Skip to main content
sharethis
กลุ่มเครือข่ายนักศิลปวรรณกรรมและนักวิชาการภาคใต้ ออกแถลงการณ์ ยุติการคุกคาม กวี ’รูญ ระโนด และนักวิชาการปัญญาชนไทย ระบุให้ทหารเลิกข่มขู่คุกคามตามเฝ้าผู้ปรารถนาดีต่อบ้านเมืองทุกหมู่เหล่า และคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด
 
 
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2558 ที่ผ่านมากลุ่มเครือข่ายนักศิลปวรรณกรรมและนักวิชาการภาคใต้ ออกแถลงการณ์ ยุติการคุกคาม กวี ’รูญ ระโนด และนักวิชาการปัญญาชนไทย โดยมีรายละเอียดทั้งหมดดังต่อไปนี้
 
แ ถ ล ง ก า ร ณ์
กลุ่มเครือข่ายนักศิลปวรรณกรรมและนักวิชาการภาคใต้
 
ยุติการคุกคาม กวี ’รูญ ระโนด และนักวิชาการปัญญาชนไทย
 
หลังจากกลุ่มทหารทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนในประเทศไทย ตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยอ้างเหตุผลเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กลุ่มของตนว่า เพื่อยุติความขัดแย้งรุนแรงทางการเมือง การแก่งแย่งผลประโยชน์ทางการเมือง ยุติความแตกสามัคคีของประชาชน ฯลฯ พร้อมให้สัญญาว่าจะดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ และจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายในเวลา 1 ปี
 
บัดนี้ เวลาล่วงมา 1 ปี 6 เดือนแล้ว ก็ยังไม่มีแนวโน้มไปในทางที่ดีและไม่มีกำหนดเวลาชัดเจน อย่าว่าแต่มีการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจากการออกคำสั่งจากคณะของตนและรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตราที่ 44 อันเป็นกฎหมายสูงสุดที่คณะของตนประกาศใช้ กล่าวคือมีการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ บังคับควบคุมประชาชนในชาติให้ไร้สิทธิไร้เสียงมาโดยตลอด กระทั่งนำมาสู่กรณีการออกหมายศาลเรียกตัว กวี นักวิชาการ และอาจารย์จำนวนหนึ่ง อาทิ ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ กับ อาจารย์สมชาย ปรีชาศิลปกุล แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ กับ อาจารย์จรูญ หยูทอง และ นายบุญเลิศ จันทระ แห่งมหาวิทยาลัยทักษิณ, นายบุญเชิด หนูอิ่ม แห่งมหาวิทยาลัยบูรพา และ นายมานะ นาคำ แห่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น มารับข้อกล่าวหา (จากการที่บุคคลดังกล่าวได้ร่วมกัน
แถลงในห้วข้อ ‘มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร’) เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ณ สถานีตำรวจช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยข้อหาร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ถือเป็นการฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่งหัวหน้าคณะทหาร
 
การกระทำของคณะทหารที่ได้ปฏิบัติการต่อกวี ’รูญ ระโนด และอาจารย์นักวิชาการ ส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขาประหนึ่งตกอยู่ในค่ายกักกัน (concentration camp) โดยคณะทหารอ้างว่าเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ซึ่งแท้แล้วก็หมายกำจัดศัตรูทางการเมืองหรือเหล่าผู้คิดต่าง ทำให้กลายเป็นกลุ่มบุคคลที่ไร้คุณค่า เป็น ‘ขยะสังคม’ เช่น พวกเร่ร่อน โสเภณี หรืออาชญากรที่เคยต้องโทษแต่ไม่สำนึกตัว
 
