8 เม.ย. 2559  นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี สนช.มีมติให้พ่วงคำถามให้ ส.ว.มีอำนาจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกับการทำประชามติเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ประหลาดใจในผลคะแนนที่ออกมาโดยไม่มีคนเห็นต่างเลย ทำไมจึงเกิดเหตุมหัศจรรย์ของโลกที่นี่ คือ ทั้งสองสภา ทั้งสปท. และสนช. เห็นตรงกันในเรื่องนี้ แต่ตนยังคงยืนยันว่า เป็นญัตติที่ผิดหลักการ เพราะเดิมเคยมีการเสนอประเด็นเหล่านี้ทั้งกรณี ส.ว. มีสิทธิโหวตซักฟอกรัฐบาล และส.ว.มีสิทธิโหวตเลือกนายกฯ แต่เมื่อกรธ.ไม่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าตกไปแล้วทั้ง 2 เรื่อง ดังนั้น การจะเสนอกลับอีกครั้งในรูปของคำถามพ่วงนั้นถือว่า ผิดหลักการด้านเจตนารมณ์ของผู้ร่างฯ

นิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการที่อ้างว่า เป็นการแก้ไขแค่บทเฉพาะกาล ไม่ใช่การแก้ไขรื้อทั้งฉบับนั้น แล้วแต่จะอ้าง หากตนขอเสนอให้ใช้รูปแบบการปกครองไทย จากเดิมที่แบ่งเป็นส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น มาใช้แค่ส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่นบ้าง โดยตัดส่วนภูมิภาคทิ้งไป เหมือนเหตุผลที่ท่านอ้างว่า ไม่ใช่การรื้อแก้ไขทั้งฉบับได้หรือไม่ ฉะนั้นจึงไม่ต้องถามแล้วว่า จะรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะเมื่อมันไม่เป็นธรรมชาติทางการเมือง คือ เป็นเรื่องไม่จริงทางการเมืองจึงเหมือนการวางระเบิดเวลาที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงไว้กับการเมืองไทยต่อไป

"ความเป็นจริงทางการเมือง คือ รัฐบาลต้องหาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรมาสนับสนุน ถ้าหาไม่ได้ จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยซึ่งอยู่ไม่ได้ ถ้าเอา ส.ว.มายกมือเลือกนายกฯ 250 คน เท่ากับเอา ส.ว.มาตั้งรัฐบาล ถือเป็นพรรครัฐบาลที่ใหญ่ที่สุด แต่อย่าลืมว่า เมื่อนายกฯ จะเสนอร่างพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปีงบประมาณ หรือ กฎหมายสำคัญ หรือ กฎหมายการเงิน นายกฯ ต้องใช้เสียงจากสภาผู้แทนฯ มาหนุน หากหาเสียง ส.ส.ในสภาผู้แทนฯ ไม่ได้ เมื่อกฎหมายเหล่านี้ถูกคว่ำ จะเอาเสียง ส.ว.มาหนุนก็ไม่ได้ ผมให้เวลา 6 เดือน ไปไม่รอด เปรียบเหมือน ส.ว. เป็นหมอทำคลอดรัฐบาลออกมา อยู่ได้ไม่นานติดเชื้อ ก่อนจะส่งกลับถึงมือหมออีกที ตายก่อนถึงมือหมอแล้ว สำหรับผมชัดเจนยิ่งถ้าเอาคำถามพ่วงในการทำประชามติมาถามแบบนี้ ผมไม่รับแน่ ประกาศไว้เลยวันนี้" นิพิฏฐ์ กล่าว

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์