สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 19-25 ก.พ. 2559

ก.ต่างประเทศแจงสื่อเกาหลีรายงานข้อมูลปี 58 เหตุจับกุม 200 คนไทยเอี่ยวค้าประเวณี
 
กระทรวงการต่างประเทศ แจงสื่อเกาหลี รายงานข่าวว่ามีการจับกุมคนไทยจำนวนกว่า 200 คนในข้อหาทำงานผิดกฎหมาย และเป็นนายหน้าค้าประเวณีที่เขตโซล คยองกิโด และชุงชอง ในสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นการรวบรวมข้อมูลปี 2558 บางส่วนถูกดำเนินการส่งตัวกลับ โดยหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้ว
 
19 ก.พ. 2559 มีรายงานว่า ตามที่ปรากฎในรายงานข่าวว่ามีการจับกุมคนไทยจำนวนกว่า 200 คนในข้อหาทำงานผิดกฎหมาย และเป็นนายหน้าค้าประเวณีที่เขตโซล คยองกิโด และชุงชอง ในสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) นั้น
 
กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซลว่า จำนวนผู้ที่ถูกจับกุมดังกล่าว เป็นการเก็บรวบรวมสถิตินับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2558 โดยกลุ่มที่ผู้ที่ถูกจับกุมครั้งล่าสุดนั้น บางส่วนได้ถูกดำเนินการส่งตัวกลับโดยหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เหลือ กระทรวงการต่างประเทศจะได้ติดตามความคืบหน้าของคดี และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในกระบวนการพิจารณาคดีตามความเหมาะสมต่อไป
 
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และชี้แจงแก่ประชาชนอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนได้ร่วมมือกับทางการเกาหลีใต้ในการให้ข้อมูลและแนะนำเพื่อป้องกันมิให้คนไทยลักลอบทำงานผิดกฎหมายและค้าประเวณี ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายในหลายประเทศ และการทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เป็นการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นและอาจต้องรับโทษตามกฎหมายหากมีความผิดจริง โดยผู้ที่ได้รับวีซ่าให้เดินทางไปท่องเที่ยว/พำนัก/ทำงาน หรือศึกษาต่อในต่างประเทศ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศนั้นอย่างเคร่งครัด ตามประเภทวีซ่าของตนที่ได้รับ
 
สำหรับแรงงานไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศนั้น ควรมีสัญญาจ้างงานที่ถูกต้อง และได้รับวีซ่าสำหรับการทำงานในหนังสือเดินทาง โดยการเดินทางไปทำงานโดยถูกกฎหมายมี 4 วิธี คือ
 
(1) โดยรัฐบาลเป็นผู้จัดส่ง ซึ่งต้องติดต่อสำนักจัดหางานจังหวัด หรือกรมการจัดหางาน (2) โดยบริษัทจัดหางาน ซึ่งต้องดูสัญญาจ้างงานในรายละเอียด (3) โดยตนเองเป็นผู้หางานได้โดยแจ้งสำนักจัดหางานจังหวัด หรือกรมการจัดหางาน โดยนายจ้างในต่างประเทศต้องนำสัญญาจ้างงานไปให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ตรวจสอบก่อน แล้วจึงดำเนินการต่อไป และ (4) โดยการส่งไปฝึกงานในต่างประเทศ
 
มีรายงานว่า สังคมออนไลน์ มีการเผยแพร่ภาพข่าว อ้างว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. เว็บไซต์ naver.com ได้มีการรายงานว่า ตำรวจเกาหลีใต้ สามารถจับกุมตัวนายหน้าค้าประเวณีที่กรุงโซล เมืองหลวง ซึ่งนายหน้ารายนี้ ได้นำผู้หญิงไทยมาค้าประเวณีด้วยวีซ่าท่องเที่ยว สำหรับสถิติการจับกุม นับตั้งแต่กลางปี 2558 ผู้หญิงไทยโดนจับกว่า 200 คน และมีชายแปลงเพศประมาณ 40 คน อยู่ในจำนวนนี้ด้วย ส่วนเงินค่านายหน้าที่ได้รับ ประมาณ 111 ล้านวอน (ประมาณ 3 ล้านบาท)
 
นอกจากนี้ รายงานระบุเพิ่มเติมว่า ที่ห้องพักมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับ มีถุงยางอนามัยจำนวนมากในลิ้นชัก สำหรับวิธีการรับสมัครสาวไทยมาทำงานนั้น นายหน้าได้ประกาศผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ตั้งข้อเสนอว่า จะได้มาเที่ยวและหาเงินด้วย ก่อนส่งหญิงที่เข้ามานั้นไปฝึกอบรม และส่งไปตามนวดแผนไทยกว่า 30 แห่ง
 
