Skip to main content
sharethis

14 พ.ย. 2558 หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายโจมตีเป้าหมายพลเรือนหลายแห่งในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมีการยิงใส่ร้านอาหารเขมรและบาร์ซึ่งมีคนพลุกพล่าน จับผู้ชมในโรงละครเป็นตัวประกัน และวางระเบิดที่สนามฟุตบอลระหว่างแมตซ์ฝรั่งเศส-เยอรมัน โดยล่าสุดประธานาธิบดีฝรั่งเศสประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว (อ่านรายละเอียด)

จากนั้นเมื่อช่วงสายของวันนี้ สถานีข่าวโทรทัศน์ TNN24 ได้สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์กับ ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย ปณิธาน มองว่าประเด็นแรกฝรั่งเศสคงจะต้องปรับปรุงแก้ไขมาตรการในการเฝ้าระวังป้องกันมากกว่านี้ เท่าที่ผ่านมาก็ไม่ประสบความสำเร็จ เข้าใจว่ามีการแจ้งเตือนมีการเฝ้าระวังอยู่แล้วตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ยังเกิดเหตุร้ายค่อนข้างรุนแรงมากอย่างที่เกิดขึ้น

สถานีข่าวโทรทัศน์ TNN24 สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์กับ ปณิธาน นาทีที่ 6.00 เป็นต้นไป

“เพราะฉะนั้นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาคงต้องทำอย่างจริงจังนะครับ ในขณะเดียวกันผมคิดว่าการประสานงานกับหน่วยงานนานาชาตินะครับ ในการดูแลปัญหาเรื่องเหล่านี้ เท่าที่ผ่านมาก็ทำได้ไม่มากนะครับในประเทศยุโรปตะวันตกเอง เป็นประเทศเปิดนะครับ มีผู้คนเข้าออกจำนวนมากและก็แต่ละประเทศก็มีเงื่อนไขภายในประเทศเป็นประชาธิปไตย ประชาชนก็ต้องการอิสระในการสื่อสาร หลายประเทศเหล่านี้คนของเขาเองเปลี่ยนความคิดเป็นกลุ่มหัวรุนแรงมากเป็นจำนวนร้อยๆ คน และเชื่อมโยงกันในพื้นที่ที่มีความรุนแรงในหลายภูมิภาค และทำให้คนเหล่านี้กลายมาเป็นเขาเรียกว่าเซลหรือว่ากลายมาเป็นกลุ่มก่อนการร้ายที่อยู่ในประเทศแล้วก็ไม่มีประวัติอะไรที่ชัดเจน แล้วสามารถที่จะสื่อสารและออกมาก่อการร้ายในลักษณะแบบนี้ได้มากขึ้นเป็นระยะๆ นี่เป็นปัญหาภายในและก็เป็นปัญหาที่อาจจะไปเกี่ยวข้องกับจุดยืนทางการเมือง จุดยืนเรื่องนโยบายต่างประเทศ ทั้งหมดเหล่านี้ก็มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวต่อคนจำนวนมากที่ไปเที่ยวไปเยือนฝรั่งเศส แล้วก็หลายประเทศก็เป็นกังวลกำลังหาทางแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้กันอยู่” ปณิธาน กล่าว

“ผมคิดว่าเขาใช้จุดแข็งนะครับ เปลี่ยนแปลงมาเป็นจุดอ่อนนะครับ ก็คือจุดแข็งในเรื่องของการสื่อสารในเรื่องของสังคมที่เปิด เมืองที่เปิดนะครับ และคนที่อาจจะมีศักยภาพแต่ว่าอาจจะมองเห็นประเด็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน แล้วก็หันไปร่วมมือกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลตัวเองนะครับ สู่กลุ่มต่อต้านอุดมการณ์แบบตะวันตก เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยากนะครับ ในการที่จะแก้ไขในระยะสั้น ในหลายประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ มีการประชุมกันเพื่อที่จะหาทางออกในเรื่องเหล่านี้ เนื่องจากว่าประชาชนของตัวเองซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศต่างๆ เป็นเวลานาน บางกรณีก็อพยพเข้าไปในหลายชั่วอายุคน บางกรณีก็เป็นคนที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้นดั้งเดิมได้หันมาสื่อสารกับกลุ่มคนที่หัวรุนแรงในหลายภูมิภาคและได้นำเอาความคิดเหล่านี้เข้าไปปฏิบัติงานต่อต้านประเทศตนเอง เรื่องเหล่านี้ก็กลายเป็นปัญหาสำคัญ แล้วก็การสื่อสารสมัยใหม่ก็เป็นประโยชน์นะครับ ในขณะเดียวกันก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือแล้วก็การเตรียมการเหล่านี้เห็นได้ชัดเจนว่าใช้เวลาพอสมควรมีเครือข่าย แล้วก็การเข้าไปรองรับสถานการณ์ของหน่วยงานฝรั่งเศสเฉพาะหน่วยงานต่อต้านก่อการร้ายจริงๆ ก็รวดเร็ว นะครับ แสดงว่าเขาก็พอรู้ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น การปิดพรมแดน การประกาศภาวะฉุกเฉินก็ทำได้ดี ที่ผ่านมาก็จับกุมได้พอสมควร แต่ก็ยังไม่ทันต่อการป้องกันเหตุร้าย” ปณิธาน กล่าวถึงรูปแบบการก่อการร้ายรูปแบบใหม่และมีการใช้มากขึ้น

สำหรับประเด็นผู้อพยพในยุโรปนั้น ปณิธาน มองว่าจะมีการถกเถียงกันมากขึ้นในเรื่องความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ศาสนาในทวีปยุโรป โดยที่ประเด็นนี้อาจจะไม่ใช่สาเหตุสำคัญสาเหตุเดียวหรือว่าอาจจะไม่ใช่สาเหตุหลักด้วยซ้ำ

“ถ้าเรามองว่ากลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้อยู่ในประเทศเหล่านี้มานานในหลายกรณีก็เป็นประชาชนคนผิวขาวนะครับ และก็ไม่ได้มีความแตกต่างในเรื่องศาสนาในเรื่องภาษา แต่ว่าอุดมการณ์ความรุนแรงถูกเปลี่ยนไปจากการสื่อสารในระบบอินเตอร์เน็ต จะเป็นคนที่มีการศึกษาสูง อาจจะโดเดี่ยวนะครับ และอาจจะเห็นต่างจากรัฐบาลตัวเองในแง่ของนโยบายหลายอย่างนะครับ แต่ในขณะเดียวกันความรุนแรงในพื้นที่อื่นๆ ในทวีปอื่นๆ และในเรื่องของชาติพันธุ์ในเรื่องของศาสนาก็จะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ให้มีการถกเถียงกัน แต่ว่าในชั้นนี้การหลีกเลี่ยงระมัดระวังไม่ไปพาดพิงนะครับ กลุ่มเหล่านี้ก็จะเป็นเรื่องที่หลายกลุ่มรณรงค์กันอยู่ครับ” ปณิธาน กล่าว

ต่อกรณีการดูแลเฝ้าระวังของประเทศอื่นๆ และประเทศไทยนั้น ปณิธาน กล่าวว่า หลายประเทศได้ทำไปแล้ว แล้วก็ได้ประสานงานกันตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเกิดเหตุร้าย เช่นเดียวกันประเทศไทย ศูนย์เฝ้าระวังที่กระทรวงกลาโหมนั้น ตั้งแต่เช้ามีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ระมัดระวังดูแลความปลอดภัยของประชาชน รองนายกรัฐมาตรีฝ่ายความมั่นคงได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นกรณีพิเศษในเรื่องของการเข้าออก เรื่องของการตรวจคนเข้าเมือง แต่ในชั้นนี้ไม่ได้มีสิ่งบอกเหตุอะไรที่ประเทศไทยไปเกี่ยวข้องด้วย  ซึ่งเราทำการเฝ้าระวังตามปกติ

ต่อกรณีที่ผู้ประกาศข่าวถามถึงมาตรการตรวจสอบการใช้สื่อของไทยนั้น ปณิธาน กล่าวว่า“ก็ต้องยอมรับนะครับว่ายังมีข้อจำกัดนะครับ ทำได้ยากแล้วก็เนื่องจากโครงสร้างของเราในการดูแลเรื่องเหล่านี้ก็ยังไม่ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมากนัก ในขณะเดียวกันประชาชนก็ชอบ อิสระและก็ไม่ต้องการให้เข้าไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เรื่องเหล่านี้ก็คงต้องมีการถกเถียงแล้วก็ต้องมีการวางกรอบกติกาและขั้นตอนกระบวนการในการดำเนินการใหม่นะครับ ซึ่งขณะนี้เราจะเห็นว่าบ้านเมืองของเราในประเทศของเรากำลังถกเถียงกันเรื่องนี้อยู่นะครับ ตราบใดที่ไม่สามารถควบคุมการสื่อสารเหล่านี้ได้โดยเฉพาะในประเทศตะวันตก เขาก็จะใช้เครื่องมือเหล่านี้ย้อนกลับมาเพื่อเปลี่ยนแปลงแนวความคิดของกลุ่มคนบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นประชาชนท้องถิ่นอยู่แล้วนะครับ แล้วก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในหลายๆ ประเทศ ได้มีการถกเถียงได้มีการพูดคุยกันมาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปลายปีที่แล้วมีการคาดการณ์ว่าจะมีกลุ่มเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net