อย่าไปกลัวนายทุนยึดครองเศรษฐกิจ อนุพงษ์ยัน 'บริษัทประชารัฐ' ให้ปชช.ถือหุ้น

รมว.มหาดไทย ขออย่ากังวลว่าจะมีนายทุนไปยึดครองเศรษฐกิจ แต่เราจะมีบริษัทประชารัฐเข้ามาให้ประชาชนถือหุ้นแต่จะไม่มีปันผล และให้คนในพื้นที่มาเป็นเจ้าหน้าที่ในบริษัท ย้ำพลังสามัคคีของทุกภาคส่วนเพื่อนำประเทศสู่การพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

 
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้บรรยายพิเศษ เรื่อง การขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศไทยด้วยกลไก “ประชารัฐ” ในการประชุมสัมมนา “การขับเคลื่อนและการปฏิรูปประเทศไทยแบบบูรณาการ” ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีจัดขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจถึงการดำเนินงานของรัฐบาล ให้แก่ ส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมี ผู้บริหารระดับสูงของทุกกระทรวง อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เข้าร่วมประชุมฯ กว่า 1,000 คน และมีการถ่ายทอดสดการประชุมผ่านระบบ Video Conference ไปยังศาลากลางจังหวัดเพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด นายอำเภอ ประธานสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านประจำจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เข้าร่วมรับฟังการประชุมด้วย
 
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับ ทุกกระทรวงในการดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งวันนี้จะได้นำเสนอ ส่วนหนึ่งของกลไกประชารัฐ ที่จะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชน มีรายได้อย่างเพียงพอ ซึ่งโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยต้องแก้ไขทั้งระบบ คือ ทั้งระดับมหภาค และระดับจุลภาค หรือระดับครัวเรือน
 
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันทั่วโลกต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจหลายประเทศ สำหรับประเทศไทย เราก็ต้องประสบกับ ปัญหาหนี้สิน เริ่มตั้งแต่เศรษฐกิจครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนของเราเป็นภาคการเกษตร กว่า 30 ล้านคน เราต้องประสบกับผลกระทบในหลายๆ ด้าน เช่น  ความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม  ปัญหาการตลาด การขาดองค์ความรู้  และผลกระทบจากปัญหาการเมือง ดังนั้น เราจึงต้องวางทิศทาง การบริหารในสิ่งที่ควรจะเป็น เพื่อสร้างรายได้ ให้ประชาชนมีรายได้เพียงพอ กับค่าใช้จ่าย มีคุณภาพชีวิตที่ดี และไม่เป็นหนี้สิน
 
รมว.กระทวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ได้น้อมนำ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือ เกษตรทางเลือก มาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการในหลายมาตรการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทั้งด้านการลดต้นทุนการผลิต การให้ความรู้ การสร้างมูลค่าเพิ่ม การตลาด การช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิต และ หลักการ "ประชารัฐ " โดยอาศัย กลไกความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ “โดยใช้กลไกประชารัฐ” ในการดำเนินการทุกๆด้าน
 
ทั้งด้านเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาอื่นๆ ของประเทศ เช่น ปัญหาขยะ ที่เราต้องประสบปัญหากันมานาน ดังนั้น เราจึงต้องวางระบบบริหารจัดการที่ดีตั้งแต่ต้นทาง ถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานก็ตาม แต่สิ่งสำคัญ คือ การบริหารจัดการที่ดีที่ต้องเริ่มตั้งแต่ในท้องถิ่น ที่กระทรวงมหาดไทยต้องกำกับดูแล หรือ ปัญหาน้ำเสียที่เป็นเรื่องที่ต้องมีความร่วมมือกันหลายหน่วยงานต่อไปในอนาคตด้วย
 
สำหรับการขับเคลื่อนประเทศเชิงบูรณาการ ที่จะต้องบูรณาการทั้งงานตามภารกิจ งานในพื้นที่ และงานที่เป็นวาระสำคัญแห่งชาติ ทั้งหมดต้องยึดโยงกันแบบองค์รวมทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนจังหวัด กลุ่มจังหวัด การใช้งบประมาณทุกอย่างต้องยึดโยงกัน ซึ่งเราจะเดินไปข้างหน้าอย่างนี้เรื่อยๆ และจะนำกลไกประชารัฐ มาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
 
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ประชารัฐ มีทั้งภาครัฐและเอกชน มีคณะทำงาน 12 คณะ โดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะมีการลงพื้นที่ทั่วประเทศยกระดับคุณภาพชีวิต การปรับแก้กฎหมายในการอำนวยความสะดวก ในส่วนของการทำงานในระดับจังหวัด นายกบอกว่าจะทำอย่างไรให้ครบทุกภาคส่วน บูรณาการร่วมกัน เอกชน ประชาชน ประชาสังคม โดยเน้นย้ำให้ภาครัฐมีคณะทำงานระดับจังหวัด ส่วนภาคเอกชนจะตั้งเป็นบริษัท ทุกจังหวัดตั้งคณะทำงาน ถ้าพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือคณะทำงานจะลงไปช่วย ทั้งนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีนายทุนไปยึดครองเศรษฐกิจ แต่เราจะมีบริษัทประชารัฐเข้ามาให้ประชาชนถือหุ้นแต่จะไม่มีปันผล และให้คนในพื้นที่มาเป็นเจ้าหน้าที่ในบริษัท
 
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการแต่งตั้ง " คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ" ขึ้น มา 12 คณะ เพื่อขับเคลื่อนในแต่ละด้าน ในขณะที่ในระดับจังหวัด ก็ได้มีการแต่งตั้ง "คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวัด (คสป.)" เพื่อทำหน้าที่ประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานสานพลังประชารัฐ บูรณาการแผนงาน/โครงการที่ 12 คณะจะลงไปในพื้นที่ และรายงานผลการดำเนินงาน ต่อคณะทำงานร่วมรัฐ – เอกชน - ประชาชน และกระทรวงมหาดไทยเพื่อทราบอย่างต่อเนื่อง
 
สำหรับกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) ขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ ยุทธศาสตร์พระราชทาน “ระเบิดจากข้างใน” เราจะ เน้นการสร้าง "ห่วงโซ่การผลิต " หรือ "ห่วงโซ่คุณค่า" โดยจะลงไปดูในพื้นที่ และจะเข้าไปช่วยเหลือตามความต้องการของประชาชน เน้นการสร้างรายได้ให้ชุมชนผ่าน 3 กลุ่มงาน คือ เกษตร แปรรูป (SME/OTOP) และท่องเที่ยวโดยชุมชน มีการทำงานในรูปแบบ Social Enterprise จังหวัด โดยจัดตั้ง บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (จังหวัด) จำกัด แล้วใน 5 จังหวัด และจะดำเนินการให้ครบทุกจังหวัดต่อไป
 
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวย้ำในตอนท้าย ถึงพลังในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยกลไก “ประชารัฐ” เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน ประชาชนมีความสุข โดยเชื่อว่าประเทศไทยของเราจะสามารถขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยมีกลไกประชารัฐที่เข้มแข็งเป็นพลังสำคัญ
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท