4 ธ.ค.2558 กลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.) และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ กว่า 60 คน เข้ายื่นหนังสือต่อรัฐบาลที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เพื่อสอบถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดิน โดยเฉพาะนโยบายในการผลักดันให้เกิด ‘ธนาคารที่ดิน’ และการจัดการที่ดินในรูปแบบ ‘โฉนดชุมชน’ ซึ่งภาครประชาชนผลักดันกันมาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว โดยในเบื้องต้นเรียกร้องให้ต่ออายุสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เดินหน้าโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ส่งมอบพื้นที่โฉนดชุมชนและชะลอการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติม
แถลงการณ์มีสาระสำคัญดังนี้
แถลงการณ์สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ ต่ออายุสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เดินหน้าโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ส่งมอบพื้นที่โฉนดชุมชนและชะลอการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติม --------- ตามที่สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) ได้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินโดยการผลักดันให้เกิดนโยบายการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมในรูปแบบของของ”ธนาคารที่ดิน” และการจัดการที่ดินในรูปแบบ “โฉนดชุมชน” มาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีแต่ผลปรากฏว่าการดำเนินการตามข้อเรียกร้องของประชาชนกลับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร มิหนำซ้ำในสถานการณ์ปัจจุบันกลับมีกระแสข่าวว่าจะมีการยุบสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินและยุติการดำเนินงานโฉนดชุมชน ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรีมีบัญชาเร่งรัดสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานแก้ปัญหาดังต่อไปนี้ 1.กรณีสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน และโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน สกน.เห็นว่าเป็นมาตรการและทางออกในการแก้ปัญหาของประชาชนผู้ยากจนไม่มีที่ดินทำกิน ให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในที่ดิน และให้สามารถกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม แต่ความล่าช้าของการดำเนินงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ซึ่งมีวาระ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2554 ขณะนี้ระยะเวลาล่วงเลยมาเกือบครบกำหนดระยะเวลาที่จะต้องยุบเลิกองค์กร ตามที่ ก.พ.ร. ได้มีการพิจารณา ทบทวนและเสนอให้ยุบสถาบัน บริหารจัดการธนาคารที่ดิน ภายในวันที่8 มิถุนายน 2559 นี้ สกน.ขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ทบทวนมติของก.พ.ร.และขยายกำหนดเวลาสถาบันฯ จากเดิม 5ปี เป็น 10ปี ให้มีคำสั่งเร่งรัดการดำเนินโครงการ นำร่องธนาคารที่ดิน 167ล้านบาท เพื่อให้การดำเนินกิจการภารกิจองค์กรบรรลุตามวัตถุประสงค์ 2.กรณีดำเนินการจัดการที่ดินในรูปแบบของ’โฉนดชุมชน’ ที่ผ่านมาในระดับพื้นที่ชุมชนมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีชุมชนที่ยื่นคำขอโฉนดชุมชนไปยังสำนักงานโฉนดชุมชนจำนวนทั้งสิ้น 242 ชุมชน และมีชุมชนที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการประสานงานจัดให้มีโฉนดชุมชุนแล้วจำนวน 58 แห่ง แต่กลับพบว่าไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคที่สำคัญคือหน่วยงานภาครัฐไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งรัดสั่งการให้เดินหน้าดำเนินงานโฉนดชุมชนต่อไป 3.การประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติมจำนวน 21 แห่ง ตามที่กรมอุทยานได้มีแผนการประกาศเขตอุทยานเพิ่มเติมนั้น จะส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อาศัยอยู่ในเขตป่าเป็นจำนวนมากหากไม่มีการกันพื้นที่ของเขตชุมชนเหล่านั้นออก และจะกลายเป็นมูลเหตุแห่งความขัดแย้ง ระหว่างรัฐและชุมชนในอนาคต ดังนั้น สกน.ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้มีการชะลอการประกาศเขตอุทยานไปพลางก่อน และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วม ในการกันเขตพื้นที่ของชุมชนออกก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ โดยขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบแนวเขตอุทยานที่เป็นสมาชิกของ สกน. ตามบัญชีแนบท้ายตามสิ่งที่ส่งมาด้วยนี้ เพื่อให้การดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว จึงขอให้ท่านเร่งดำเนินงานตามข้อเสนอข้างต้น และแจ้งความคืบหน้าอย่างเป็นทางการให้กับสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้ทราบภายในระยะเวลา 7 วัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแก้ไขปัญหาของประชาชน จะบรรลุตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล “คืนความสุขให้ประชาชน” ทั้งนี้ สกน. จะติดตามการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลและหากไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามเงื่อนไขระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สกน.จะดำเนินการในการยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป ด้วยความเชื่อมั่นในขบวนการประชาชน 4 ธันวาคม 2558 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ |
ที่มา: กลุ่มสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.)