Skip to main content
sharethis
 
24 มี.ค. 2559 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนหลัง 3 เดือนการสืบสวนสอบสวนกรณีหายตัวไปของนายฟาเดล เสาะหมาน ไม่คืบหน้า 
 
โดยระบุว่า จากที่มีการเผยแพร่และร้องเรียนหลายหน่วยงานว่านายฟาเดล ได้ถูกบังคับให้หายสาบสูญไปตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ม.ค. 2559  โดยตามข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบของมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมนั้น ระบุว่าเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันดังกล่าว นายฟาเดลได้ออกจากบ้านพร้อมรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ทะเบียน ก 670 ปัตตานี โดยขณะที่เข้าไปทำภารกิจในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้มีคนร้ายขับรถยนต์เก๋งสีดำเข้าไปในโรงเรียนและจอดรถบริเวณสนามฟุตบอล ทันใดนั้น ได้มีชายฉกรรจ์ 3 คน ลงจากรถและวิ่งไปทางอาคารห้องพักครูซึ่งห่างจากรถที่จอดอยู่ประมาณไม่เกิน 5 เมตร จากนั้นชายฉกรรจ์ 2 คน ได้เข้าล็อกแขนนายฟาเดลคนละข้าง ลากตัวมาที่รถยนต์ซึ่งกำลังจอดอยู่ ขณะที่ชายอีกคนวิ่งมาเปิดประตูรอไว้ก่อนแล้ว จากนั้นได้ไปนั่งที่นั่งคนขับ โดยมีบุคคลที่อยู่ในโรงเรียนเห็นเหตุการณ์ และเห็นนายฟาเดลขณะที่ถูกลากตัวได้ขัดขืนโดยการเอามือดันไว้ที่ขอบประตูบนของรถ แต่ได้มีชายอีกคนฝั่งขวามือพยายามยกขาของนายฟาเดล และยัดขาเข้าไปในรถจนรองเท้าตกลงพื้น คนขับรถจึงได้รีบขับรถออกไปจากบริเวณโรงเรียน
 
จากการติดตามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว มูลนิธิผสานวัฒนธรรมโดยการสัมภาษณ์ญาติพบว่าญาติยังคงเฝ้าติดตามการหายตัวไปและต้องการทราบชะตากรรมของนายฟาเดล โดยได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และต่อมาพนักงานสอบสวนสภ.นาประดู่ได้ส่งหนังสือตอบกลับลงวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่า “อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน” และ “จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนกว่าคดีจะหมดอายุความตามกฎหมาย”
 
จากกรณีที่เกิดขึ้น มูลนิธิผสานวัฒนธรรม พบว่ามีข้อสงสัยหลายประการในการถูกบังคับให้หายสาบสูญของนายฟาเดล  กล่าวคือนายฟาเดลเป็นอดีตผู้ต้องขังถูกเจ้าหน้าที่จับกุมฟ้องร้องดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงที่ศาลจังหวัดปัตตานีได้มีคำพิพากษายกฟ้อง แต่หน่วยงานความมั่นคงก็ยังคงเฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายฟาเดลและสมาชิกในครอบครัวของนายฟาเดลมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเดือนก.ค. 2558 นายฟาเดลได้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แล้วถูกนำตัวไปควบคุมที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี  เป็นเวลา 7 วัน และก่อนการหายตัวไปตามคำบอกเล่าของญาติวว่าระหว่างวันที่ 17 ม.ค. ถึงวันที่ 23 ม.ค. 2559 ก็ได้มีการนำตัวนายฟาเดลไปยังที่ค่ายทหารอีกแห่งหนึ่งเป็นเวลา 7 วัน และนายฟาเดลได้กลับบ้านมาหนึ่งวันแล้วถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ใช้กำลังบังคับเอาตัวและหายสาบสูญไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2559 ดังกล่าว จนปัจจุบันเป็นระยะเวลา 3 เดือนแล้วยังไม่ทราบชะตากรรม  นอกจากนี้การอุ้มตัวนายฟาเดลนั้นเกิดขึ้นอย่างอุกอาจในเวลากลางวันในโรงเรียนที่เป็นพื้นที่สาธารณะก่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนในพื้นที่ในเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างมาก      มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ดำเนินการดังนี้
 
1.         ขอให้ผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีหน้าที่โดยตรงในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาทั้งปวงต้องดำเนินการให้มีตรวจสอบอย่างจริงจังและอย่างเร่งด่วนในกรณีนายฟาเดล เสาะหมาน เพื่อคลี่คลายคดีร้องเรียนดังกล่าวและสืบสวนสอบสวนจนทราบชะตากรรม  โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่  เนื่องจากมาตรการที่จริงจังของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับเรื่องร้องเรียนจะเป็นมาตรการที่ป้องปรามการบังคับให้บุคคลสูญหายรายต่อๆไป  การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นอาชญกรรมที่ร้ายแรงที่สุดจึงต้องมีการสืบสวนสอบสวนอย่างคดีอาญาสำคัญโดยพลัน อย่างจริงจัง อิสระ เป็นมืออาชีพ รวมทั้งแจ้งความคืบหน้าทางคดีต่อญาติอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอ
 
2.         ขอให้รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมเร่งดำเนินการ ตรากฎหมายคือพ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหายให้สอดคล้องกับหลักการสากล  โดยกำหนดให้การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดทางอาญาและให้สัตยาบันในอนุสัญญาการคุ้มครองบุคคลไม่ให้มีการบังคับสูญหายขององค์การสหประชาชาติโดยไม่ชักช้า เพื่อสร้างมาตรฐานทางกฎหมายอาญาในประเทศโดยเร็วตามที่ได้ให้คำมั่นไว้กับประชาคมระหว่างประเทศและในระหว่างการทบทวนรายงานสิทธิมนุษยชนต่อองค์กรสหประชาชาติ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net