Skip to main content
sharethis

BBC Thai เผยประวัติ พ.ท.สมคิด คงแข็ง ผบ.หน่วยที่เกิดเหตุซ้อมพลทหารทรงธรรมจนตาย เคยมีชื่อรับผิดชอบทีมจับกุมที่ทำร้ายผู้ต้องสงสัยตายมาแล้วในปี 2555 คดีไม่คืบหน้า ขณะที่เจ้าตัวได้เลื่อนยศจนมาเป็นผู้บัญชาการหน่วย

8 เม.ย. 2559 BBC Thai รายงานว่า นสพ.เดลินิวส์เสนอข่าวก่อนหน้านี้ว่า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบกให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าได้มีการออกคำสั่งโยกย้ายนาย ทหารคือ พ.ท.สมคิด คงแข็ง ผบ.ร.152 พัน 1 รวมทั้งนายทหารยศร้อยเอกที่มีชื่อในกลุ่มนายทหาร 6 คนที่ร่วมกันลงโทษพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด สังกัด ร.152 พัน 1 ค่ายพยัคฆ์ บันนังสะตา จังหวัดยะลา ให้ออกนอกหน่วย เนื่องจากถือว่ามีส่วนต้องร่วมรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนั้น ผบ.ทบ.ระบุว่า จะไม่มีการปกป้องทหารยศนายสิบที่ร่วมทำร้ายพลทหารทรงธรรม จะมีการลงโทษทางวินัยและอาญา พร้อมกันนั้นเตือนสังคมว่า กองทัพมีทหารเป็นจำนวนมาก ทหารที่ไม่อยู่ในวินัยมีเพียงไม่กี่นายเท่านั้นต้องไม่เหมารวม

สำหรับ พ.ท.สมคิด คงแข็ง นั้นไม่มีชื่ออยู่ในกลุ่มที่ร่วมลงโทษพลทหารทรงธรรม แต่เป็นผู้ดูแลหน่วย คำสั่งโยกย้าย พ.ท.สมคิดทำให้มีการตรวจสอบย้อนหลังและพบว่า เมื่อปี 2555 พ.ท.สมคิดเคยมีชื่อเกี่ยวพันกับคดีทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตมาแล้ว

ศูนย์ทนายความมุสลิมให้ข้อมูลว่าในปีนั้น พ.ท.สมคิดซึ่งขณะนั้นดำรงยศร้อยเอก มีชื่ออยู่ในชุดเจ้าหน้าที่กำลังผสมทหารและตำรวจที่เข้าจับกุมกลุ่มผู้ต้อง สงสัยที่หมู่ 5 ต.สะเอะ กรงปินัง ยะลา โดยผลของการล้อมจับทำให้ต่อมามีผู้ร้องเรียนว่าทำให้ผู้ถูกจับรายหนึ่งถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตคือ อัสฮารี สะมะแอ โดยเสียชีวิตในโรงพยาบาลหลังจากที่ถูกจับกุมเพียงหนึ่งวัน หลังการไต่สวนการตายในชั้นศาล ศาลยะลามีคำสั่งเมื่อ 28 มิ.ย. 2555 ระบุว่า อัสฮารีเสียชีวิตในระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว โดยมีหลักฐานสำคัญคือบาดแผลบนตัวของผู้ตายที่สอดคล้องกับรอยแผลบนร่างกายของ พยานอีกหลายปากที่เป็นผู้ที่ถูกจับกุมในคราวเดียวกันและโดนทำร้ายร่างกายไปพร้อม ๆ กัน

คดีของอัสฮารีเป็นหนึ่งในไม่กี่กรณีที่ศาลระบุชัดเจนว่า ผู้ตายเสียชีวิตเพราะได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกายจนสมองช้ำ ในหนนั้นร้อยเอกสมคิดในขณะนั้นเป็นผู้มีส่วนร่วมรับผิดชอบดูแลกลุ่มเจ้าหน้าที่กำลังผสมตำรวจทหารที่เข้าดำเนินการจับกุมด้วย

ในระหว่างการไต่สวนการตายในชั้นศาล เจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องให้การว่า อัสฮารีหลบหนีการจับกุมและลื่นหกล้มจนไปกระทบของแข็งเช่นโขดหินและต้นไม้ใหญ่ ซึ่งศาลเห็นว่าเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกับลักษณะบาดแผลบนร่างกายของผู้ตาย คดีดังกล่าวญาติและทนายความได้ใช้เวลาเกือบห้าปีในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จนกระทั่งศาลยะลามีคำสั่งดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีอาญากับกลุ่มเจ้าหน้าที่ ซึ่งญาติคาดหวังว่าจะตามมาก็ไม่เกิดขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net