17 พ.ย. ที่ผ่านมา ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัททั่วประเทศเดือน ต.ค.2558 มีจำนวน 5,231 ราย ลดลง 3% เมื่อเทียบกับ ต.ค.2557 และลดลง 1% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.2558 ที่ผ่านมา มีเงินทุนจดทะเบียนจัดตั้ง 2.10 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดการจดทะเบียนจัดตั้งช่วง 10 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-ต.ค.) มีจำนวน 5.23 หมื่นราย เพิ่มขึ้น 1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา

“เชื่อว่ายอดการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั้งปีจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 6 หมื่นราย เพราะ 10 เดือนทำได้แล้ว 5.23 หมื่นราย โดยหากในช่วง 2 เดือน ได้เพิ่มอีกเดือนละ 4,000 รายขึ้นไป ก็จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เพราะช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ไม่ค่อยมีคนมาจดตั้งใหม่ เพราะจดแล้วต้องส่งงบการเงินทันที ก็เลยเลื่อนไปจดช่วงเดือนม.ค.แทน” ผ่องพรรณ กล่าว

ส่วนยอดการเลิกกิจการเดือนต.ค.2558 มีจำนวน 2,187 ราย เพิ่มขึ้น 33% เทียบกับเดือนต.ค.2557 และเพิ่มขึ้น 16% เทียบกับเดือนก.ย.2558 มีเงินทุนจดทะเบียนเลิก 5,581 ล้านบาท ส่งผลให้การจดทะเบียนเลิกช่วง 10 เดือน มีจำนวน 1.40 หมื่นราย เพิ่มขึ้น 19% โดยยอดเลิกในเดือนต.ค.เป็นการเลิกของธุรกิจค้าสลาก 447 ราย เป็นผลมาจากมาตรการคุมเข้มการจดทะเบียนธุรกิจค้าสลากและการยกเลิกโควตาของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ผ่องพรรณ กล่าวว่า ในปี 2559 กรมฯ คาดว่ายอดการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ จะไม่ต่ำกว่า 6.5 หมื่นราย โดยมีผลดีจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ของรัฐบาล ที่ช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังดำเนินการออกมา และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งล้วนแต่ส่งผลดีทำให้มีการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตาม คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบ ราคาสินค้าเกษตร การส่งออก ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และภัยธรรมชาติ ที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศและส่งผลต่อการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในภาพรวม

ปัจจุบัน ณ วันที่ 31 ต.ค.2558 มีห้างหุ้นส่วนบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งทั้งสิ้น 1.28 ล้านราย มูลค่าจดทะเบียนรวม 19.59 ล้านล้านบาท มีห้างหุ้นส่วนบริษัทที่ดำเนินกิจการทั่วประเทศจำนวน 6.18 แสนราย แบ่งเป็น บริษัทจำกัด 4.37 แสนราย บริษัทมหาชน 1,109 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 1.79 แสนราย

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, MGR Online และโพสต์ทูเดย์