 
กสร. เกาะติด "วอยซ์ทีวี" เลิกจ้าง 57 พนักงาน
 
20 ก.พ. 2559 อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) น.ส.พรรณี ศรียุทธศักดิ์ บอกว่า กรณีบริษัทวอยซ์ทีวี จำกัดออกเอกสารแจ้งต่อสื่อมวลชนระบุบริษัทได้ปรับกลยุทธ์บริการและโครงสร้างองค์กรปี 2559 เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยปรับลดพนักงานลง 57 อัตรานั้น ทางเจ้าหน้าที่ กสร.ได้ติดต่อสอบถามไปยังฝ่ายบุคคลของบริษัทวอยซ์ทีวี จำกัดก็ได้รับคำชี้แจงว่าจะมีการปรับลดพนักงาน 57 อัตราจริงพร้อมยืนยันว่าจะจ่ายเงินเดือนและเงินชดเชยตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดให้แก่พนักงานทุกคนโดยจะให้ตัวแทนฝ่ายบุคคลมาให้ข้อมูลการเลิกจ้างพนักงานแก่ กสร.ในช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ.นื้ที่กระทรวงแรงงาน กรณีของบริษัทวอยซ์ทีวีนั้นเห็นว่า การแก้ปัญหาควรปรับโครงสร้างองค์กรและลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เท่าที่ทำได้ไปก่อน การเลิกจ้างพนักงานควรเป็นวิธีสุดท้ายจริงๆ เพราะเชื่อว่าพนักงานทุกคนต่างได้มีส่วนร่วมพัฒนาองค์กรมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อฝ่ายบุคคลยืนยันมีการเลิกจ้าง กสร.ก็จะติดตามดูแลพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง น.ส.พรรณี กล่าว
 
อธิบดี กสร.บอกอีกว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ กสร.ติดตามดูแลกรณีบริษัทวอยซ์ทีวีเลิกจ้างพนักงานเพื่อให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้างได้รับเงินเดือนและเงินชดเชยตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดนอกจากนี้จะแจ้งให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้างไปแจ้งเรื่องการถูกเลิกจ้างต่อกรมการจัดหางาน หลังจากนั้นให้ไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ให้จ่ายเงินสิทธิประโยชน์กรณีถูกเลิกจ้างโดยได้รับ 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างเป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้งประสาน กกจ.เพื่อให้ช่วยจัดหางานรองรับและกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ช่วยฝึกอาชีพหากพนักงานต้องการน.ส.พรรณี บอกด้วยว่า ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่าบริษัทอัมรินทร์ทีวีจะมีการเลิกจ้างพนักงานนั้น เจ้าหน้าที่ กสร.ได้ตรวจสอบไปยังฝ่ายบุคคลของอัมรินทร์ทีวีแล้วก็ได้รับการชี้แจงว่าบริษัทอัมรินทร์ทีวีไม่มีการเลิกจ้างพนักงานแต่ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น
 
 
“ประกันสังคม” เปิดสูตรจ่ายเงินบําเหน็จชราภาพผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 39 และ 40 ประจําปี 58
 
19 ก.พ. 2559 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักงานประกันสังคม เรื่อง กําหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบําเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ ประจําปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยที่เป็นการสมควรกําหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบําเหน็จชราภาพ ประจําปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ในการจ่ายประโยชน์ทดแทนให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินบําเหน็จชราภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชกฤษฎีกากําหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ สํานักงานประกันสังคมจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
 
ข้อ ๑ เงินสมทบ หมายถึง เงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ เข้ากองทุนเดือนละห้าสิบบาท ตามมาตรา ๘ และเงินสมทบเพิ่มเติมตามมาตรา ๑๔ วรรคสอง
ข้อ ๒ ผลประโยชน์ตอบแทนเงินบําเหน็จชราภาพ ประจําปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้คํานวณจ่ายในอัตราร้อยละ ๒.๕๖ (สองจุดห้าหก) ต่อปี ของเงินสมทบและผลประโยชน์ตอบแทนสะสมรวมกัน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เท่านั้น
 
ข้อ ๓ การคํานวณจ่ายเงินบําเหน็จชราภาพและผลประโยชน์ตอบแทนจากเงินสมทบในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้คํานวณจ่ายได้ต่อเมื่อสํานักงานประกันสังคมกําหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้ว
ข้อ ๔ ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
 
อีกฉบับ เป็นประกาศสำนักงานประกันสังคม เรื่อง กำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ของผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๙ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพและวิธีการในการคำนวณจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพอาศัยอำนาจตามความในข้อ ๖ (๒) ของกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พ.ศ. ๒๕๕๐ สำนักงานประกันสังคมจึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ เงินสมทบสุทธิ หมายถึงเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ
ข้อ ๒ ผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้คำนวณจ่ายในอัตราร้อยละ ๓.๒๑ (สามจุดสองหนึ่ง) ต่อปีของเงินสมทบสุทธิและผลประโยชน์ตอบแทนสะสมรวมกัน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เท่านั้น
ข้อ ๓ การคำนวณจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพและผลประโยชน์ตอบแทนจากเงินสมทบในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้คำนวณจ่ายได้ต่อเมื่อสำนักงานประกันสังคมกำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้ว
ข้อ ๔ ประกาศฉบับนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
 
ประกาศ ณ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
โกวิท สัจจวิเศษ
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
 
 
พาที" รับปมนักบินประท้วงสาเหตุ "นกแอร์" ยกเลิกเที่ยวบิน 23 ก.พ.นี้
 
20 ก.พ. 2559 จากกรณีเฟซบุ๊กของสายการบินนกแอร์ ได้โพสต์ข้อความแจ้งยกเลิกเที่ยวบินในวันอังคาร จำนวน 20 เที่ยวบินทั้งภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้ นั้น นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สายการบินนกแอร์ ได้ยอมรับว่า การยกเลิกเที่ยวบินทั้ง 20 เที่ยวบินดังกล่าว มีผลเนื่องจากการยกเลิกเที่ยวบินรวม 17 เที่ยวบิน เพราะนักบินประท้วง ทำให้ตารางบินของสายการบินนกแอร์รวน
 
