Skip to main content
sharethis

นักข่าวพลเมือง TPBS รายงาน เหมืองแร่ทองคำยอมถอนฟ้องคดีชาวบ้านโพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นประมาท หลังจากศาลแม่สอดให้บริษัทพูดคุยกับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ด้านการฟ้องคดีกับตำรวจ อัยการสั่งไม่ฟ้อง ชี้เป็น “การติชมด้วยความเป็นธรรม ตามวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม”

10 มี.ค. 2559 นักข่าวพลเมือง TPBS รายงานว่า เวลาประมาณ 09.45 น. สุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ เลขาธิการกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด และตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน อ.วันสะพุง จ.เลย 1 คนรถตู้ เดินทางมาที่ศาลแม่สอด จ.ตาก ตามที่ศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์และจำเลย จากกรณีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องนายสุรพันธุ์ ในข้อหาหมิ่นประมาท และนำเข้าข้อความอันเป็นเท็จสู่คอมพิวเตอร์ (อาญา) คดีดำ 1430/2558 โดยอ้างว่า นายสุรพันธุ์ได้นำเข้าข้อความในเฟซบุ๊กเพจ ‘เหมืองแร่ เมืองเลย’

นอกจากกลุ่มชาวบ้านแล้ว พยานผู้เชี่ยวชาญฝั่งจำเลย ที่เดินทางมาสืบพยานในวันนี้ประกอบด้วย นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และจอมพล พิทักษ์สันตโยธิน อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ส่วนในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค. 2559) จะมีการสืบพยาน อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการสืบพยานโจทก์และจำเลย ศาลได้ไกล่เกลี่ยให้โจทก์และจำเลยพูดคุยกันเพื่อให้มีการถอนฟ้องคดี ซึ่งโจทก์ยินยอมจะถอนฟ้องหากจำเลยยืนยันว่าไม่ใช่คนโพสต์จริง ส่วนจำเลยยืนยันไม่ใช่คนโพสต์ข้อความและไม่คัดค้านหากโจทก์จะถอนฟ้อง ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องคดีนี้ ทำให้ไม่มีการสืบพยานต่อไปอีกในวันที่ 10-11 มี.ค. 2559 ตามนัดหมายเดิม

ส รัตนมณี พลกล้า นักกฏหมายจากศูนย์ข้อมูลชุมชน ทีมทนายจำเลย ให้ข้อมูลว่า คดีนี้โจทก์เสนอถอนฟ้องโดยมีเงื่อนไขให้จำเลยโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย ว่าไม่ได้เป็นคนโพสต์ข้อความตามที่ถูกฟ้อง ซึ่งจำเลยไม่ได้คัดค้านการถอนฟ้อง แต่ไม่รับที่จะดำเนินการตามคำขอ ซึ่งศาลก็ได้พิจารณาอนุญาตให้ถอนฟ้อง ทำให้คดีของชาวบ้านสิ้นสุดไปอีก 1 คดี 

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด มีคดีที่จะต้องขึ้นศาลอีก คือ คดีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องสมัย ภักดิ์มี ประธานสภา อบต.เขาหลวง เป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดเลยในข้อหาเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ ซึ่งนัดสืบพยานในวันที่ 17-19 พ.ค. 2559 

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังฟ้องสมัยในอีกคดีหนึ่งในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ และถอนการขออนุญาตใช้พื้นที่ ส.ป.ก. ออกจากวาระการประชุมสภา อบต.เขาหลวง นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 23 พ.ค. 2559

ส่วนคดีที่มีการนัดฟังพิพากษา มี 2 คดีคือ คดีที่บริษัทฯ ฟ้องเรียกค่าเสียหายชาวบ้าน 50 ล้านบาท จากการก่อสร้างป้าย ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ ที่ซุ้มประตูและบริเวณเส้นทางเข้าหมู่บ้าน ศาลจังหวัดเลยนัดฟังคำพิพากษา 30 มี.ค. 2559 และคดีที่ชาวบ้านถูกกระทำจากการปิดล้อมหมู่บ้านเพื่อขนแร่ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2557 ซึ่งมีการฟ้องนายทหาร 2 นาย นัดฟังคำพิพากษา 16 พ.ค. 2559

ทั้งนี้ ตามคำฟ้องในคดีนี้ ของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด อ้าง ว่า เหตุเกิดที่ ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยสุรพันธุ์ถูกกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2557 ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กในเพจชื่อ ‘เหมืองแร่เมืองเลย’ ระบุว่า บริษัทได้ประทานบัตร 6 แปลงเพื่อทำเหมืองแร่ทองคำและแร่พลอย บนภูทับฟ้าและภูซำป่าบอนโดยมิชอบ  ทำให้ให้สินแร่ที่ได้จากการทำเหมืองแร่ตามประทานบัตรนั้นมิชอบด้วย

ทางบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เห็นว่าการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และประการที่ลูกค้าของโจทก์ได้เห็นข้อความดังกล่าวอาจจะทำให้เกิด ความไม่แน่ใจในกิจการของโจทก์ หรือไม่เชื่อถือในสินค้าของโจทก์ และประชาชนทั่วไปที่พบเห็น ก็เข้าใจได้ว่าโจทก์ประกอบธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ 2550 มาตรา14 (1)

คดีฝั่งตำรวจ อัยการจังหวัดแม่สอดสั่งไม่ฟ้องกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีโพสต์ข้อความเดียวกันนี้ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้ดำเนินการทางคดี 2 ทาง คือการฟ้องคดีต่อศาล และก่อนหน้านี้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับทางสถานีตำรวจภูธรแม่สอดในขอหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาต่อ สุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ และภัทราภรณ์ แก่นจำปาด้วย ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้ (9 มี.ค. 2559) ทั่งสองได้เดินทางไปเซ็นรับทราบคำสั่งไม่ฟ้องคดีของอัยการจังหวัดแม่สอดที่ สภอ.แม่สอด 

ในเอกสารไม่สั่งฟ้องของอัยการมีคำวินิจฉัยว่า หนังสือร้องเรียนของกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดที่ ได้ทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบสินแร่ของบริษัทฯ ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นหนังสือแสดงความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับ จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ติชมด้วยความเป็นธรรม ตามวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม อีกทั้งไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้งานและ IP Address ได้ คดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net