Skip to main content
sharethis

24 เม.ย. 2559 ในห้องทำงานแห่งหนึ่งของอาคารรัฐสภาที่ใหญ่โต ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ เมืองหลวงที่ถูกออกแบบโดยกองทัพ โบโบอูกำลังพิจารณากองจดหมายอยู่บนโต๊ะ กองจดหมายเหล่านี้มีจำนวนมากที่เป็นจดหมายเชิญ คำขอพบปะจากสถานทูตต่างประเทศ และจดหมายจากนักธุรกิจที่ต้องการนัดคุยกับพรรครัฐบาลจากการเลือกตั้งใหม่ล่าสุดอย่างพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ เอ็นแอลดี (NLD) 

โบโบอูเป็นเลขาธิการคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ของรัฐสภาเมียนมาร์ เขาบอกว่าเขาจะปฏิเสธจดหมายการพูดคุยของนักธุรกิจอย่างสุภาพเพราะเขาไม่อยากถูกเชื้อชวนให้ทำอะไรเอื้อต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของใครคนใดคนหนึ่ง

"มีสิ่งดีๆ มากมายเข้ามาหาพวกเรา มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่พวกเราจะต้องไม่ถูกล่อลวงโดยบางสิ่งในนี้" โบโบอูกล่าว

สำหรับคนอายุ 52 ปีอย่างเขาแล้ว อาคารรัฐสภาถือเป็นสถานที่ที่มีความแตกต่างสุดขั้วกับสถานที่ที่เขาเคยอยู่ในช่วงวัยผู้ใหญ่ โบโบอูถูกเผด็จการทหารสั่งจำคุกในตอนที่เขาอายุได้ 26 ปี จากการที่เขาเข้าร่วมการลุกฮือเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2531 และถูกส่งตัวไปขังตามที่ต่างๆ ในประเทศนับตั้งแต่ปี 2532-2552

โบโบอูให้สัมภาษณืต่อเมียนมาร์นาวว่า "ในทุกวันนี้ผู้คนมักจะถามผมว่าในอดีตผมเคยนึกจินตนาการถึงการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไหม ผมตอบว่าผมไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงมันเลย"

การที่โบโบอูได้ออกจากคุกอันอับชื้นและมืดมนมารับตำแหน่งสำคัญทางการเมืองถือเป็นเรื่องที่ฟังดูราวกับฉากละคร แต่นอกจากเขาแล้วก็ยังมีอดีตนักโทษการเมืองเมียนมาร์รายอื่นๆ อีกที่จู่ๆ ก็ได้ออกจากคุกมารับตำแหน่งทางด้านนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารทันทีหลังจากพรรคเอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นเมื่อปีที่แล้ว

อดีตนักโทษที่กลายมาเป็นนักการเมืองในตอนนี้ต้องรับหน้าที่ปฏิรูปและพัฒนาประเทศหลังจากที่ถูกหยุดการพัฒนาไว้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาภายใต้การปกครองระบอบเผด็จการ ภายใต้ความขัดแย้งและการจัดการทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาด และในขณะที่พวกเขากำลังพัฒนาประเทศอยู่นั้นพวกเขาก็ยังต้องคอยดิ้นรนต่อสู้กองทัพที่ยังคงมีอำนาจอยู่ด้วย

โบโบอู มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยในย่างกุ้งเขากำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยย่างกุ้งภาควิชาภาษาอังกฤษในช่วงที่การลุกฮือปี 2531 เปลี่ยนชีวิตเขา เช่นเดียวกับนักเรียนจำนวนมากในยุคของเขา เวลาส่วนใหญ่ในชีวิของเขาถูกกักขังไว้ในคุก ทำให้เป้าหมายในชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

"ความฝันสมัยเด็กของผมคือการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแล้ว ผมก็เข้าร่วมกิจกรรมการเมือง" โบโบอูกล่าว

ในช่วงที่เขาถูกกักขังอย่างยาวนาน เขาต้องประสบกับการถูกขังเดี่ยว เผชิญกับความเจ็บป่วยและหิวโหย ได้เห็นเพื่อนเสียชีวิตเพราะถูกปฏิบัติแย่ๆ ในคุก ในช่วงที่เขาอยู่ในคุกพ่อของเขาก็เสียชีวิตลง ภรรยาของเขาในตอนนั้นที่เป็นลูกสาวของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงก็ทิ้งเขาไป เมื่อเขาออกจากคุกในปี 2552 เขาก็แต่งงานกับอดีตนักโทษการเมืองอีกคนหนึ่งที่ถูกปล่อยตัวในวันเดียวกัน เขาเปิดแกลอรีศิลปะในกรุงย่างกุ้งแล้วก็หันกลับเข้าสู่การเมืองโดยทันที

โบโบอูกลายเป็นสมาชิกที่มีความกระตือรือร้นของพรรคเอ็นแอลดีที่มีความสามารถในทักษะทางสังคมและการจัดการ เขากลายเป็นสมาชิกคณะกรรมการระเบียบวินัยของพรรคในย่างกุ้งและหัวหน้าพรรคอย่างอองซานซูจีก็ให้เขาทำหน้าที่จัดงานระดมทุนให้กับพรรค

จนกระทั่งในปี 2558 เขาก็ชนะคะแนนเสียงได้เป็น ส.ส. ในตำบลซันฉ่อง เมืองย่างกุ้ง

ในตอนนี้โบโบอูอาศัยอยู่ในส่วนของที่พัก ส.ส. ในกรุงเนปิดอว์อยู่ไม่ไกลจากรัฐสภาร่วมกับ ส.ส. คนใหม่หลายคน ทำให้เขาได้อยู่ร่วมกับสมาชิกเก่าแก่ของพรรคเอ็นแอลดีจำนวนมากซึ่งบางคนก็เคยเป็นเพื่อนร่วมเรือนจำโบโบอูมาก่อน

ที่พักอาศัย ส.ส. มีความเรียบง่ายจนเปรียบเทียบได้กับหอพักของนักศึกษา เป็นอาคารปูพื้นด้วยคอนกรีต มีห้องน้ำภายในห้องพัก แต่ละห้องมีเตียงเดี่ยวมีแต่โครงไม้ 3 เตียง ส.ส. ส่วนใหญ่ไม่ได้พาครอบครัวของพวกเขามาอยู่ด้วยในพื้นที่เมืองหลวงอันห่างไกลและมีสภาพที่อยู่อาศัยทรหดเช่นนี้ ทรหดในระดับที่โบโบอูบอกว่ามันร้อนจนนอนไม่ได้เพราะในห้องมีแต่พัดลมติดเพดานเท่านั้น แต่มันก็ยังดีกว่าตรงที่เขายังได้อ่านหนังสือและว่ายน้ำในเวลาว่าง แต่ในคุกเขาได้แต่นอนคนเดียวไม่มีชีวิตสังคมหรือชีวิตส่วนตัวเลย

อย่างไรก็ตามโบโบอูก็รีบปัดการสนทนากับเมียนมาร์นาวออกจากเรื่องการเปรียบเทียบชีวิตในคุก เพื่อที่เขาจะแสดงออกว่าเขามีความสุขกับการได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตยมากเพียงใด เขาบอกว่า "ทุกอย่างดีมากในตอนนี้"

โบโบอูเป็นวิปพรรคเอ็นแอลดีที่ดูแลทั้งสภาล่างและสภาบนในเขตภูมิภาคย่างกุ้ง ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสำคัญที่จะคอยดูแลให้ ส.ส. ในพรรคดำเนินการตามระเบียนการนำของพรรค ในทุกๆ วันจันทร์เขาจะต้องคอยส่งหนังสือพิมพ์ของพรรคชื่อ "D-wave" ให้กับ ส.ส. ทุกคนเพื่อให้พวกเขาทราบถึงแผนการของพรรค

โบโบอูกล่าวว่างานสำคัญอย่างหนึ่งของพรรครัฐบาลใหม่อย่างเอ็นแอลดีคือการต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน เขาพบปะกับ ส.ส. มากกว่า 50 คนของพรรคอยู่เป็นประจำเพื่อพูดถึงแผนการพรรคคร่าวๆ และคอยติดตามสภาพความเป็นอยู่ของแต่ละคน

"การติดสินบนแลการทุจริตอาจจะเกิดขึ้นเป็นบางครั้งเมื่อคนเราประสบความยากลำบาก นั่นเป็นเหตุผว่าทำไมผมถึงติดตามสภาพความเป็นอยู่ของเพื่อน ส.ส. ว่าพวกเขากำลังต้องการใช้เงินหรือไม่ ผมอาจจะให้ยืมไปก่อนส่วนหนึ่ง เรื่องนี้สำคัญมาก (การเป็นคนซื่อตรง) ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จรรโลงพรรคของพวกเรา" โบโบอูกล่าว

ทั้งนี้โบโบอูยังหวังว่าพรรคเอ็นแอลดีและพรรคการเมืองเสียงข้างมากจะสามารถหลักดันให้เกิดการปฏิรูปได้แม้จะมีแรงต้านจากกองทัพซึ่งควบคุมสภาอยู่ครึ่งหนึ่งและยังคานอำนาจได้มาก แต่โบโบอูก็หวังว่าอะไรๆ จะดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เขามองอนาคตของประเทศในแง่ดี ถึงแม้ว่าบางครั้งเราจะเต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อนึกถึงคนที่เสียชีวิตในคุกก่อนที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประชาธิปไตย

เมื่อทางเมียนมาร์นาวถามว่าเขาต้องการนำผู้บัญชาการทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเพื่อนเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ โบโบอูก็บอกว่าในตอนนี้เขาต้องการเน้นเรื่องความปรองดองในชาติมากกว่า มันเป็นงานที่ละเอียดอ่อนในการที่พวกเขาจะต้องทำให้แน่ใจว่าเหล่าผู้นำทหารจะหาทางลงจากเวทีการเมืองได้อย่างราบรื่น

 

เรียบเรียงจาก

From prison cell to the halls of power: an NLD MP’s journey, Myanmar Now, 22-04-2016

http://www.myanmar-now.org/news/i/?id=cbc87112-9232-4b76-b009-fc5941886482

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net