อย่างไรก็ตามได้แจ้งผู้โดยสารที่จะเดินทางในวันดังกล่าวแล้ว และเสนอให้ใช้บริการของสายการบินพันธมิตรของนกแอร์ คือ การบินไทย ไทยสมายล์ ไลอ้อนแอร์ หรือผู้โดยสารสามารถขอเลื่อนไฟท์ได้ นอกจากนี้ นกแอร์พร้อมรับการตรวจสอบเต็มรูปแบบจาก กพท. เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยย้ำว่า จะไม่แสดงความคิดเห็น หรือหารือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรในช่วงนี้ และขอสงวนข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับ
 
 
อดีต ขรก.ครู สังกัด กทม.เรียกร้องจ่ายบำนาญย้อนหลังเพิ่ม 25% ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
 
20 ก.พ. 2559 นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วยอดีตข้าราชการครูสังกัดกทม . ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องความเป็นธรรมให้ กทม. จ่ายเงินบำนาญเพิ่ม 25% ย้อนหลัง ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร. พ.ศ. 2554 ซึ่งเป็นสิทธิที่ข้าราชการ กทม.พึงจะได้รับตามสิทธิ์ที่มีระเบียบว่าข้าราชการบำนาญซึ่งเคยเป็นข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วโอนมารับข้าราชการ กทม. ก่อนวันที่ 1 ตค. 2535 จะต้องได้รับเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 25 จากเงินบำนาญที่ได้รับเดือนแรก
 
คณะครูที่มาเรียกร้องความเป็นธรรมกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับเงินบำนาญเพิ่มแต่ไม่ถึง25 % ตามที่กฏหมายกำหนดและเคยยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทยและ. แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ขณะที่ กทม.อ้างว่าไม่มีงบประมาณ. ดังนั้นจึงขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับอดีตข้าราชการ กทม.ให้จ่ายเงินย้อนหลัง
 
ทั้งนี้ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยให้มีผลบังคับให้จ่ายเงินเพิ่มเติม 25 % ของเงินบำนาญ ให้ข้าราชการที่รับราชการก่อนปี2535 ที่มีอยู่ประมาณ นั้น 15,000 ตั้งแต่วันออกระเบียบ โดยไม่มีผลย้อนหลัง
 
 
ธนารักษ์เล็งให้ ธพส.ทำโครงการบ้านประชารัฐสร้างคอนโดให้ 'ข้าราชการ' เช่า
 
22 ก.พ. 2559 นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ มีแนวทางที่จะให้ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด(ธพส.) ที่กระทรวง การคลังถือหุ้น 100% เข้ามาดำเนินการ โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อคนยากจนหรือบ้านประชารัฐ หากไม่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยขณะนี้กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างเตรียมที่ราชพัสดุไว้รองรับโครงการดังกล่าว
 
ทั้งนี้กรมธนารักษ์ยังอยู่ระหว่างเจรจากับภาคเอกชนให้เร่งส่งแบบที่อยู่อาศัยที่มีอยู่ เพื่อก่อสร้างที่อยู่อาศัยในราคาถูก โดยเบื้องต้นต้องพิจารณาถึงต้นทุนการดำเนินงานและขนาดของพื้นที่ด้วย ส่วนที่ราชพัสดุที่มีความพร้อมมากที่สุดในขณะนี้และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้ คือ แปลงในซอยวัดไผ่ตัน โดยจะก่อสร้างในรูปแบบคอนโดมิเนียม 7 ชั้น 500 ห้อง เพื่อรองรับข้าราชการ และลูกจ้างประจำ รัฐวิสาหกิจ ที่เพิ่งเริ่มทำงานและมีรายได้น้อยเข้ามาในลักษณะของการเช่า โดยเชื่อว่าทำเลนี้อยู่ใกล้กับสถานที่ราชการ และจะช่วยประหยัดค่าเดินทาง และลดค่าครองชีพในส่วนอื่นๆ ได้มาก
 
"ตอนนี้ได้เริ่มให้บริษัทเอกชนออกแบบการก่อสร้างแล้ว ทำเสร็จก็จะให้เสนอมาให้เราพิจารณา หลักการคือจะให้เป็นที่อยู่อาศัยแบบเช่าระยะสั้น ไม่ปล่อยเช่ายาวมาก ด้วยลักษณะพื้นที่ที่อยู่ใกล้เมือง จึงอาจมีความต้องการมาก ก็จะให้กับกลุ่มเพิ่งเริ่มทำงาน โดยเฉพาะข้าราชการก่อน แต่ตอนนี้ อาจต้องมาหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ใหม่เกี่ยวกับการกำหนดเส้นรายได้สำหรับประชาชนที่เข้าโครงการนี้ จากเดิมกำหนดไว้ที่ 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ตอนนี้เงินเดือนเริ่มต้นส่วนใหญ่ก็ 1.5 หมื่นบาทแล้ว อาจมีการขยับเพิ่มเพื่อให้สอดคล้อง กับสถานการณ์เล็กน้อย" นายจักรกฤศฎิ์ กล่าว
 
นายจักรกฤศฎิ์กล่าวว่า ในส่วนของอัตราค่าเช่ายังไม่ได้สรุปชัดเจน แต่เบื้องต้นอาจจะอยู่ที่ ประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมาก โดยหลังจากนี้จะร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการในเรื่องของการคัดเลือกผู้เข้ามาเช่า และการคัดเลือกคนออกหลังมีคุณสมบัติไม่ตรงกับเงื่อนไข โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ซึ่งจะมีการดูรายละเอียดข้อมูลส่วนนี้ประกอบการต่อสัญญาเช่าอย่างต่อเนื่อง
 
สำหรับที่ราชพัสดุที่กรมธนารักษ์เตรียมไว้รองรับโครงการบ้านประชารัฐ มีทั้งสิ้น 6 แปลง คาดว่า จะพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยได้ 3,400 ยูนิต ได้แก่ แปลงที่ดินวัดไผ่ตัน, บริเวณด้านหลังโรงกษาปณ์ (ประดิพัทธ์), เชียงใหม่ ซึ่งตอนนี้มีจำนวน 9 ไร่ แต่มีส่วนราชการแสดงความสนใจจะให้พื้นที่เพื่อใช้ในโครงการเพิ่มเติม, ชะอำ 2 แปลง และเชียงราย 30 ไร่ (เปลี่ยนจากแปลงเดิมอยู่ในความครอบครองเป็นพื้นที่ทหาร มาใช้ที่ราชพัสดุ ในอำเภอแม่จัน แทน)
 
 
เตือนแรงงานหนีภัยแล้งถูกหลอก แนะใช้ 'smart job'
 
22 ก.พ. 2559 ทุกๆ ปีเมื่อย่างเข้าสู่หน้าร้อนหรือฤดูแล้ง ทุกคนต่างว่างเว้นจากการทำนาหรือทำเกษตรกรรม จำเป็นต้องหางานทำเนื่องจากขาดแคลนน้ำที่จะทำนา ยิ่งปีนี้รัฐบาลได้แนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชอย่างอื่นที่ใช้น้ำน้อยและงดทำนา 2 ครั้งด้วย แนวโน้มการอพยพคนว่างงานเข้ามาหางานทำยังเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆ จึงน่าเป็นห่วง
 
กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมการหางานทำให้คนได้ทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เตือนคนหางานที่ประสบปัญหาภัยแล้งไม่สามารถทำการเกษตรได้ ระวังกลุ่มมิจฉาชีพชักชวนไปทำงานนอกพื้นที่ โดยเฉพาะสาย นายหน้า บริษัทจัดหางานเถื่อน อ้างมีงานทำมีรายได้และสวัสดิการที่ดี เพราะอาจเสียงต่อการถูกหลอกลวง
 
นายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเข้าสู่สถานการณ์ภัยแล้งแรงงานที่ประสบปัญหาไม่สามารถทำการเกษตรในภูมิลำเนาได้ จึงมักจะเดินทางเข้ามาหางานทำในเมืองซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพ โดยอ้างว่า
 
สามารถหางานที่มีรายได้ดี สวัสดิการดีให้ทำได้ ทำให้หลงเชื่อจ่ายเงินค่าบริการให้กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว แต่สุดท้ายถูกหลอกเสียเงินฟรี
อย่างไรก็ตามหากจำเป็นต้องเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ โดยที่ยังไม่ได้ติดต่อนายจ้าง/สถานประกอบการไว้ล่วงหน้าสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัดก่อนเดินทางเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ หรือในจังหวัดที่ต้องการ
 
เดินทางไปทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) ตั้งอยู่ที่ อาคารตึกสายรุ้ง ด้านหน้าภายในกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี ดินแดง กรุงเทพฯ เพื่อป้องกันมิให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ
 
สำหรับคนหางานที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลกับกรมการจัดหางานก่อนตัดสินใจเดินทางและควรพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบโดยศึกษาเงื่อนไขในสัญญาจ้างอย่างละเอียด กฎระเบียบเกี่ยวกับการจ้างงานในประเทศที่จะเดินทาง ซึ่งสัญญาจ้างนั้นจะต้องผ่านการรับรองจากสำนักงานแรงงานไทยหรือสถานทูต/กรมการกงสุลไทยประจำประเทศนั้นๆ
 
ดังนั้นกรมการจัดหางานจึงขอย้ำเตือนคนหางานที่ประสบปัญหาภัยแล้งและประสงค์จะเดินทางออกนอกพื้นที่เพื่อหางานทำให้พิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบและควรติดต่อสอบถามข้อมูลตำแหน่งงานว่างกับกรมการจัดหางานก่อนตัดสินใจ โดยสอบถามข้อมูลได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1-10 ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694
 
 
กลุ่มมหาวิทยาลัยราชมงคล เตรียมกลยุทธ์ปรับแผนรับมือผู้เรียนลดลง
 
22 ก.พ. 2559 รศ.ดร.ประเสริฐปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวถึงกรณีที่สถาบันอุดมศึกษาเริ่มปรับลดบุคลากร เนื่องจากจำนวนเด็กที่เข้าสู่สถาบันอุดมศึกษาลดลง ว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวกำลังเป็นปัญหาจริงทางกลุ่ม มทร. 9 แห่ง จึงได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ และแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยให้แต่ละแห่งกำหนดจุดยืนที่เป็นอัตลักษณ์ของตนเอง และพัฒนาให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพทั้งด้านการเรียนการสอน วิชาการ งานวิจัย ผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติที่มีคุณภาพ พัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย และที่สำคัญจะไม่มีการขยายเพิ่มจำนวน มทร. แต่จะเพิ่มหลักสูตรและคณะที่สอดคล้องกับความต้องการแรงงานของภาคอุตสาหกรรมแทน
 
กลุ่ม มทร. ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ไม่มากนัก เพราะเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทาง แต่ละแห่งมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกัน เช่น มทร.ธัญบุรี มุ่งเน้นผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติ มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมกะโปรเจกต์ของประเทศ มีมาตรฐานในการจัดการเรียนการสอน ทั้งด้านวิชาการ และปฏิบัติ ซึ่งบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาออกไปก็เป็นที่ต้องการของสถานประกอบการ เพราะสามารถทำงานได้จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้นักเรียนเลือกเข้าศึกษาต่อสถาบันอุดมศึกษาในกลุ่ม มทร.”รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามการจะให้สถาบันอุดมศึกษาอยู่รอด และผลิตบัณฑิตตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานนั้น รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำหนดอัตราแรงงานที่ต้องการในแต่ละสาขาด้วยว่ามีจำนวนเท่าใด เพื่อสถาบันอุดมศึกษาจะได้นำข้อมูลเหล่านี้มาผลิตบัณฑิตให้ตรงกับความต้องการต่อไป
 
 
กสร. ส่งทีมสำรวจแรงงานเด็กในไร่อ้อย
 
22 ก.พ. 2559 อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน น.ส.พรรณี ศรียุทธศักดิ์ บอกว่า กสร.ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ไอแอลโอ) ส่งเจ้าหน้าที่ 190 คนพร้อมแบบสอบถามจำนวน 32,000 ชุด เข้าสำรวจเด็กทำงาน ปัญหาการใช้แรงงานเด็กในไร่อ้อย และอุตสาหกรรมผลิตน้ำ ตาลใน 47 จังหวัด เช่น กาญจนบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี กำแพงเพชร สุโขทัย ขอนแก่น อุดรธานี โดยสำรวจช่วง ก.พ.-25 มี.ค.นี้คาดว่าจะสรุปข้อมูลผลสำรวจ เสนอไปยังกระทรวงแรงงานของสหรัฐอเมริกาในเดือนพ.ค.นี้ รวมทั้งใช้เป็นข้อมูลวางแผนป้องกัน แก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็กในไร่ อ้อยด้วย เชื่อว่าการที่ไทยเสนอข้อมูลข้างต้นไปยังสหรัฐอเมริกา จะทำให้สินค้าอ้อยและน้ำตาลของไทยมีโอกาสได้รับปลดจากบัญชีการเป็นสินค้าที่มีการใช้แรงงานเด็กเพราะมีข้อมูลที่ชัดเจนโดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2552 ไทยถูกขึ้นบัญชีดังกล่าว และในปี 2556 ไทยเสนอขอปลดจากบัญชี แต่สหรัฐอเมริกาไม่ปลดจากบัญชีโดยให้เหตุผลไทยไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องตัวเลขเด็กทำงานและปัญหาการใช้แรงงานเด็กในไร่อ้อยและอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล
 
 
สมาคมรักษาความปลอดภัย ยื่นหนังสือนายกฯ ขอเลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย
 
23 ก.พ. 2559 สมาคมรักษาความปลอดภัย (กลุ่มสหมิตร) นำโดย นายวัชรพล บุษมงคล นายกสมาคมผู้ประกอบการรักษาความปลอดภัยแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค.นี้ ออกไปก่อน เพื่อปรับปรุงแก้ไขในบางมาตราที่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติและไม่ส่งเสริมการประกอบธุรกิจและวิชาชีพรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะกรณีจำกัดบุคคลที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่มีความพร้อมเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย จะกระทบต่อธุรกิจ และทำให้แรงงานขาดแคลน ดังนั้น จึงขอให้ยกเลิกในส่วนนี้ และให้ถือเป็นการส่งเสริมให้บุคคลมีงานทำมีรายได้
 
ทั้งนี้ นายวัชรพล กล่าวว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้ผ่านการเห็นชอบร่วมกันของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้มีการแต่งตั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือผู้แทนที่เกี่ยวข้องร่วมในการร่าง พ.ร.บ.ด้วย รวมทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับธุรกิจรักษาความปลอดภัยที่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้แทนองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยเพียงคนเดียว ซึ่งถือว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.นี้ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
 
 
ก.พ.-ก.พ.ร. เล็งใช้แบบฟอร์มประเมินข้าราชการใหม่ คะแนนต่ำกว่า 50% โดนเด้ง ดีเดย์ 1 เม.ย. นี้
 
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 1 เม.ย. นี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เตรียมจะนำระบบการประเมินผลงานแบบใหม่มาใช้วัดผลงานกับข้าราชการทุกระดับ ใน 161 หน่วยงานรัฐ ตั้งแต่ระดับกรม กระทรวง จังหวัด รวมถึงระดับพื้นที่และภูมิภาค หรือองค์กรรัฐวิสาหกิจ หรือองค์การมหาชน ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นผู้กำกับดูแล
 
