17 ธ.ค. 2558 มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 9 เป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญากับเยาวชนไทยพุทธคนหนึ่งต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนราธิวาส คดีหมายเลขดำที่ 143/2558 ในข้อหา “สมคบกันก่อการร้าย ร่วมกันก่อการร้ายโดยการสะสมกำลังพลอาวุธ อั้งยี่ ซ่องโจร ร่วมกันมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” ซึ่งกำหนดนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 16 , 17 และ 18 ธ.ค. 58 นั้น
การสืบพยานโจทก์ในวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา พนักงานอัยการโจทก์ ได้นำพยานเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดปฏิบัติการในวันเกิดเหตุ เข้าสืบจำนวน 4 ปาก มีการกล่าวอ้างถึงขบวนการต่าง ๆ ว่าก่อความไม่สงบเพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการก่อความความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และสี่อำเภอของจังหวัดสงขลาเริ่มรุนแรงเหนักขึ้นในเหตุการณ์ปล้นอาวุธปืนของกองพันทหารพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์(ค่ายปิเหล็ง) อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี พ.ศ. 2547 และก่อเหตุต่อเนื่องเรื่อยมา รวมทั้งเหตุการณ์คดีนี้เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 57 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าปฏิบัติการตามยุทธการพิทักษ์เทือกเขาตะเว แล้วเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบซึ่งหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตรวจยึดอุปกรณ์สำหรับเตรียมก่อความไม่สงบและเครื่องอุปโภคบริโภคในได้กว่า 600 รายการ อันเป็นเหตุนำมาซึ่งการตรวจพิสูจน์สารพันธ์กรรม (DNA) จากวัตถุพยานบางรายการที่อ้างว่าตรงกับ DNA ของเยาวชนไทยพุทธจำเลยในคดีนี้
และในวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา โจทก์ได้นำพยานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าสืบจำนวน 3 ปาก ซึ่งฝ่ายจำเลยได้ถามค้านถึงความมีพิรุธในการได้มาซึ่งวัตถุพยานและความไม่สมบูรณ์ของการตรวจพิสูจน์ DNA เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของจำเลย
สำหรับวันที่ 18 ธ.ค. 58 นั้น ซึ่งเดิมกำหนดสืบพยานโจทก์ ศาลมีคำสั่งให้เลื่อนไปสืบทั้งพยานโจทก์ 3 ปาก และพยานจำเลย 2 ปาก ให้เสร็จสิ้นในวันเดียวกัน คือ วันที่ 24 ธ.ค. ที่จะถึงนี้แทน