผม จึงขอเรียกร้องให้ ก.ศป.ออกมาแถลงเหตุผลที่ชัดเจนและหลักฐานข้อเท็จจริงอย่างชัดเจนปราศจากข้อสงสัยใด ๆ ในการลงโทษผม หากไม่ดำเนินการจะกระทบต่อความแน่นอนของรัฐที่ใช้กฎหมายเป็นหลักพื้นฐานของการปกครองบ้านเมืองอย่างรุนแรง  แม้แต่ผมเป็นประธานศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งหมดความหวังกับองค์กรนี้แล้ว” หัสวุฒิ กล่าว

ส่วนจะมีการใช้สิทธิทางกฎหมายอย่างไรนั้น หัสวุฒิ กล่าวว่า ขอให้สื่อมวลชนช่วยด้วย เพราะในคำสั่งดังกล่าวให้ฟ้องศาลปกครอง แต่ตนหมดความเชื่อถือในองค์กรนี้แล้ว ถ้าฟ้องก็คงไม่ปกติแล้ว เพราะไม่เชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรนี้อีกแล้ว จึงเหมือนมืดแปดด้านไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป ถ้าอุทธรณ์แล้วตัดสินว่าผิด สุดท้ายก็เท่ากับเป็นการย้ำอีกว่าการพิจารณาของ ก.ศป. ถูกต้อง และยังไม่ได้คิดเรื่องยื่นฎีกา รวมทั้งไม่คิดจะขอให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หวังว่าถ้าสื่อช่วยนำเสนอข่าวนี้ว่าเป็นเรื่องของบ้านเมือง ตนพร้อมที่จะไปสนทนาในรายการทีวีทุกรายการเพื่อชี้แจงเรื่องนี้

“ศาลปกครองเป็นของคนไทยทั้งประเทศ ถ้าคนในสังคมทราบข้อเท็จจริงแล้วยังยอมรับให้เป็นอย่างนี้ ที่ผ่านมาผมทำงานเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินมีแต่หนี้สิน เพิ่งซื้อบ้านตอนอายุ 65 ปี กู้ธนาคาร  10 ล้าน ผ่อน 30 ปี พึ่งผ่อนได้ปีเศษ หากตายก็หวังให้ภรรยาอยู่กับลูก แต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเงินที่ได้จากสินบนทั้งที่กู้จากธนาคาร สังคมไม่เป็นธรรมกับผมเท่าไหร่ และมีการเสนอสำนักนายกฯ ให้โปรดเกล้าฯ ให้ปลดผมแล้ว” หัสวุฒิ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net