สภาพดังกล่าวทำให้ทุกพื้นที่ในสังคมไทยเต็มไปด้วยความสับสน-คลุมเครือ ไม่ได้ดำเนินไปภายใต้อำนาจกฎหมายอันชอบธรรมตามปกติ หากตกอยู่ใต้อำนาจตามอำเภอใจของกลุ่มทหารรัฐประหาร ทำให้ชีวิตปกติประจำวันของผู้คนเหมือนอยู่ในค่ายกักกัน ภายใต้กฎที่ไม่เป็นกฎของ‘สภาวะยกเว้น’ (state of exception) จากคณะรัฐประหาร แถม มีการโอนถ่ายอำนาจอธิปไตยไปไว้ที่คนคนเดียว เพื่อให้ทรงอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายกับใครก็ได้ ตลอดจนระงับใช้บางบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบัญญัติที่ให้การรับรองสิทธิของพลเมืองซึ่งถูกเพิกถอนจนกลายสภาพเป็น ‘ชีวิตที่เปลือยเปล่า’ (bare life) หลังจากอำนาจทางทหารแผ่เข้ายึดครองพื้นที่ทางการเมือง และยึดกุมอำนาจสูงสุดไว้ ทำให้สังคมรัฐไทยกลายเป็นค่ายกักกันที่มีเส้นแบ่งอันพร่าเลือน ระหว่างความรุนแรงและความสงบเรียบร้อย ระหว่างการใช้อำนาจตามอำเภอใจและกฎหมาย กระทั่งไม่อาจแบ่งแยกได้ระหว่างพื้นที่ภายในหรือภายนอกค่ายกักกัน
 
ปฏิบัติการทางอำนาจขององค์อธิปัตย์และบรรดาตัวแทนทางอำนาจของกลุ่มทหารดังกล่าว ทำให้กวี ’รูญ ระโนด ผู้ผลิตงานวรรณกรรมและศิลปะ อาจารย์ นักวิชาการตามสถานศึกษา หรือมหาวิทยาลัย และประชาชนทั่วไปมีชีวิตอันเปลือยเปล่าราวกับตกอยู่ในค่ายกักกันโดยถ้วนหน้า
 
เพื่อให้กวี ’รูญ ระโนด ศิลปินทุกสาขา อาจารย์ นักวิชาการ และประชาชนทั่วไปดำเนินวิถีชีวิตปกติประจำวันไปตามปกติ และให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่เสรีภาพของการเรียนรู้และการดำรงอยู่เยี่ยงสังคมอารยะ เราจึงขอประณามการออกหมายเรียกอันทำให้ผู้ปรารถนาดีต่อบ้านเมืองอย่างสุจริตใจกลายเป็นผู้ต้องหาดังกล่าวนั้น ว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความยุติธรรม ละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานแห่งความเป็นคนของนักเขียน นักคิด กวี สื่อมวลชน ศิลปินทุกสาขา อาจารย์ นักวิชาการ และประชาชน เรายืนยันที่จะต่อสู้เพื่อให้สังคมไทยและมหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ของการเรียนรู้แสวงหาทางปัญญา สนับสนุนให้เกิดเสรีภาพทางวิชาการในมหาวิทยาลัย ตลอดจนทั่วทุกปริมณฑลของประเทศ และเรียกร้องให้เลิกปฏิบัติการที่ทำให้ผู้คนในสังคมไทยกลายเป็นนักโทษในค่ายกักกัน
 
เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลทหารจงยุติการดำเนินคดีต่อกวีและครูบาอาจารย์ดังกล่าวข้างต้นนี้ อีกทั้งเลิกข่มขู่คุกคามตามเฝ้าผู้ปรารถนาดีต่อบ้านเมืองทุกหมู่เหล่า และคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด
 
กลุ่มเครือข่ายนักศิลปวรรณกรรมและนักวิชาการภาคใต้
25 พฤศจิกายน 2558
 
หมายเหตุ : สืบเนื่องมาจากข้อความที่ว่า “ทำให้กลายเป็นกลุ่มบุคคลที่ไร้คุณค่า เป็น ‘ขยะสังคม’ เช่น พวกเร่ร่อน โสเภณี หรืออาชญากรที่เคยต้องโทษแต่ไม่สำนึกตัว” จนทำให้ผู้อ่านบางท่านไม่สบายใจ เพราะความเปรียบดังกล่าวเอื้อให้เข้าใจว่าคณะผู้ออกแถลงการณ์ฯมองเห็นคนไม่เท่ากันนั้น เราใคร่ขออภัยที่ใช้ถ้อยคำความเปรียบตรงนี้บกพร่อง ไม่รัดกุมรอบคอบมากพอ และขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาท้วงติงมาด้วยปรารถนาดี
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net