Skip to main content
sharethis

สำรวจกระแสข่าวลือและการชี้แจงก่อนหน้า ถึงล่าสุด รมว.ยุติธรรมเผย 'หมอหยอง' เสียชีวิต และแจ้งจับร่วม ‘พ.อ.คชาชาต’ เอี่ยวคดีผิด ม.112 แอบอ้างรีดซีพี-คิงเพาเวอร์ พร้อมพบความผิดปกติในการสร้างอุทยานราชภักดิ์  ด้าน ‘พอ.อ.ประวิตร’ ชี้เรื่องส่วนบุคคล

ภาพนายสุริยันต์ สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ถูกนำตัวมาขออนุญาตศาลทหารฝาก เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา

9 พ.ย. 2558 มติชนออนไลน์, Voice TV และโพสต์ทูเดย์ รายงานตรงกันว่า วันนี้(9 พ.ย.58) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แถลงถึงกระแสข่าวว่านายสุริยันต์ สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารบกที่ 11 ถนนนครไชยศรี ได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากมีอาการป่วยและติดเชื้อในกระแสเลือด ถูกนำส่งรักษาอาการในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 6 พ.ย. เวลา 22.00 น. ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ได้ประสานญาติเข้ารับศพแล้ว

Nation TV รายงานด้วยว่า กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมาญาติได้ติดต่อขอรับศพนายสุริยัน  จากทัณฑสถานโรงพยาบาลแล้ว  โดยญาติไม่ติดใจถึงสาเหตุการเสียชีวิต จึงนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา 

กระแสข่าวลือและการชี้แจงก่อนหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาคดีเดียวก่อนนี้ มีกระแสข่าวการเสียชีวิตของนายสุริยันต์ อยู่ตลอด จนวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา เดลินิวส์ รายงานว่า พล.อ.ไพบูลย์ ตนยังไม่ได้รับรายงาน เช้าวันนี้มีประชุมประจำเดือน อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะมารายงาน เพราะมีลือเรื่องนี้มาตั้งแต่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรมก็ชี้แจงไปแล้ว แต่เช้านี้ก็ยังมีข่าวลืออีก แต่ยังไม่ได้รับรายงาน วันเดียวกัน(26 ต.ค.58) เดลินิวส์ ยังรายงานด้วยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า จากการรับฟังข่าวสารทราบว่านายสุริยันยังดีอยู่ ไม่มีอะไร ตอนนี้อาจจะมีอาการป่วยเล็กน้อย ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รายงานอะไรขึ้นมา พร้อมทั้งยืนยันว่าการที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล และมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งมีกฎหมายดูแลอยู่แล้ว ตนคงไม่ต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษ ทุกคนต่างก็ทราบอยู่ ทั้งนี้ตนไม่อยากให้พูดเรื่องนี้กัน เพราะเกรงว่าจะมีการนำไปขยายความจนทำให้เกิดเรื่องได้

แจ้งจับร่วมทีมหมอหยอง ‘พ.อ.คชาชาต’ ผิดคดีม.112 แอบอ้างรีดซีพี-คิงเพาเวอร์

Voice TVรายงาน โดยอ้างจากจากแหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ ไทยรัฐออนไลน์, ข่าวสดออนไลน์ และ เดลินิวส์ รายงานโดยอ้างถึงรายงานจากแหล่งข่าวในชุดคลี่คลายคดีนี้ ซึ่งทั้งหมดรายงานตรงกันว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมาทาง พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช. ร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุริยัน หรือ "หมอหยอง" และพวกเพิ่มเติมอีก 2 คดี ประกอบด้วยเลขคดี 113/2558 กล่าวโทษนายสุริยัน, นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ พ.อ.คชาชาต หรือโจ้ บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 (ฝสธ.ทภ.3) กระทำความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง

โดย ไทยรัฐออนไลน์, ข่าวสดออนไลน์ และ เดลินิวส์ รายงานรายละเอียดของคดีว่า ทั้งหมดมีพฤติการณ์แอบอ้างเบื้องสูง ดำเนินการในกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิดที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.กับที่ บ.ซีพีออล์ จก. (มหาชน) แขวงสีลม เขตบางรัก เมื่อปลายเดือน พ.ค.-6 ส.ค.58 และเลขคดีที่ 114/2558 กรณีผู้ต้องหากลุ่มเดิมแอบอ้างเบื้องสูง เพื่อดำเนินการกิจกรรมสำคัญที่อยู่ระหว่างการเตรียมการ เหตุเกิดที่ บ.คิง เพาเวอร์ จก. ซอยรางน้ำ แขวงพญาไท เขตราชเทวี กทม.เมื่อวันที่ 20 ก.ย.58

