Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเปิดหลักสูตรอบรมผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ว่า เป็นหลักสูตรที่เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้รับผิดชอบและจะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด ซึ่งไม่ห่วงว่าการเปิดหลักสูตรดังกล่าวจะทำให้ภาพลักษณ์ของ คสช. เสียหายว่าไม่รับฟังความเห็นต่าง เพราะผู้ที่ถูกเชิญตัว ล้วนแล้วแต่มีการแสดงความเห็นและมีพฤติกรรม ภูมิหลังที่ขัดแย้งกับการทำงานของรัฐบาลและ คสช.อย่างชัดเจน ส่วนสถานที่อบอรมจะเป็นที่ใด ขึ้นอยู่กับ คสช.จะพิจารณาสถานที่ที่เหมาะสม

ขณะที่ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ส่วนงานรักษาความสงบสำนักงานเลขาธิการ คสช. เปิดเผยว่า การเตรียมหลักสูตรอบรมนักการเมืองที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้มอบหมายให้พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.จัดทำหลักสูตรโดยจะเชิญคนวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญและตัวบุคคลที่บริหารราชการแผ่นดิน เข้ามาพูดคุยอยู่ร่วมกัน 3-7 วัน โดยมีหลักเกณฑ์คือจะไม่ละเมิด สิทธิส่วนบุคคล  ไม่ทำเกินกรอบกฎหมายที่กำหนดและจะใช้อำนาจ คสช.เท่าที่มีอยู่ รวมถึงจะแจ้งญาติและทำความเข้าใจทุกคนที่มีการเชิญตัวบุคคลเหล่านั้น แต่จะไม่เปิดเผยสถานที่ที่เข้ารับการอบรม
 
“คสช.ขอยืนยันว่าไม่ใช่การปรับทัศนคติ แต่เป็นการให้ข้อมูลและทำความเข้าใจ ส่วนหลักเกณฑ์ของผู้ที่จะเข้ามารับการอบรมจะไม่มีการสร้างเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นคนหน้าใหม่หรือหน้าเก่า แต่เมื่อใดก็ตามที่มีการประกาศใช้ แล้วใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ก็จะถูกเชิญเข้ามาอบรม แต่ก่อนที่จะเข้ามารับการอบรมจะมีการตรวจสุขภาพการดูแลความเป็นอยู่ให้  พร้อมทั้งให้ความรู้และให้รับทราบถึงการทำงานของคสช.ว่าได้มีการทำงานกันอย่างไรบ้าง” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว
 
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า สำหรับระยะเวลาของหลักสูตรดังกล่าวจะนำมาใช้ในเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง  ซึ่งสถานที่ที่จะจัดให้มีการอบรมได้พิจารณาไว้หลายแห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตามสมควร  ขณะนี้ยังเป็นเพียง แนวคิดกว้าง ๆ ก่อนจะได้หารือแล้วนำเสนอหัวหน้าคสช.อีกครั้งเพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการพูดคุยทำความเข้าใจ เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย แม้บางคนอาจจะไม่ยอมรับก็จะพยายามนำข้อมูลมาชี้แจงให้กับคนที่ยังไม่เข้าใจให้มากขึ้น แต่หากพบว่า ยังมีความไม่เข้าใจและยังวิพากษ์วิจารณ์อยู่จะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลและติดตามข้อมูลว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่
 
เรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net