ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งประณามรัฐบาลอิหร่านกรณีที่ศาลสั่งลงโทษนักสิทธิมนุษยชนที่กำลังป่วยชื่อ นาร์เกส โมฮัมมาดี เพิ่มจากเดิมที่เธอกำลังรับโทษจำคุกอยู่ก่อนแล้วเพียงเพราะเธอทำการรณรงค์ต่อต้านโทษประหารชีวิตแต่ก็ถูกจับทั้งที่ยังมีอาการชักและความผิดปกติทางกล้ามเนื้อ

25 พ.ค. 2559 ประชาคมโลกแสดงความไม่พอใจต่อกรณีที่ศาลอิหร่านในกรุงเตหะรานตัดสินลงโทษจำคุก นาร์เกส โมฮัมมาดี นักสิทธิมนุษยชนเพิ่มอีก 16 ปี ทั้งที่เธอกำลังรับโทษจำคุก 6 ปีจากคดีก่อนหน้านี้อยู่แล้ว

โมฮัมมาดีเป็นนักสิทธิมนุษยชนอายุ 44 ปี ผู้ก่อตั้งขบวนการเลกัม (Legam) ที่เป็นการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตแต่ก็ถูกกล่าวหาและถูกตัดสินว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนของเธอเป็นกลุ่มผิดกฎหมายที่ "สร้างความแตกแยก" และก่อนหน้านี้ในเดือน พ.ค. 2558 โมฮัมมาดีก็ถูกจับกุมเพื่อไปรับโทษจำคุก 6 ปี ในคดีที่ตัดสินไปก่อนหน้านี้ ท่ามกลางคนที่แสดงความเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพของเธอที่แย่ลงเรื่อยๆ

ในคดีก่อนหน้านี้เธอถูกตัดสินย้อนไปตั้งแต่ปี 2554 โดยถูกกล่าวหาว่าทำการต่อต้านความมั่นคงของชาติ ่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของศูนย์พิทักษ์สิทธิมนุษยชนอิหร่าน (DHRC) และทำการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบาล เดิมทีแล้วเธอถูกตัดสินในคดีนี้ให้ต้องจำคุก 11 ปี แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์ลดโทษให้เธอเหลือ 6 ปี โดยก่อนหน้านี้เธอถูกคุมขังไว้แล้ว 3 เดือนก่อนมีการประกันตัวออกมา จนกระทั่งถูกจับกลับไปรับโทษเมื่อปีที่แล้ว

ในจดหมายที่โมฮัมมาดีเขียนถึงสมาคมนักเขียนสากลหรือ PEN เธอเล่าว่าเธออยู่ในเรือนจำเดียวกับนักโทษหญิงคนอื่นๆ อีก 25 คน ที่อยู่ 23 คน ถูกลงโทษจำคุกรวมแล้ว 177 ปี ในจดหมายของเธอยังระบุอีกว่าพวกเธอถูกกล่าวหาในเรื่องเชิงศาสนาและการเมืองโดยที่ไม่มีใครเลยเป็นผู้ก่อการร้าย โมฮัมมาดีระบุอีกว่าสภาพในคุกอีวีนมีสภาพย้ำแย่ชวนให้เจ็บปวดทรมานจนทนไม่ได้แตกต่างจากคุกอื่นๆ ในอิหร่าน พวกเธอแทบไม่ได้ติดต่อกับโลกภานอกเลยเว้นแต่มีช่วงเปิดให้คนมาเยี่ยมรายสัปดาห์ และเป็นการติดต่อกันผ่านโทรศัพท์ในห้องที่กั้นด้วยกระจก 2 ชั้นเท่านั้น และอนุญาตให้ครอบครัวเยี่ยมแค่เดือนละ 1 ครั้ง

เซอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประณามการปฏิบัติต่อโมฮัมมาดีในคุก ทางด้านโฆษกข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น ราวีนา ชัมดาซานี กล่าวว่าพวกเขารู้สึกแย่มากกับการตัดสินลงโทษนักกิจกรรมต่อต้านโทษประหารชีวิตในข้อหาที่มาจากความกล้าหาญในงานด้านสิทธิมนุษยชนของเธอ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงสภาพร่างกายของเธอที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์เฉพาะทางอย่างจริงจัง โดยที่ทั้งสำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นและกลุ่มสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เรียกร้องให้ทางการอิหร่านปล่อยตัวโมฮัมมาดีมาเป็นเวลานานแล้วแต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ

"การตัดสินลงโทษโมฮัมมาดีแสดงให้เห็นความอดกลั้นต่อการทำกิจกรรมสิทธิมนุษยชนที่ต่ำลงมากในอิหร่าน พวกเราเรียกร้องให้ทางการอิหร่านรับรองการปล่อยตัวโมฮัมมาดีและคนอื่นๆ ที่เพียงแค่แสดงออกด้านสิทธิมนุษยชนของพวกเขาเองโดยทันที" ชัมดาซานี กล่าว

โมฮัมมาดีเป็นแม่ลูกสอง เธอเคยได้รับรางวัล อเล็กซานเดอร์ ลางเกอร์ ในปี 2552 จากงานด้านสิทธิมนุษยชนที่เธอทำโดยเฉพาะงานด้านการยกเลิกโทษประหารให้กับผู้กระทำผิดที่เป็นเยาวชน ในปีนี้เธอยังได้รับเหรียญรางวัลกรุงปารีสจากกิจกรรมด้านสันติภาพอีกด้วย

เว็บไซต์เดอะการ์เดียนระบุว่าสาเหตุที่โมฮัมมาดีตกเป็นเป้าโจมตีจากทางการอิหร่านเป้นเพราะเธอเป้นเพื่อนร่วมองค์กรสิทธิมนุษยชนที่มีความใกล้ชิดกับชิริน อิบาดี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2546 ที่ถูกทำให้ต้องออกจากประเทศ

ในช่วงที่โมฮัมมาดีถูกขังเดี่ยวในคุกอีวินเมื่อปี 2553 เธอก็มีอาการชักและสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อชั่วคราวจากโรคที่ยังไม่ได้รับวินิจฉัย และจากสภาพที่ลูกสาวฝาแฝดของเธอทั้ง 2 คน ที่มีอายุเพียง 9 ขวบ ต้องถูกบีบให้ไปใช้ชีวิตนอกประเทศและได้รับอนุญาตให้คุยกับแม่ทางโทรศัพท์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทำให้สามีของเธอเป็นห่วงว่าพวกเธอจะจำเสียงแม่เธอได้หรือไม่หลังจากทีเะอได้ออกจากคุกอีก 10 ปีหลังจากนั้น

องค์กรสังเกตการณ์ด้านการคุ้มครองนักสิทธิมนุษยชนจากฝรั่งเศสประณามกระบวนการยุติธรรมในอิหร่านว่าเป็น "การคุกคามด้วยกระบวนการศาลต่อนักสิทธิมนุษยชนผู้ที่ถูกคุมขังตามอำเภอใจ" และเรียกร้องให้อิหร่ายปล่อยตัวโมฮัมมาดี ทั้งนี้ยังมีตัวแทนจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนอีกหลายแห่งกล่าวประณามปละเรียกร้องให้ปล่อยตัวดมอัมมาดีเช่นกัน

เรียบเรียงจาก

UN condemns 16-year jail sentence for Iranian activist Narges Mohammadi, The Guardian, 24-05-2016 http://www.theguardian.com/global-development/2016/may/24/narges-mohammadi-iranian-activist-un-condemns-10-year-jail-sentence