ประยุทธ์ประกาศเจตนารมณ์ต้านทุจริต เน้นกลไกทางสังคมมาเป็นหูเป็นตาสอดส่องเฝ้าระวัง

9 ธ.ค. 2558 เมื่อเวลา 09.00 น. ณ เวทีกลาง ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล โดยมี คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เอกอัครราชทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษาและประชาชนเข้าร่วม

ภาพจากศูนย์สื่อทำเนียบฯ

สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด “Transparent THAILAND ประเทศไทยโปร่งใส” คือ 1. เพื่อแสดงให้เห็นเจตจำนงของฝ่ายบริหารและหน่วยงานตรวจสอบว่ามีความมุ่นมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร 2. เพื่อต้องการสร้างความตระหนักรู้ ค่านิยมในการต่อต้านการทุจริตและปลูกจิตสำนึกในด้านคุณธรรมจริยธรรม ไม่ยอมให้มีการทุจริตเกิดขึ้น 3. ภารกิจหลักของ ป.ป.ช.คือการปราบปรามการทุจริตแต่จะสำเร็จไม่ได้หากไม่มีเครือข่าย จึงจัดงานนี้เพื่อสร้างเครือข่ายทุกภาคส่วน โดยกิจกรรมภายในงานจะน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมานำเสนอด้วย

โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตตอนหนึ่งความว่า ปัญหาการทุจริตเป็นปัญหาที่เรื้อรังของทุกประเทศ ยกเว้นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาและที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้ เพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนต้องสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา ร่วมกันเฝ้าระวัง ป้องกัน ปราบปราม และตรวจสอบ รวมถึงต่อต้านการทุจริตเพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์โดยตรง และที่สำคัญต้องช่วยกันสร้างการรับรู้ให้ทุกคนตระหนักถึงภัยความเสียหายของการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมกับช่วยกันปลูกฝั่งจิตสำนึกให้กับเด็กและเยาวชนโตไปต้องไม่โกง

สำหรับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตต้องจริงจัง และเคร่งครัดอย่างต่อเนื่อง การบังคับใช้ต้องเป็นธรรม ถูกต้อง มีความโปร่งใส และที่สำคัญอำนาจของรัฐจะต้องไม่ทับซ้อนการทำงานขององค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต ทั้งนี้ องค์กรดังกล่าวจะต้องวางแผนการทำงานร่วมกันเพื่อไม่ให้กระบวนการทำงานล่าช้า และรวดเร็วจนเกินไป และต้องสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้

ทั้งนี้ ส่วนราชการต้องลดการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยพัฒนาระบบราชการโดยลดช่องทาง ลดโอกาสในการทำทุจริตหน่วยงานภาครัฐ มีการกำหนดแนวทางห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามมาตรา 100 การกำหนดหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 103 และภาคเอกชนต้องลดการกระทำผิดของภาคธุรกิจ ผ่านการรวมตัวกันของภาคเอกชนเพื่อรณรงค์ต่อต้านการทุจริต เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีนโยบายที่ชัดเจนในการต่อต้านพฤติกรรมต่างๆ ที่ส่อว่ามีเจตนาการทุจริต รวมถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงมาตรฐานการดำเนินงานธุรกิจที่โปร่งใสตรวจสอบได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สำคัญคือการใช้กลไกทางสังคมมาเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องเฝ้าระวัง ส่งเรื่องร้องเรียนการทุจริตคอร์รัปชันให้ครอบคลุมประชาชนในทุกพื้นที่ ให้ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำกระทรวง และศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด กรุงเทพมหานคร บูรณาการร่วมกับอำเภอ สำนักงานเขต หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษา องค์กร เครือข่ายในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน หมู่บ้านและอาสาสมัครต่าง ๆ ใช้มาตรการทางสังคมในการป้องปราม ตรวจสอบ และเฝ้าระวัง

การทุจริต โดยเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมในการดำเนินการป้องกันการทุจริตของทุกภาคส่วน ร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านส่งเสริมค่านิยม ความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างกลไกการเฝ้าระวังเชิงรุก โดยส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการดำเนินงานของภาคราชการให้มีความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใส และน่าเชื่อถือต่อไปในอนาคต

“ขอยืนยันว่ารัฐบาลยังทำงานตามโรดแมป และขณะนี้อยู่ในช่วงของการปฏิรูประยะที่ 1 เพื่อที่จะส่งต่อในระยะที่ 2 เดือนกรกฎาคม 2560 ซึ่งเรื่องของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและกฎหมายก็เป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันและการปราบปรามการทุจริต ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของคนเลว ในการนำมาทำลายความน่าเชื่อถือ พูดจาใส่ร้าย สิ่งสำคัญคือทุกคนจะต้องรู้กฎหมายเพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนสามารถใช้ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ภาพจากศูนย์สื่อทำเนียบฯ

“อะไรที่เป็นปัญหาก็ควรจะพูดกันในนี้ ไม่ใช่เอาไปร้องแร่แหกกระเชอข้างนอก อย่าไปว่าคนอื่น ข้าราชการก็เสียใจกันทั้งนั้น คนดีก็มีจำนวนมาก ถ้าจะมาเล่นงานก็มาเล่นที่ผมคนเดียว ผมสู้อยู่แล้วไม่ถอย ทุกคนรับไม่ได้กับความไม่ถูกต้อง แต่ต้องยอมรับและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วย ผมพูดเยอะก็เลยโดนเยอะ หรือจะให้พูดน้อยแล้วไม่ค่อยโดนอะไรเลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

โดยในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวนำประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตว่า “ข้าพเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอประกาศเจตนารมณ์ว่า จะประพฤติปฏิบัติตนในสัมมาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นหลักสำคัญมั่นคง ดำรงตนอยู่ด้วยความมีเกียรติ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ยึดความยุติธรรม ความเป็นธรรมเป็นที่ตั้ง จะยับยั้งชั่งใจ ไม่กระทำการโกงกินแผ่นดิน หรือใช้ตำแหน่งหน้าที่หาประโยชน์ บนความทุกข์ยากของประชาชน จะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และยืนเคียงข้างสุจริตชน ร่วมสร้างเยาวชนให้โตไปไม่โกง เพื่อจรรโลงและนำพาประเทศไทยให้รุ่งเรืองสืบไป”

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่จากสถานทูตที่มาเป็นสักขีพยานรับทราบการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจรติในวันนี้ พร้อมกล่าวยืนยันประเทศไทยจะอยู่เคียงคู่เคียงข้างทุกประเทศ ตามพันธสัญญาที่มีอยู่ เพียงแต่ขอเวลาทำให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็งไปด้วย

 

เรียบเรียงจาก ศูนย์สื่อทำเนียบฯ และสำนักข่าวไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท