Skip to main content
sharethis

3 มี.ค.2559 หลังจากมีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติกรณีการยื่นฟ้องทางอาญา และเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 จนเป็นเหตุให้การเลือกตั้งต้องเป็นโมฆะ และทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ทั้งกลุ่ม กปปส. และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฝ่ายละ 2,400 ล้านบาท นั้น (อ่านรายละเอียด)

เพื่อไทยโวยกลับตาลปัตร กกต.ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 'ยิ่งลักษณ์'

ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เช่น นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เห็นข่าว กกต.จะฟ้องเรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย จำนวน 2,400 ล้านบาท กรณีปล่อยให้มีการเลือกตั้งทั้งที่มีการทักท้วง นั้น ตน รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมโลกถึงกลับตาลปัตรถึงเพียงนี้ ไทยแลนด์โอนลี่ มีที่เดียวในโลกจริง ๆ ที่ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนถูกกลั่นแกล้ง ถูกกระทำทุกวิถีทางให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง และเมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็ยังกระหน่ำซ้ำเติมด้วยการนำเรื่องที่ได้กระทำในหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายไปฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวนมากอีก นี่หรือความยุติธรรม แล้วบ้านเมืองจะเกิดความปรองดอง เกิดความสามัคคีได้อย่างไร ใคร ฝ่ายใดเป็นผู้สร้างความขัดแย้ง ประชาชนทราบดี หรือถึงยุค น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาวแล้ว จึงเห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด ได้ถึงเพียงนี้ 

นายชวลิต ฯ กล่าวว่าโดยข้อเท็จจริงแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฯ อดีตนายกฯ ท่านทำงานตามหน้าที่ และจำเป็นต้องทำตามกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ กล่าวคือ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลมีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปคามพระราชกฤษฎีกา หากไม่ดำเนินการ ก็เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แน่นอน การมีผู้ประท้วงไม่ให้มีการเลือกตั้ง ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าที่ฝ่ายรักษาความสงบที่จะต้องรักษากฎหมาย กรณีไม่ใช่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเกิดแผ่นดินไหวเป็นสาธารณภัยรุนแรงจนจัดการเลือกตั้งไม่ได้ ถึงจะเลื่อนการเลือกตั้ง ประเด็นสำคัญก็คือถ้าปล่อยว่างเว้นไม่มีรัฐบาลมาบริหารประเทศจะยิ่งเป็นวิกฤตกับประเทศชาติและประชาชน ใครจะรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงรู้กันทั้งประเทศว่า มีกลุ่มการเมืองกลุ่มไหนขัดขวางการเลือกตั้ง จนทำให้การเลือกตั้งไม่สำเร็จ ที่สำตัญ กกต.เองนั่นแหละที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์และเที่ยงตรง จนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สำเร็จหรือไม่ ประการสำคัญที่สุด หากยังจำกันได้ มี กกต.ท่านหนึ่งหาญกล้าอย่างยิ่ง คงมั่นใจว่ามีแบ็คดี จึงกล้าแต่งกลอนแปดเปิดเผยตัวตนว่า "ทำงานใหญ่จำใจต้องเอียง" จนเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วประเทศ
 
นายชวลิต ฯ กล่าวในที่สุดว่า โดยส่วนตัว ไม่ชอบการค้าความ ไม่อยากจมปลักอยู่กับความขัดแย้ง อยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้าได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ใหญ่ของ พท.และ พท.ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมอย่างต่อเนื่อง ในสถานการณ์อย่างนี้ก็คงต้องพึ่งประชาชน ฟ้องประชาชน ที่เลือก พท.และอดีตส.ส.พท.มา เพราะประชาชนทั้งประเทศคงเห็นข้อเท็จจริงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นรม.และ พท.ถูกกระทำจากอำนาจนอกระบประชาธิปไตยจนต้องพ้นจากตำแหน่ง และยังจะมาถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายอีก ที่พึ่งที่ดีที่สุดขณะนี้ คือ ประชาชนเท่านั้น
 
กปปส.ชี้ กกต.ฟ้องแก้เกี้ยว ย้อนรู้แก่ใจเลือกตั้งโมฆะยังฝืน
 
ขณะที่  MGR Online รานงานด้วยวา นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส.กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุม กกต. ได้มีมติดังกล่าวนั้น ว่า ในรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 108 เขียนเอาไว้ชัดเจนว่าการเลือกตั้งทั่วไปนั้นให้จัดทำเพียงวันเดียว กกต.ได้เปิดสมัครรับเลือกตั้งในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2557 ปรากฏว่ามีผู้มาสมัครรับเลือกตั้งขาดไป 28 เขตเลือกตั้ง เมื่อไม่ครบ กกต.ก็รู้อยู่แก่ใจ จึงทำคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนไปได้หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ กกต.มั่นใจว่าสามารถเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 2 ก.พ.เป็นวันอื่นได้
       
นายถาวรกล่าวต่อว่า หลังจากนั้น กกต.ได้ไปหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งทางรักษาการนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วผู้ตรวจการแผ่นดินก็มายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการเลือกตั้งมีความชอบธรรมหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ก็จึงสั่งให้การเลือกตั้งนั้นเป็นโมฆะไป ดังนั้น สาเหตุที่การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.เป็นโมฆะก็คือ ผู้สมัครรับการเลือกตั้งไม่ครบทุกเขต ดังนั้น เมื่อ กกต.และน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นต้นเหตุ ยังดันทุรังจัดการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดรัฐธรรมนูญรู้ว่าจะเกิดโมฆะ เพราะผู้สมัครไม่ครบทุกเขต กกต. และ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงควรที่จะรับผิดชอบกับการเลือกตั้งนั้นเป็นโมฆะ ไม่ใช่กลุ่ม กปปส.
       
“การลงมติของ กกต.ที่จะฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ กปปส.เป็นการลงมติแบบแก้เกี้ยว เพราะรู้อยู่ว่าประชาชนกำลังดำเนินการให้ กกต.ต้องรับผิดชอบ ผมขอโต้แย้ง และที่สำคัญหลังจากนี้ กปปส.ก็จะทำบันทึกถึงรัฐบาลให้ทบทวนเรื่องการเรียกค่าเสียหายจากการเลือกตั้งเพื่อให้เรียกค่าเสียหายได้ถูกคน เพราะถ้าไปฟ้องผิดนั้นก็จะส่งผลทำให้ คดีขาดอายุความได้” นายถาวรกล่าว
       
ส่วนข้อหาที่ว่าไปขัดขวางการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.นั้น นายถาวรกล่าวว่า ในวันนั้น กปปส.แค่เชิญชวนให้คนไม่ไปลงคะแนนเสียง แต่ไม่ได้ไปขัดขวางการเลือกตั้งแต่อย่างใด ที่ กกต.ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อมวลมหาประชาชนกรณีไปปิดคูหาเลือกตั้งที่เขตดินแดง ที่พระโขนง และที่อื่นๆ ศาลอาญาก็ได้วินิจฉัยและยกฟ้องไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องการสมัครรับเลือกตั้งที่ไม่เรียบร้อยนั้นก็เป็นอำนาจของ กกต.เองที่จะต้องทำให้การสมัครการเลือกตั้งมีความสงบเรียบร้อย ถ้าพื้นที่ใดสมัครไม่ได้ก็เลื่อนไปที่อื่น หรือไม่ก็จัดกำลังไปเฝ้าดูแลการรับสมัคร เป็นต้น
 
อดีต กกต. ชี้ผู้รับผิดชอบคือผู้ที่ขัดขวางการเลือกตั้ง
        
Voice TV รายงานด้วว่า นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการเลือกตั้ง ให้ความเห็นทางข้อกฎหมายถึงความรับผิดชอบต่อการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 ที่เป็นโมฆะไปโดยมองว่า บุคคลกลุ่มแรกที่ต้องรับผิดชอบ คือ ผู้ที่ขัดขวางการเลือกตั้งเพราะมีหลักฐานชัดเจนส่วน กกต. มีหน้าที่บริหารจัดการเลือกตั้งรวมทั้งอำนาจในการเลื่อนวันเลือกตั้ง ดังนั้น กกต. ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยเช่นกัน
 
ส่วนการที่ กกต.จะฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 2,400 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น อดีต กกต.มองว่า ยังไม่มีความชัดเรื่องข้อกฎหมาย 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net