มีรายงานว่า ก่อนช่วงจัดกิจกรรมสำคัญในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้สนับสนุนนำเสื้อยืดกิจกรรมมาส่งที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง มีนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ.เกณฑ์ทหารมาแพ็กเสื้อยืดจำนวนหลายหมื่นตัวภายในค่ายทหาร เหตุที่ใช้สถานที่ดังกล่าวเพราะ พล.ต.ผู้เกี่ยวข้องมีตำแหน่งสูงสุดในค่ายทหารแห่งนี้ แนวทางการสืบสวนยังพบอีกว่าเสื้อที่ใช้ในกิจกรรมสำคัญครั้งนั้นมีต้นทุนการผลิตเพียงตัวละ 140 บาท แต่กลับมีการแจ้งราคาต้นทุนการผลิตเป็นตัวละ 280 บาท ให้กับภาคเอกชนผู้สนับสนุนรับทราบ ทั้งหมดอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ด้านการตรวจสอบความคืบหน้ากรณีการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นั้น พบว่านอกจากพบความผิดปกติการก่อสร้างรูปปั้นทั้ง 7 พระองค์แล้ว ยังพบพฤติกรรมส่อในเจตนาทุจริตนำต้นปาล์มในราคาที่สูงเกินจริงมาปลูก แต่ละต้นมีราคาสูงถึง 1 แสนบาท รวมทั้งวันเปิดตัวอุทยานฯในงาน “ราชภักดิ์ ไบค์ แอนด์ คอนเสิร์ต” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.ย. มีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนในราคา 5 แสนบาทต่อหัว หากเป็นโต๊ะวีไอพี จะมีราคาสูงถึง 1 ล้านบาทต่อหัวด้วย

ความผิดปกติในการสร้างอุทยานราชภักดิ์

ทั้งไทยรัฐออนไลน์, ข่าวสดออนไลน์ และ เดลินิวส์ ยังรายงานอีกว่า นอกจากนี้ชุดสืบสวนสอบสวนในคดี ยังพบความผิดปกติในการสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพิ่มเติมในประเด็นการจัดสร้างรูปหล่อ อาทิ พระรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 มี บ.พุทธปฏิมาพรหมรังสี ตั้งอยู่เลขที่ 52/25 ถนนพุทธมณฑลสาย3 เขตทวีวัฒนา กทม.ดำเนินการ สอบปากคำนางรุ่งทิพย์ ทองศรี เจ้าของบริษัททราบว่า มีเซียนพระชื่อดังตัวย่อ อ. เป็นผู้ติดต่อ ตกลงราคาที่ 43 ล้านบาท กรมกิจการพลเรือน ทบ.แบ่งจ่ายค่าจ้างรวม 5 งวด เซียนพระรายนี้ได้ค่านายหน้าประมาณ 4.7 ล้านบาท

พระรูปหล่อพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พบผู้จัดสร้างรูปหล่อคือ บ.ช.ประติมากรรม อินดัสตรี เลขที่ 30/3 หมู่ 6 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม มีนายชำนาญ ประติมากรรม เป็นเจ้าของ ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า เซียนพระรายเดิมเป็นคนติดต่อให้รับงาน ในราคา 43 ล้านบาท กรมกิจการพลเรือน ทบ. แบ่งจ่ายค่าจ้างรวม 5 งวด รวมทั้งพานพุ่ม 10.8 ล้านบาท เซียนพระรายนี้ได้ค่าติดต่อประมาณร้อยละ 10 ครั้งนี้ พ.อ.คชาชาต ขอเงินช่วยเหลือ 3 แสนบาท

พระรูปหล่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มี บ.ร็อคลา ฟายน์ อาร์ท จก.เลขที่ 143 หมู่ 12 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี มี น.ส.กมลนันท์ สังเกต เป็นผู้รับจัดสร้าง ในราคา 45.5 ล้านบาท เซียนพระได้ค่าติดต่อร้อยละ 10 กรมกิจการพลเรือน ทบ.ผู้ว่าจ้างแบ่งจ่าย 5 งวด

พระรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มี หจก.ประติมา ฟายน์ อาร์ท เลขที่ 89 หมู่ 12 ถนนกาญจนาภิเษก กม.58 ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี มีนายเอนก หงษมณี เป็นผู้จัดสร้างในราคา 44 ล้านบาท เซียนพระหักค่าติดต่อร้อยละ 10 ส่วนพระรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เป็นของ บ.เอเซีย ฟายน์อาร์ท เลขที่ 59/1 ต.บ้านม้า อ.บางประหัน จ.พระนครศรีอยุธยา การสร้างรูปหล่อทั้ง 2 องค์นี้ ไม่พบเซียนพระคนดังกล่าวเข้าไปยุ่งเกี่ยว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะเรียกตัวเซียนพระคนดังกล่าวมาสอบสวนขยายผลว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องกับการหักเงินค่านายหน้า

