Skip to main content
sharethis

กรณีอุบัติเหตุรถชนกันระหว่างเบนซ์ชนฟอร์ดจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีคลิปขณะชนจนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

พระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ

สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า ในวันนี้ (19 มี.ค.59) ครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ร่วมกันทำบุญเป็นครั้งสุดท้ายและถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ในเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา  ก่อนที่จะมีการเคลื่อนศพขึ้นสู่เมรุ ในเวลาประมาณ 14.00 น. และพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ ในเวลา 16.00 น.

ป.ป.ท.ส่งหนังสือขอตรวจสอบการทำหน้าที่ของตำรวจ

ล่าสุดวันนี้ (19 มี.ค.59) สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระอินทร์ราชา เกี่ยวกับการสอบสวนเหตุรถเบนซ์ชนนักศึกษาปริญญาโท 2 รายเสียชีวิต บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอินดังกล่าว ว่าอาจไม่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ว่า ในฐานะที่ ป.ป.ท.มีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อเกิดข้อสงสัยของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ก็มีหน้าที่ต้องติดตามข้อเท็จจริง

เบื้องต้นได้ใช้อำนาจตามคำสั่งที่ 69 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติผิดมิชอบ ส่งหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามาจากเหตุใด อย่างไรก็ตามแม้จะมีการเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนคดีจากสภ.พระอินทร์ราชา เป็นตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ป.ป.ท.จะติดตามความคืบหน้าการทำงานของตำรวจอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ เพราะคดีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน
 
พล.ต.อ.พงศพัศ สั่งเปลี่ยน พนง.สอบสวน
 
ขณะที่เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ไปติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวที่ สภ.พระอินทร์ราชา โดย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้มาติดตามความคืบหน้าของคดี เพราะเป็นที่สนใจของสังคม และมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ดังนั้น จึงมีคำสั่งเปลี่ยนพนักงานสอบสวน โดยให้ พ.ต.อ.สุรินทร์ ทับพันบุบผา รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกราช อุ่นเจริญ ผกก.สอบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เข้ามาทำการสอบสวนทำคดีนี้แทน และตั้ง พ.ต.อ.ภูดิท ชนะคชภัทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา สอบข้อเท็จจริงในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่ทำหน้าที่ล่าช้าและเกิดความเคลือบแคลงสงสัยของสังคม โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสารเสพติดหรือแอลกอฮอลล์ หากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการในเรื่องของวินัยต่อไป
 
ทั้งนี้ ทีมสอบสวนที่แต่งตั้งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ใหม่ มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการทำงานเรื่องของสอบสวนมาแล้วหลายคดี ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจได้ว่า จะไม่มีการช่วยเหลือใคร พร้อมกำหนดระยะเวลาภายใน 3 วัน ต้องมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับกองบังคับการพิสูจน์หลักฐานให้เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ ประเด็นทิศทางการชนและความเร็วของรถ
 

อธิบดีคุมประพฤติรับ 'แพรวา' ผิดเงื่อนไขคุมประพฤติ ไม่ทำงานบริการสังคม

จากกรณีดังกล่าวทำเกิดกระแสการตรวจสอบกรณีขับรถชนคนที่เคยเกิดและเป็นที่วิพากษฺวิจารณ์ในอดีต  เช่นกรณี น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขณะเกิดเหตุเป็นเยาวชนขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิคเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารสายธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-หมอชิต บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ เป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิตรวม 9 รายเมื่อปี 53 และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 4 ปี และเพิ่มเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชั่วโมง รวม 4 ปี และห้ามขับรถจนอายุ 25 ปี นั้น
 
ล่าสุด Nation TV รายงานว่าวันนี้ 19 มี.ค. 59 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ยอมรับว่า จากการตรวจพบว่า น.ส.แพรวายังไม่เคยไปทำงานบริการสังคมตามเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติ แต่อย่างใด ทั้งที่ตามกฎหมายอาญามาตรา56 ระบุว่า หลังศาลมีคำสั่งให้คุมประพฤติ ทั้งน.ส.แพรวาและกรมคุมประพฤติต้องตกลงกันว่า จะให้ผู้ถูกคุมประพฤติไปทำงานบริการสังคมที่ใด แต่จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.แพรวา ไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไข แต่นำเอกสารมายื่นแสดงว่าไปทำงานบริการสังคม ที่รพ.พระมงกุฎโดยอ้างว่า กลัวอันตราย ซึ่งตามขั้นตอนจะต้องแจ้งกรมคุมประพฤติก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งให้รับทราบถึงขั้นตอนที่ถูกต้อง กลับถูกทางครอบครัวน.ส.แพรวาทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ถูกเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติข่มขู่
 
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กรมคุมประพฤติได้รายให้ศาลรับทราบแล้ว ว่า น.ส.แพรวาไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขคุมประพฤติ ซึ่งศาลจะต้องมีคำสั่งไต่สวนและมีคำวินิจฉัย โดยศาลได้นัดให้ทั้ง2 ฝ่ายเข้ารับฟังในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ซึ่งผ่านมากรณีของน.ส.แพรวา ถือว่าศาลได้เมตตาสูงสุด เพราะผู้ต้องหาเป็นเยาวชนจึงต้องการให้โอกาสแก้ไขความผิด ได้เรียนหนังสือและกลับมาทำงานรับใช้สังคม แต่ปรากฎว่าก็ไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
 
"การปล่อยปะ จะทำให้ดูเหมือนกฎหมายเลือกปฎิบัติ ถ้าเป็นลูกคนจน ผู้ด้อยโอกาสก็ต้องก้มหน้ารับกรรมทำตามเงื่อนไข แต่ถ้าเป็นรวยแล้วทำอะไรก็ได้ จริงๆหากเขาทำตามเงื่อนไข อยากทำบริการสังคมที่รพ.เอกชน ก็ได้โดยแจ้งมาที่กรมคุมประพฤติรับทราบ ไม่ใช่อยากจะทำที่ไหนก็ทำตามอำเภอใจ" อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net