โดยระบบการประเมินรูปแบบใหม่นี้จะเน้นพิจารณาใน 3 ด้านหลัก คือ งานประจำ งานนโยบาย และภารกิจพิเศษสำคัญของรัฐบาล ซึ่งเน้นวัดประสิทธิผลและสมรรถนะในการทำงานของข้าราชการในทุกระดับ ซึ่งคาดว่าอาจใช้วิธีให้คะแนนแบบคะแนนเต็ม 100% หากต่ำกว่า 50-60% ถือว่าสอบตก หากผลงานไม่ผ่านก็จะถูกโยกย้ายออกจากหน่วยงานนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนการโยกย้ายตำแหน่งจากปีะละครั้งเป็นปีละ 2 ครั้งด้วย
 
ทั้งนี้การประเมินผลงานดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิดบางส่วนเท่านั้น หากจะมีการบังคับใช้อยางไรก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายวิษณุ เครืองาม ซึ่งขณะนี้ได้มีการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาและปรับแก้ไข โดยจะแถลงข่าวในรายละเอียดก่อนสิ้นเดือน ก.พ.นี้ เพื่อให้ทันใช้ในวันที่ 1 เม.ย. 2559
 
ส่วนการนำการประเมินแบบให้คะแนนมาใช้กับข้าราชการนั้น ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นไม่ให้ข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ เกียร์ว่างทำงานช้านั่นเอง อย่างไรก็ดีแม้การวัดผลแบบสถิติตัวเลขจะใช้ได้กับบางหน่วยงาน แต่บางหน่วยงานก็ใช้ไม่ได้ เช่น งานดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในทรัพย์สินของประชาชน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อาจใช้ตัวชี้วัดเป็นเป้าหมายตัวเลขเป็นการลดลงของคดีอาชญากรรมแทน เป็นต้น
 
 
ครม.อนุมัติขยายเวลาผ่อนผันแรงงานต่างด้าว
 
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติขยายเวลาผ่อนผันแรงงานต่างด้าวตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอในการขอขยายเวลาการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่อยู่ระหว่างรอการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ที่มีจำนวนกว่า 1 ล้านคน ให้สามารถพำนักและทำงานในประเทศไทยชั่วคราวได้ไปก่อนหลังครบกำหนด โดยไม่ต้องกลับประเทศ โดยทุกประเภทจะต่ออายุการทำงานได้อีกครั้งละ 2 ปี แต่ไม่เกิน 4 ครั้งรวมแล้วไม่เกิน 8 ปี ซึ่งการต่ออายุแต่ละครั้งให้เป็นไปตามเงื่อนไขตามที่กรมการจัดหางานกำหนด
 
 
“เพื่อไทย” ห่วงยุทธศาสตร์ 20 ปี ทำคนไทยตกงานเพิ่ม อาจไปขายแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน
 
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยมีความกังวลว่าหากรัฐบาลจะทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานอย่างมาก เพราะแค่ปี 2558 ปีเดียว รัฐบาลทำให้การลงทุนหายไปถึง 78% การส่งออกทรุดหนัก ซึ่งจะทำให้อนาคตการจ้างงานจะลดลงตามการลงทุนที่ลดลง นักศึกษาที่จบใหม่จะหางานทำไม่ได้ แถมหลายบริษัทต้องปิดกิจการหรือลดคนงานทำให้คนว่างงานมากขึ้น แค่ปีเดียวผลกระทบยังมากขนาดนี้ หากทำยุทธศาสตร์ยาวนานถึง 20 ปี จะทำให้เศรษฐกิจทรุดไปอีกขนาดไหน
 
นางลดาวัลลิ์กล่าวอีกว่า หากเศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่ำกว่าเพื่อนบ้านมากเหมือนในปัจจุบัน และ การลงทุนที่เข้ามายังอาเซียนไม่ลดลง แต่ไปลงทุนในประเทศอื่นหมด จะทำให้ในอนาคตแรงงานไทย นักศึกษาไทยอาจจะต้องไปขายแรงงานในประเทศเพื่อนกลับกันจากปัจจุบัน อีกทั้งแรงงานต่างด้าวก็คงจะย้ายกลับประเทศไป จะทำให้อุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งแรงงานต่างด้าวได้รับผลกระทบมาก
 
นางลดาวัลลิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หากทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลคิดได้แค่การให้ซื้อสินค้าโอท็อปแล้วไปลดภาษี และคิดว่าเป็นไอเดียบรรเจิด ทั้งๆ ที่จะมีผลช่วยประชาชนน้อยมาก หรือการเดินทางไปค้าขายกับประเทศที่มีขนาดเล็กเช่น กาตาร์ หรือ อิหร่าน และ รัสเซียที่ยังมีปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ เศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะฟื้นยาก ทางที่ดีที่รัฐบาลควรทำก็คือเร่งฟื้นฟูการลงทุนและการส่งออกไปยังประเทศหลักที่เขายังไม่ยอมรับความไม่เป็นประชาธิปไตยของเราในปัจจุบัน รวมถึงต้องร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นสากล ไม่มีองค์กรใดที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจเหนือกว่าอำนาจอธิปไตยของปวงชน
 