‘ประวิตร’ ชี้เรื่องส่วนบุคคล

วันนี้(9 พ.ย.58) คมชัดลึกออนไลน์ และเดลินิวส์ รายงาน พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “ก่อนหน้านั้นไม่มีหมายจับที่พัวพันกับนายทหาร ผมจึงไม่ได้ปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าไม่มีนายทหารเกี่ยวข้อง สื่อจะมาว่าผมไม่ได้ และใช้คำพูดแบบนี้ไม่ได้ พูดแบบนี้ก็แย่สิ มาหาว่าผมปฏิเสธ ก็ผมไม่รู้นี่ เพราะตอนนี้เขาเพิ่งออกมา”

เมื่อถามว่า การมีข่าวเช่นนี้ออกมาจะส่งผลต่อกองทัพหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “จะมีผลอะไร คนมันหนีไปแล้ว แล้วจะให้ผมทำอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล ผมย้ำไปแล้วว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล” ต่อข้อถามว่า จะมีการจับกุมนายทหารแค่รายนี้รายเดียวหรือไม่นั้น ขณะนี้มีเพียงรายเดียว ยังไม่ขอตอบว่าจะมีอีกหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนต่อไป และรอผลสอบสวนจากเจ้าหน้าที่

เมื่อถามย้ำว่า จะเชื่อมโยงกับกรณีของการส่อทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ ว่ามันจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร ถ้าจะเกี่ยว จะเกี่ยวข้องด้วยเรื่องอะไร ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่สืบสวนต่อไปว่ามีใครเกี่ยวข้องด้วยบ้าง

โฆษก ทบ. แจง สตช.ยังไม่มีข้อมูลทหาร 'พล.ต.-พ.อ.' พาดพิงคดีหมิ่น-โยงอุทยานราชภักดิ์

สำหรับความเกี่ยวข้องของนายทหารระดับสูง ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวอีกเช่นกัน แต่เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา  เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีบางสื่ออ้างแหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถึงการสืบสวนแกะรอยคดีแอบอ้างสถาบันหาประโยชน์จากผู้ต้องหาที่นำโดย นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ พบความเกี่ยวข้องกับมีนายทหารยศ พล.ต. และ พ.อ. เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ทั้งในส่วนของการหล่อองค์พระรูปฯ ทั้ง 7 พระองค์ และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานนั้น ล่าสุดทาง สตช.ยังไม่มีข้อมูลลักษณะดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนก่อสร้าง เพราะเป็นการดำเนินโครงการเป็นในลักษณะของระบบงานราชการ 100% เป็นที่เปิดเผยในทุกขั้นตอน จึงเป็นไปได้ยากมากที่จะมีบุคคลใด ๆ จะเข้าไปทำให้เกิดข้อกังวลสงสัย แต่สำหรับกิจกรรมเสริมพิเศษ เช่นการปั่นจักรยาน.หรือการจัดแสดงดนตรี.เพื่อประชาสัมพันธ์ เป็นการดำเนินการในลักษณะผสมจึงอาจมีงานบางส่วนที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาร่วม แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลผู้ต้องหาคนดังกล่าวเข้ามามีส่วนในการจัดการอะไรในส่วนนี้.  สำหรับนายทหารที่สื่อพาดพิงถึง เนื่องจากสังกัดกองทัพบกและอาจเป็นผู้ประสานกิจกรรมย่อยต่างๆ เหล่านี้ ส่วนในช่วงที่ประสานงาน  จะมีข้อบกพร่องใดๆ หรือไม่. ซึ่งถ้าเกิดข้อสงสัยและได้รับการประสานมาก็สามารถร่วมกันตรวจสอบหาข้อเท็จจริงได้             

ผู้สื่อข่าวกรุงเทพธุรกิจถามว่า หากไม่เกี่ยวทำไมนายพลต้องลาออก หรือพันเอกต้องหนีออกนอกประเทศ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบ และจะชี้แจงเฉพาะข้อมูลที่เป็นทางการแล้วเท่านั้น

ประยุทธ์ขออย่าคุ้ยปมนายทหารเอี่ยวคดี ม.112 ชี้ทุกคนมีลูกน้อง-รู้จักกันหมด

และเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา  เดลินิวส์ASTVผู้จัดการออนไลน์ และกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานตรงกันว่า ที่สโมสรทหารบก วิภาวดีฯ เมื่อเลา 14.15 น. วันนี้ (4 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีข่าวว่ามีนายทหารยศพลตรี และพันเอก เกี่ยวข้องกับคดีผิดมาตรา 112 ว่า “กำลังดำเนินการสอบสวน ให้ไปถาม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ถ้าผิดก็สอบไป” จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางกลับทันที ขณะที่วันต่อมา (5 พ.ย.58) พล.อ.ประยุทธ์ ยังเรียกร้องต่อสื่อถามคดีนายทหารเกี่ยวข้อกับความผิดดังกล่าวให้สร้างสรรค์  เนื่องจากทุกคนมีลูกน้องและรู้จักกันหมด พร้อมชี้แจงด้วยว่าไม่มีหลักฐานอย่าบอกว่าใครผิด (ดู)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net