 
ขึ้นเงินเดือนพ่นพิษ "อปท." จ่อถังแตก-ให้พนักงานลาออก จี้เร่งแก้รายจ่ายประจำเกิน 40%
 
นายนพดล แก้วสุพัฒน์ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริหาร 3 สมาคมท้องถิ่น ประกอบด้วยสมาคม อบต., สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) แห่งประเทศไทย และสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) ได้สำรวจผลกระทบจากการขึ้นเงินเดือน 4% ให้กับข้าราชการและพนักงานท้องถิ่นทั่วประเทศตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งส่งผลกระทบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
 
บางแห่งมีการคำนวณรายจ่ายประจำเกิน 40% ตามมาตรา 35 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ทั้งนี้หลังผลสำรวจเสร็จสิ้นจะยื่นข้อเสนอให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณายกเว้นการใช้ระเบียบดังกล่าว เพื่อไม่ให้ อปท.ขนาดเล็กรายได้น้อยมีผลกระทบกับรายจ่ายประจำ เนื่องจากที่ผ่านมา อปท.ได้รับงบอุดหนุนรายปีเท่าเดิม
 
นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายก ส.ท.ท. กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากเทศบาลทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบรายจ่ายประจำจากการปรับขั้นเงินเดือน 4% และการแก้ไขปัญหาระยะสั้น เพื่อไม่ให้มีวงเงินเกินจากที่กฎหมายกำหนดจะต้องลดจำนวนพนักงาน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเพื่อจ้างพนักงานในลักษณะการจ้างเหมาบริการ ไม่มีเงินประกันสังคม ยอมรับว่าปัญหานี้มีผลกระทบกับขวัญและกำลังใจพอสมควร รวมทั้งมีผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ที่ขาดโอกาสในการพัฒนาท้องถิ่นตามแผนงานที่กำหนด
 
นายทนงศักดิ์ ทวีทอง นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี อดีต สปช.ท้องถิ่น กล่าวว่า ที่ผ่านมามีข้อเรียกร้องให้ยกเว้นการใช้ระเบียบแต่ยังไม่มีความคืบหน้า และการขึ้นเงินเดือนล่าสุดทำให้ อปท.ที่มีรายจ่ายประจำใกล้วงเงิน 40% ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และเพื่อไม่ให้มีการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย อปท.บางแห่งต้องจับสลากขอให้พนักงานลาออก เพื่อลดวงเงินค่าใช้จ่ายประจำ
 
นายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เข้าพบอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เพื่อชี้แจงปัญหาให้รับทราบและเร่งรัดเพื่อดำเนินการแก้ไข แต่ขณะนี้ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน และมีการกล่าวหาว่า อปท.จ้างบุคลากรมากเกินความจำเป็น ส่วนการขยายเพดานรายจ่ายประจำให้เกินร้อยละ 40 ก็มองว่าจะทำให้มีผลกระทบกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่น
 
 
รัฐบาลเล็งจัดระบบทุนการศึกษาไทย จวกองค์กรรับ นร.หนีทุนเข้าทำงาน
 
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแนวคิดจะปรับปรุงการให้ทุนการศึกษาทั้งระบบ โดยการขอความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เป็นแหล่งทุน พิจารณากำหนดสาขาที่จะให้ทุนให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ และสนับสนุนให้ผู้รับทุนกลับไปทำงานยังภูมิลำเนาของตน เพื่อช่วยพัฒนาท้องถิ่นและวางรากฐานประเทศไทยให้สามารถแข่งขันกับประชาคมโลกได้ พร้อมกันนี้ยังจัดระบบทบทวนวิธีการกำหนดสาขาที่จะให้ทุนมีความฉับไว รวมทั้งติดตามประเมินผลให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษากลับมาได้ทำงานตรงตามสาขาที่มีความถนัด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนประเด็นการหนีทุนการศึกษานั้น จำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง เพราะประเทศเสียหายทั้งในรูปของตัวเงิน ในรูปของเวลาโดยไม่สามารถตีเป็นตัวเงินได้ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกมหาวิทยาลัย ทุกหน่วยงานที่เป็นผู้ให้ทุน จะต้องติดตามตรวจสอบทุกรายชื่อที่มีพฤติกรรมเช่นนี้และดำเนินการให้ถูกต้อง หากเรื่องใดติดขัดหรือยังไม่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนก็ควรหารือกับกระทรวงต้นสังกัด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติจะปล่อยปละละเลยหรือเพิกเฉยไม่ได้
 
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวถึงการติดตามตรวจสอบผู้รับทุนหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ สถาบันการศึกษาและหน่วยงานองค์กรต่างๆที่รับบุคลากรเข้าทำงาน ควรมีการตรวจสอบประวัติอย่างถี่ถ้วน ถ้าเห็นว่ายังติดทุนที่ใดหรือมีพฤติกรรมหลบหนีหลีกเลี่ยงการปฎิบัติตามสัญญา ไม่ควรรับเข้ามาเป็นบุคลากรของตนเอง เพราะถือว่าเป็นผู้ขาดจริยธรรม หากองค์กรยังรับมาทำงาน ก็อาจถือว่าองค์กรนั้นขาดจริยธรรม เอาเปรียบสังคมด้วย
 
“การหนีการใช้คืนทุนการศึกษาเป็นเพียงปรากฏการณ์ของยอดภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งยังมีปัญหาอีกมากมายสะสมอยู่ที่อาจยังไม่ได้รับการเอ่ยถึง ดังนั้นการแก้ไขปัญหาการหนีทุนคงไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาการให้ทุนการศึกษาทั้งระบบ หรือช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศตามแนวทางที่เหมาะสม จึงต้องดำเนินการหลายด้านควบคู่กัน ด้วยการจัดระเบียบการให้ทุนการศึกษาทั้งระบบ”พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
 
 
"นกแอร์" ส่อวุ่นอีกนักบินลาออก 17 คน "พาที" รับมีลาออกจริง แจง 1 มี.ค.สู่ภาวะปกติ
 
นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวลือ นักบินนกแอร์ทยอยลาออก ว่า ยอมรับมีการลาออกจริง แต่ขอไม่ระบุจำนวน ถือเป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจการบินในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา จะมีพนักงานทุกตำแหน่งลาออกและเข้าใหม่ตลอดเวลา ดังนั้น เชื่อว่าสายการบินอื่นๆ ก็ประสบปัญหาลักษณะเดียวกัน แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ มีการนำไปเชื่อมไปโยงกับกรณีที่นักบินประท้วงหยุดบิน จนส่งผลกระทบต้องมีการประกาศยกเลิกเที่ยวบินเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้พยายามแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้โดยสาร และให้ความมั่นใจว่า สายการบินนกแอร์ จะยังคงให้บริการตามตารางบินที่ได้ประกาศไว้ โดยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ติดต่อสายการบินพันธมิตร เข้ามาทำการบินแบบเช่าเหมาลำแทน อาทิ ไทยสมายล์ ไทยเวียดเจ็ท
 
"ผมมองว่าเป็นปกติ หากจะมีกัปตันที่ถูกให้ออกไป 3 คน จะมีเพื่อนกัปตันในกลุ่มเดียวกันสมัครใจลาออกตามไปด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาโครงสร้างภายในองค์กร ทำให้ต้องมีการดำเนินการเพื่อล้างบางทั้งหมด แต่มั่นใจว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ สถานการณ์ทุกอย่าง จะเข้าสู่ภาวะปกติอย่างแน่นอน" นายพาที กล่าว
 
แหล่งข่าวภายในสายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักบินของสายการบินนกแอร์เริ่มทยอยยื่นใบลาออก เบื้องต้น เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการยื่นใบลาออกรวม 17 คน แต่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป รวมทั้งมีการจับตามองว่า อาจมีการทยอยลาออกอีก
 
 
หนุ่มสาวชาวอีสานหนี วิกฤตภัยแล้ง-สินค้าเกษตรราคาตกต่ำไปทำงานเกาหลี
 
บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวจากหลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนมาก เข้ายื่นใบสมัครเพื่อทดสอบความสามารถภาษาเกาหลี เพื่อไปทำงานในประเภทกิจการอุตสาหกรรม โดยรอ เข้าคิว 4 แถวจากทางเข้าศูนย์การค้า คอมแลนด์มาร์ค จ.อุดรธานี ด้านถนนประจักษ์ศิลปาคมยาวมาอ้อมวงเวียนเฉลิมพระเกียรติ จนไปตามถนนอุดรดุษฎี อีกด้านหนึ่งของศูนย์การค้า ระยะทาง กว่า 200 เมตร ซึ่งเป็น 1 ใน 4 สถานที่สมัครทั่วประเทศ คือ กรุงเทพมหานคร จ.นครราชสีมา และ จ.ลำปาง ในระหว่างวันที่ 24-26 ก.พ.นี้
 
นายพงศวัฒน์ เพชรวิเชียร จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เกาหลี เปิดรับสมัครทดสอบความสามารถภาษาเกาหลี เพื่อจัดส่งไปทำงานที่เกาหลี ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ โดยปีนี้มีผู้มาสมัครไปทำงานเกาหลีเป็นจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุเพราะไม่ต้องเสียค่านายหน้า ขณะเดียวกันต้องการหนีภัยแล้งและสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ
 
นายอุทัย สรวงศิริ ชาว อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี กล่าวว่า เคยไปทำงานที่เกาหลีช่วงปี 2552-2557 แต่ช่วงนี้ประสบปัญหาภัยแล้งทำการเกษตรไม่ได้ จึงมาสมัครไปทำงานที่เกาหลีอีก เนื่องจากไม่ต้องเสียเงินค่านายหน้าเหมือนสมัยก่อน ที่สำคัญสามารถพูดภาษาเกาหลีได้
 
นางนัตยา สัพพะโส ชาว อ.นายูง อุดรธานี กล่าวว่า ไม่เคยไปทำงานต่างประเทศ ปกติทำไร่ ทำสวน และกรีดยางอยู่ที่บ้าน แต่มีปัญหาอยู่ตรงที่ราคายางตกต่ำ จึงตัดสินใจสมัครไปทำงานที่เกาหลีเหมือนกับพี่สาวที่เดินทางไปทำงานโรงงานเสื้อผ้าก่อนหน้านี้ ซึ่งมีรายได้เดือนละ 3-4 หมื่นบาท
 
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท